เมื่อมาถึงปลายปีทีไร ใครหลายคนคงคิดถึงฤดูกาลลดภาษีกันทู้กที ว่าแต่คำถามก็คือ แล้วจะซื้ออะไรดีครับพรี่หนอม น้องมีเงินจำกัด ชีวิตก็ขัดสน จะให้ประหยัดภาษีหมดทุกตัวก็คงจะไม่ได้ แบบนี้จะทำยังไงให้ได้ประโยชน์สูงสุดละคร้าบ

ซึ่งค่าลดหย่อนที่ใครหลายคนสนใจนั้น ก็คงไม่พ้นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และประกันชีวิต นั่นเองคร้าบ แต่ก่อนจะเข้าไปถึงปัญหา ผมอยากแนะนำก่อนว่า ลองกลับไปอ่านบทความเก่าๆ เพื่อปรับทัศนคติให้เข้าใจก่อนว่า สิ่งที่เราต้องการลดหย่อนนั้น มันคืออะไรกันแน่!!

สำหรับปัญหานี้ ขอบอกเลยครับว่า สิ่งแรกที่เราควรคิด คือ ประโยชน์จริงๆที่เราได้รับจากการลงทุนในค่าลดหย่อนแต่ละกลุ่ม มากกว่าการคิดเพื่อลดภาษี #ซื้อๆไปเหอะขอให้ลดภาษี เพราะแต่ละการลงทุนนั้นก็มีข้อจำกัดและวัตถุประสงค์ที่ควรรู้นอกจากสิทธิประโยชน์ในการประหยัดภาษีดังนี้ครับ

  1. การลงทุนใน LTF คือ การลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงสุด เนื่องจากมีสัดส่วนของหุ้นขั้นต่ำ 65%
  2. การลงทุนใน RMF คือ การลงทุนที่ต้องถือระยะยาวที่สุด เนื่องจากต้องถือไว้ถึงอายุ 55 ปีถึงจะสามารถนำออกมาได้ ซึ่งมีการลงทุนในสินทรัพย์ครบทุกประเภทตั้งแต่ความเสี่ยงต่ำไปจนถึงความเสี่ยงสูง
  3. การซื้อประกัน คือ การป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งมีประกันอยู่ 2 ประเภทที่ได้รับสิทธิลดหย่อนภาษี คือ ประกันชีวิตแบบทั่วไปที่มีระยะเวลาความคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไปและประกันชีวิตแบบบำนาญสำหรับการวางแผนเกษียณ

ถ้าสังเกตดีๆ แต่ละการลงทุนนั้นจะมีข้อจำกัดที่แตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์การลงทุน ดังนั้นสิ่งที่เราควรถามตัวเองก็คือ เราต้องการวิธีการลงทุนแบบไหน แล้วค่อยไล่เรียงไปตามความสำคัญของการลงทุนที่เราต้องการตามลำดับครับ เช่น

1. เรามีการลงทุนเพื่อวัยเกษียณหรือยัง

หนึ่งในเป้าหมายการเงินที่สำคัญคือ การเกษียณ ดังนั้นคำถามที่เราควรจะถามตัวเองก็คือ เรามีช่องทางในการวางแผนเกษียณแล้วหรือยัง เช่น เงินออม เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ประกันสังคม และสิ่งที่เรามีนั้นมันเพียงพอหรือไม่ ถ้ายังไม่พอ เราค่อยมาดูแต่ละตัวเลือกดังนี้ครับ

  • การลงทุนในกองทุนรวมอย่าง RMF อาจจะเป็นตัวช่วยหนึ่งที่นำมาใช้ในการวางแผนเกษียณ ผ่านการลงทุนต่อเนื่องติดต่อกันเพื่อสร้างวินัยให้กับเราอีกทางหนึ่ง
  • การซื้อประกันแบบบำนาญ เพื่อสร้างผลตอบแทนต่อเนื่องทุกเดือนเหมือนการมีบำนาญเมื่อเราเกษียณ และการสร้างรายได้ที่ปลอดภัยให้กับชีวิตเราในช่วงเวลานั้น

2. เรามีการป้องกันความเสี่ยงที่เหมาะสมหรือยัง

เตือนใจตัวเองก่อนว่า “ประกันแบบออมทรัพย์” ไม่ได้เน้นเพื่อการลงทุน แต่มันคือการป้องกันความเสี่ยงควบคู่ไปกับผลตอบแทนเล็กๆน้อยๆให้เป็นเงินคืน  ส่วน “ประกันแบบบำนาญ” นั้น ทำหน้าที่ในการป้องกันความเสี่ยงและวางแผนเกษียณไปพร้อมๆ กัน

ถ้าใครที่ยังขาดในเรื่องของการป้องกันความเสี่ยง นี่อาจจะเป็นโอกาสที่ดีของเราครับ

3. เรามีการลงทุนระยะยาวในหุ้นบ้างไหม

การลงทุนในหุ้น คือ การลงทุนอีกประเภทหนึ่งที่ให้ผลตอบแทนสูง ถ้าหากเรารับความเสี่ยงได้ดีและต้องการเพิ่มผลตอบแทนในการลงทุน วิธีลงทุนใน LTF  ก็ถือเป็นอีกทางหนึงในการลงทุนที่ดีให้กับเราได้เช่นเดียวกัน

ถ้าสังเกตให้ดี จาก 3 ข้อที่พูดมานี้ ผมไม่ได้พูดถึงเรื่องของการลดหย่อนภาษีเลยใช่ไหมครับ? อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ต้นครับว่า การลงทุนที่ดีนั้น ต้องสนใจที่วัตถุประสงค์ในการลงทุน และมองผลตอบแทนที่ได้รับจากการประหยัดภาษีเป็นเรื่องรองลงมา ไม่ใช่เรามองหาแต่ การลดภาษี จนลืมไปว่าวัตถุประสงค์ของการลงทุนที่แท้จริงของเราคืออะไร และแบบนั้นคงไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องในการลงทุนอย่างแน่นอนครับ

สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าเราจะอยากวางแผนภาษี หรือประหยัดภาษีแค่ไหนก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงถึง คือ การเลือกใช้เครื่องมือในการประหยัดภาษีให้สอดคล้องกับความต้องการของเรา และที่สำคัญคือเราต้องมั่นใจด้วยว่า เราสามารถลงทุนตามวัตถุประสงค์ได้จริง เพื่อไม่ให้มีปัญหาภาษีย้อนหลังนั่นแหละครับ

ส่วนใครที่ไม่แน่ใจว่าแผนที่ตัวเองวางไว้เหมาะกับความต้องการ สภาวะการเงิน และเป้าหมายที่ตั้งใจแล้วหรือยัง สมัยนี้ก็มีตัวช่วย “ที่ปรึกษาการเงิน” ดีๆ มากมายเลยนะครับ อย่างเช่น กรุงเทพประกันชีวิต เพราะสามารถให้คำแนะนำเรื่องวางแผนการเงินรอบด้าน และนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันความเสี่ยงด้วยประกันแบบต่างๆ และการออมการลงทุนผ่านกองทุนรวม LTF RMF สามารถรับคำปรึกษาได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถติดต่อได้ที่ 02-777-8888 หรือ http://www.unitpension.bangkoklife.com/ คร้าบบบบบ

บทความนี้เป็นบทความ Advertorial