สวัสดีครับ กลับมาพบกับผม TAXBugnoms เจ้าเก่าเจ้าเดิม เพิ่มเติมคือเทคนิคการวางแผนภาษี สำหรับบทความนี้เป็นบทความเกี่ยวกับชีวิตของ มนุษย์เงินเดือน ผู้ที่มีรายได้ประจำ และอยากลดหย่อนภาษี เรามาดูกันครับว่า สำหรับคนกลุ่มนี้ ควรจะวางแผนภาษีอย่างไรบ้าง

ก่อนอื่น ผมขอเล่าให้ฟังเบาๆก่อนครับว่ามนุษย์เงินเดือนทั้งหลายนั้น มักจะบ่นและมีปัญหาเบาๆกับการวางแผนภาษีอยู่เรื่อยๆ เนื่องจากค่าใช้จ่ายนั้นสามารถใช้สิทธิได้เพียง 40% ไม่เกิน 60,000 บาท ส่วนที่เหลือเลยต้องมาพยายามกันที่ค่าลดหย่อนแทน ซึ่งค่าลดหย่อนยอดฮิตทั้งหลายนั้น ก็มีอยู่ 3 ตัวคือ LTF , RMF และ ประกันชีวิตครับ

แต่เท่าที่สังเกตดูนั้น ผมมักจะเห็นมนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่ มักจะเลือกลดหย่อนภาษีด้วยประกันชีวิต เนื่องจากสาเหตุดังต่อไปนี้ครับ นั่นคือ ความต้องการเก็บสะสมเงินระยะยาว เพื่อเพิ่มเงินในกระเป๋า และรับความเสี่ยงได้ต่ำ

เริ่มต้นจากคำว่า “เก็บสะสมเงินระยะยาว” ผมมองว่าประกันชีวิตเป็นการเก็บสะสมเงินในรูปแบบหนึ่ง เหมือนกันกับ LTF และ RMF เพียงแต่ว่าประกันชีวิตจะมีเงื่อนไขอยู่ตรงกลางระหว่าง LTF และ RMF ตรงที่ เมื่อซื้อแล้วจะต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันติดต่อกันในระยะเวลาหนึ่ง แต่ไม่ยาวนานเท่ากับ RMF ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างวินัยในการเก็บเงินอีกรูปแบบหนึ่งที่ได้รับการป้องกันความเสี่ยง และผลตอบแทนกลับมาครับ

ต่อมา “เพิ่มเงินในกระเป๋า” นอกจากผลตอบแทนที่ได้รับจากประกันชีวิตแล้ว จะได้รับผลประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีด้วย โดยสำหรับประกันชีวิตแบบออมทรัพย์จะได้สิทธิลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ก็ช่วยเพิ่มเงินในกระเป๋าได้เยอะเหมือนกันนะครับ

สุดท้าย “รับความเสี่ยงได้ต่ำ” แม้ว่าประกันชีวิตนั้นจะได้รับผลตอบแทนอาจไม่สูงมากนัก แต่สิ่งที่ได้รับพ่วงด้วยความคุ้มครองอย่างที่ว่ามา ร่วมกับความเสี่ยงที่ต่ำเมื่อเทียบกับ LTF และ RMF (บางประเภท) ก็ทำให้มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่นั้นตัดสินใจเลือกซื้อได้ไม่ยากสักเท่าไร

ทีนี้มาถึงคำถามต่อมาครับ เมื่อเรารู้เหตุผลที่เลือกซื้อประกันชีวิตแล้ว สิ่งที่เราต้องดูต่อไปคือ แล้วจะซื้อประกันชีวิตออมทรัพย์ตัวไหนดี ที่จะให้สิทธิประโยชน์และเงื่อนไขตามที่เราต้องการ เอาล่ะครับ เรามาดูกันเลยดีกว่า

1. เรามีกระแสเงินสดแบบไหน คือ การหมุนเวียนเงินของเรานั้น ต้องเพียงพอในการซื้อประกันชีวิตด้วย เนื่องจากรายได้ประจำของเรานั้นถือเป็นรายได้ที่คงที่ ดังนั้นต้องจัดการหมุนเวียนและจัดสรรเงินตรงนี้ให้ดีด้วยครับ เช่นถ้าอีก 10 ปีจะเกษียณ ก็ควรเลือกประกันที่มีระยะการจ่ายเบี้ยไม่เกิน 10 ปี เพื่อให้เราไม่ต้องกลุ้มใจภาระนี้หลังเกษียณ เป็นต้น

