สวัสดีครับ กลับมาอีกแล้วกับ TAXBugnoms เจ้าเก่าเจ้าเดิม และสิ่งที่จะมาเพิ่มเติมบทความในช่วงปลายปีแบบนี้ ก็คงจะไม่พ้นเรื่องของการลดหย่อนภาษีอีกแล้วครับผม แหม.. ช่วงสุดท้ายท้ายสุดแบบนี้ หลายคนคงคิดจะจัดเต็มกันเลยทีเดียวใช่ไหมครับ

ช่วงหลังๆเรามักได้ยินบ่อยๆใช่ไหมครับว่า การซื้อสินทรัพย์ทางการเงินต่างๆทีไ่ด้สิทธิลดหย่อนภาษีเช่น ประกันชีวิต RMF LTF เราจะต้องไม่ดูเพียงแค่ลดหย่อนภาษีเพียงอย่างเดียว (ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่พูดแบบนั้นอยู่บ่อยๆครับ) แต่หลังๆเห็นผู้เชี่ยวชาญหรือกูรูการเงินบางท่านเทียบ % ผลตอบแทนและภาษีที่ประหยัดได้กันเลยทีเดียวว่า ถ้ารายได้เสียภาษีไม่ถึงฐานกี่ % ไม่ควรซื้อ

โดยความเห็นของผมแล้ว ส่วนนึงเห็นด้วยกับที่หลายๆท่านกล่าวมานะครับ แต่มีบางสิ่งบางอย่างที่อยากแสดงความเห็นเพิ่มเติมสักเล็กน้อยครับว่า ไอ้คำว่า ซื้อโดยที่ไม่ดูเรื่องลดหย่อนภาษีเพียงอย่างเดียวนั้น มันหมายความว่ายังไง

ผมขอยกตัวอย่างเรื่องของ RMF มาอธิบายละกันนะครับ เพราะมีหลายประเด็นที่น่าสนใจในเรื่องนี้ โดยขอแยกให้ชัดเจนเป็น 3 ประเด็นตามนี้ครับ

1. ดูก่อนว่า “จุดประสงค์” คืออะไร

จริงอยู่ที่ว่า การลดภาษีนั้นถือเป็นหนึ่งในจุดประสงค์ของการซื้อสินทรัพย์ทางการเงินต่างๆอย่างทีว่ามา แต่ประเด็นคือเราต้องการอะไรจากการซื้อนั้น และข้อผูกพันเงื่อนไขตามกฎหมายก็เป็นเรื่องสำคัญที่ควรรู้ไว้

ถ้าสังเกตดีๆ  คนส่วนใหญ่มักจะไม่ซื้อ RMF เพราะเพียงต้องการลดหย่อนภาษี เนื่องจากมองว่าเงื่อนไขมันยาวนาน และมากเกินไปจนทำให้เงินของเราจมอยู่ในนั้น เอาล่ะ งั้นหันไปซื้อ LTF กันดีกว่าเพราะไม่นานมากเท่าไร

แต่เอาเข้าจริง RMF ที่ว่า มันมีไว้เพื่อการวางแผนเกษียณไม่ใช่เหรอ พอวัตถุประสงค์ถูกเทไปที่การลดภาษีและการมีเงินใช้กลับมาเร็วๆ RMF ก็กลายเป็นสิ่งที่ไม่ถูกเลือกไปซะนั่น

2. เสียภาษีน้อยก็ออมได้

ผมมักจะเน้นว่า ถ้าไม่เสียภาษีไม่จำเป็นต้องซื้อ เพราะเราสามารถเลือกกองทุนอื่นเพื่อใช้ในการวางแผนได้เหมือนกันโดยที่ไม่มีเงื่อนไขทางภาษีมาจำกัด แต่สำหรับคนที่เริ่มเสียภาษีแล้ว ผมอยากให้ถามตัวเองก่อนว่า คุ้มไหม?

มีตัวอย่างนึงของความคุ้มค่าที่อยากจะแชร์ให้ฟัง เพราะว่ามีน้องคนหนึ่งถามผมว่า พี่หนอมคะ ถ้าหากหนูเสียภาษีในฐาน 5% แต่หนูอยากออมเงินเพื่อการเกษียณ เพราะหนูเป็นคนไม่มีวินัยในการเงิน เลยอยากจะใช้ RMF เป็นตัวช่วย แบบนี้ได้ไหมคะ

เห็นไหมครับว่า คำถามที่เปลี่ยนก็เปลี่ยนคำตอบไปได้เหมือนกัน จากการซื้อ RMF เพื่อความคุ้มค่าที่เป็นตัวเลขด้านภาษี กลายเป็นการสร้างวินัยไปได้ซะนี่ แบบนี้กรณ๊นี้ก็อาจจะคุ้มเหมือนกันครับ

ดังนั้น ความคุ้มที่ว่า ต้องตอบได้ด้วยตัวเองด้วยครับว่า แบบไหนถึงเรียกว่าคุ้มสำหรับเรา (และไม่ผิดเงื่อนไขทางภาษี) โดยที่ไม่ต้องเอามาตรฐานของคนอื่นมาวัดครับ

3. โอกาสในการสร้างผลตอบแทน

สุดท้ายนั้นเกี่ยวข้องกับหลักการ “ดอกเบี้ยทบต้น” หรือเครื่องมือที่จะช่วยสร้างผลตอบแทนให้กับเราได้ในระยะยาว

การซื้อ RMF เป็นการสร้างโอกาสสร้างผลตอบแทนให้กับเรา เพราะว่า เราไม่สามารถนำเงินออกมาได้ (ตามเงื่อนไขทางกฎหมาย) และ ไม่มีการจ่ายเงินปันผล (เงินปันผลถูกนำไปลงทุนต่อ) รวมถึงช่วยเราในการจัดพอร์ทการลงทุนและสับเปลี่ยนกองทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนได้อีกด้วยครับ

ทีนี้การสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดในการลงทุน RMF นั่นคือเลือกกองทุนที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง ซึ่งแน่ละครับว่า จะมีความเสี่ยงสูงตามมา อย่างเช่นกองทุนหุ้น แต่สิ่งที่จะช่วยเราลดความเสี่ยงได้คือระยะเวลาในการลงทุนนั่นเองครับ

หากใครติดตามคลิปรายการ กองทุนไหนดีอาจจะจำได้ว่าตอนที่พูดถึงกองทุน  KTSERMF กองทุนเปิดกรุงไทยซีเล็คทีฟเพื่อการเลี้ยงชีพ ซึ่งเป็นกองทุนที่ต่อยอดมาจากกองทุนกรุงไทย ซีเล็คทีฟ อิควิตี้ฟันด์ (KTSE) ครับ

https://www.facebook.com/plugins/video.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2Faommoneyth%2Fvideos%2F1142831922436613%2F&show_text=0&width=560

รายการกองทุนไหนดี? by aomMONEY ตอนที่ 6

จากข้อมูลในคลิปวีดีโอ (ช่วงนาทีที่ 27) จะเห็นว่ากองทุนนี้ค่อนข้างมีความผันผวนในการลงทุนครับ โดยมีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นเป็นรายตัว  ผ่านหลักการคัดเลือกแบบ  Bottom-up  เป็นหลัก และเน้นลงทุนใน หลักทรัพย์ขนาดกลางและเล็กที่มีพื้นฐานดีและมีโอกาสเติบโตในระยะยาว

เห็นไหมครับว่า จากการแค่อยากจะวางแผนลดภาษี ใครหลายคนอาจจะคิดว่า ซื้อ RMF กองไหนก็ได้ มันเริ่มจะไม่พอแล้ว เพราะต้องมาดูก่อนว่าเราชอบกองทุนที่มีการลงทุนแบบนี้ไหม และสามารถยอมรับความเสี่ยงสูง เพื่อมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงขึ้นตามไปด้วยหรือเปล่า ไปจนถึงการรู้ถึงนโยบายในการลงทุน การเลือกหุ้น แนวโน้ม และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จะทำให้เราเห็นภาพชัดขึ้นในการลงทุน

เมื่อก่อนผมก็เป็นคนหนึ่งที่คิดว่า “ซื้อๆไปเหอะ เพื่อให้ได้ลดภาษีมากที่สุดก็พอ” แต่เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งที่ผมได้รับคำตอบกับตัวเองก็คือ “การลดภาษีไม่สำคัญเท่ากับการวางแผนการเงินในอนาคต” เพราะว่ามันจะทำให้ภาพรวมของความมั่งคั่งของเราเพิ่มมากขึ้นไปด้วยครับ ไม่ว่าจะเป็นเรืองของการประหยัดภาษี การสร้างวินัยในการลงทุน ไปจนถึงผลตอบแทนที่เราได้รับคุ้มกับความเสี่ยงหรือไม่

สุดท้ายนี้ หวังว่าบทความ และขอบคุณข้อมูลดีๆจากทางกองทุน KTSERMF ด้วยครับ หากใครสนใจก็สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.ktam.co.th/en/mutual-fund/mutual-detail.aspx?FundID=298&FundMenuID=4&level=3

บทความนี้เป็น Advertorial