2. แม้ว่าจะมีความเสี่ยงต่ำ แต่เราควรได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม ซึ่งผลตอบแทนแบบการันตีก็จะตอบโจทย์เรื่องความเสี่ยงไปตามที่เราพอเข้าใจกัน ส่วนโอกาสในการรับเงินปันผล ก็ถือเป็นอีกตัวหนึ่งในการช่วยเพิ่มผลตอบแทน ซึ่งควรเอามาพิจารณาเช่นเดียวกันครับ

โดยเงินปันผลที่ว่านี้ มันคือการที่ประกันเค้าเอาเงินค่าเบี้ยของเราแบ่งส่วนไปลงทุนและจะพิจารณาจ่ายเงินปันผลออกมา ตามผลประกอบการและรูปแบบประกันในแต่ละปี มองง่ายๆ คล้ายการลงทุนในกองทุนหรือการเลือกซื้อหุ้นนั่นเองครับ เพียงแต่ต่างกันตรงที่อาจจะไม่กำไรหวือหวา สักเท่าไรนัก หากการลงทุนไม่ได้ผลตอบแทนที่ดีนัก เราก็อาจไม่ได้เงินปันผลเท่านั้นเอง ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้นและกองทุน แต่ยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนอยู่ครับ

3. ช่วงระยะเวลาสัญญาหรือความคุ้มครอง สิ่งนี้จะสัมพันธ์กับกระแสเงินสดเหมือนกัน  เช่นถ้าเราอายุ 40 ปี อยากให้เงินคืนทั้งหมดไม่เกินอายุ 60 ปี ก็เลือกที่อายุสัญญาไม่เกิน 20 ปีครับ ตรงนี้ดูด้วยว่าต้องใช้ตอนไหนและอย่างไรนะครับ ยังไงอย่าลืมคำนวณให้รอบคอบด้วยนะครับ

4. สิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี ตัวสุดท้ายคือรู้จักสิทธิ์ของตัวเอง โดยประกันชีวิตแบบออมทรัพย์นั้นเราสามารถใช้ลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ยกเว้นแต่อยากซื้อมากกว่านี้เพื่อความคุ้มครอง การออม ลงทุน ก็ว่ากันตามเหตุผลของแต่ละคนกันไปครับ

เงื่อนไข 4 ข้อที่ผมให้นั้น เป็นหลักในการพิจารณาคร่าวๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคนครับ บางคนอาจจะอยากได้ประกันชีวิตที่จ่ายเบี้ยน้อย คุ้มครองนาน บางคนอาจจะอยากได้ประกันชีวิตที่จ่ายเบี้ยนานๆ ซึ่งตรงนี้ก็แล้วแต่ความต้องการแต่ละคนไปครับผม

เอาล่ะ... ทีนี้ถึงเวลาที่จะแนะนำสินค้าแล้วครับ ทาง อลิอันซ์ อยุธยา เองได้ออกประกันชีวิตตัวใหม่มา ชื่อว่า “โครงการออมไว ได้คืนเยอะ 17/7” โดยมีรายละเอียดดังนี้ครับ

  • จ่ายเพียงแค่ 7 ปี แต่ได้รับความคุ้มครองถึง 17 ปี
  • รับเงินคืนการันตีทุกปี ณ สิ้นปีกรมธรรม์ ปีที่ 2 - ปีที่ 15
  • เพิ่มเติมด้วยโอกาสรับเงินปันผลรายปี ณ สิ้นปีกรมธรรม์ปีที่ 7 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นแบบประกันเดียวที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลรายปี เมื่อเทียบกับแบบประกันตัวอื่นที่ใกล้เคียงกัน
  • ไม่ต้องกังวลเรื่องภาระเพราะเริ่มต้นเพียง 25 บาทต่อวัน
  • ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาทต่อปี
  • เลือกจ่ายได้สบายๆ แบบรายเดือน สามเดือน ครึ่งปี หรือรายปี โดยเบี้ยประกันคงที่ตลอดอายุสัญญา
  • สมัครง่ายๆ ผ่านโทรศัพท์ได้โดยไม่ต้องไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล โดยขอเน้นนะครั