สำหรับที่มาของบทความ "ภาษีขายของออนไลน์" ในตอนนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ @TAXBugnoms ได้มีโอกาสร่วมพูดคุยในรายการ Money Makeover FM102 ดำเนินรายการโดย คุณรัชชพล เหล่าวานิช และคุณศลิลนา ภู่เอี่ยม ในหัวข้อเรื่อง ภาษีสำหรับธุรกิจขายของออนไลน์ ซึ่งหัวข้อนี้เป็นหัวข้อที่เพื่อนๆพี่ๆน้องๆทั้งหลายมักจะสงสัย และเข้าใจผิดเรื่องการเสียภาษีกับการขายของออนไลน์อยู่เป็นจำนวนมากครับ วันนี้เลยถือโอกาสชี้แจงให้ฟังกันแบบหมดเปลือกในบทความเดียวกันไปเลย

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจว่า.. เมื่อเกิดการซื้อขายขึ้นมาระหว่างคนขายกับคนซื้อ ไม่ว่าจะรับเป็นเงินสด เช็ค แคชเชียร์เช็ค เช็คของขวัญ อะไรทั้งหลายแหล่ รู้แน่ๆว่าสามารถแปรเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ทันใจแล้วล่ะก็ เรานับว่าเป็น “เงิน” ทั้งหมดครับ และเมื่อขายของออนไลน์เพื่อเงินนี่แหละ จึงทำให้เรามีหน้าที่ต้องเสียภาษีอีกด้วย

เพราะฉะนั้น "การเปิดร้านค้าออนไลน์" ไม่ใช่เปิดขึ้นมาแล้วไม่ต้องเสียภาษี เพราะถ้ามีรายได้ขึ้นมาเราก็ต้องเสียภาษีเหมือนการขายของตามปกติ โดยมีภาษี 2 ประเภทที่เกี่ยวข้องกับการขายของแบบเราๆ นั่นคือ "ภาษีเงินได้" และ "ภาษีมูลค่าเพิ่ม"

1.  ภาษีเงินได้ ถ้าหากเราเป็นร้านค้าที่เปิดโดยคนธรรมดาบ้านๆอย่างเราๆ ก็ถือว่าต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยภาษีเงินได้นั้นจะมาจากการคำนวณ "เงินได้สุทธิ" แต่ถ้าหากจดทะเบียนเป็น "นิติบุคคล" อย่างห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท อันนี้ก็ต้องเสียเป็นภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยคำนวณจาก "กำไรสุทธิ" แทน

2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม จะต้องเสียก็ต่อเมื่อเรามีรายได้เกินกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี เมื่อไรที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ที่ว่านี้เรามีหน้าที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและเรียกเก็บจากผู้ซื้อสินค้าทันที เช่น สินค้าราคา 100 บาท ต้องบวก "ภาษีมูลค่าเพิ่ม" เข้าไปอีก 7 บาท ซึ่งลูกค้ามีหน้าที่ต้องจ่าย 107 บาทนั่นเอง

แต่ทว่า.. บทความนี้ขออนุญาตเจาะลึกในเรื่อง ภาษีขายของออนไลน์ สำหรับบุคคลธรรมดาที่เปิดร้านค้าออนไลน์เท่านั้นนะคร้าบ เพราะถ้าพูดเรื่องของนิติบุคคลไปด้วยเดี๋ยวจะยุ่งกันไปใหญ่ และสำหรับบุคคลธรรมดา เราจะพิจารณาภาษีด้วยวิธีนี้ครับ

1. กรณีที่รายได้ไม่ถึง 1.8 ล้านบาทต่อปี เราจะเสียภาษีแค่ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
2. กรณีที่รายได้มากกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี เราจะเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีมูลค่าเพิ่ม

สำหรับวิธีการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ในกรณีขายของออนไลน์ แบ่งออกเป็น 2 วิธีได้ดังนี้คร้าบบบ

1. เงินได้จากการขายของออนไลน์ ถือเป็นเงินได้ประเภทที่ 8 (เงินได้ประเภทอื่นๆ)

2. สามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายได้ 2 วิธีคือ แบบเหมาในอัตรา 80% ของรายได้ และ แบบตามความจำเป็นและสมควร

สำหรับวิธีการเลือกหักค่าใช้จ่ายแต่และแบบนั้น
เราควรจะเลือกแบบไหนกันดี ขอแนะนำให้พิจารณาแบบนี้ครับ

ถ้าเป็นการขายของออนไลน์ทั่วไป เช่น เสื้อผ้า ของใช้ เครื่องสำอางค์ ฯลฯ ประเภทสิ่งของจับต้องได้ต่างๆ ขอแนะนำให้หักค่าใช้จ่าย "แบบเหมา" ไปเลยดีกว่า แต่ถ้าหากอยากหักค่าใช้จ่ายตามจำเป็นและสมควรเพราะประหยัดภาษี  ก็ขอแนะนำว่าให้มั่นใจว่าเอกสารหลักฐานที่เรามีนั้นครบถ้วนถูกต้อง มิฉะนั้นอาจจะมีปัญหากับพี่สรรพากรได้ แล้วจะกลายเป็นเสียภาษีมากกว่าเดิมไปซะงั้น

3. ส่วนที่เหลือหลังจากหักค่าใช้จ่าย ให้นำมาหัก "ค่าลดหย่อน" ตามกฎหมายเพื่อคำนวณเงินได้สุทธิกันต่อเลยครับ

หลังจากนั้นคูณด้วยอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามลำดับขั้นบันได เพื่อหาภาษีที่เราต้องจ่าย แต่ขอเตือนไว้ก่อนครับว่า ถ้าหากเรามีรายได้จากการขายของออนไลน์เกิน 1,000,000 บาทต่อปี !!! เราต้องคำนวณภาษีจากเงินได้พึงประเมินโดยนำ 0.5% มาคูณเงินได้ของเราด้วยครับ

และหลังจากนั้น ให้นำมาเปรียบเทียบภาษีที่คำนวณได้ทั้งสองวิธี และเลือกว่าภาษีที่คำนวณตามวิธีไหนได้มากกว่าให้ใช้วิธีนั้นในการเสียภาษีครับ!! (โหดจังเลย)

ทีนี้เรามาดูตัวอย่างสำหรับ วิธีการคำนวณภาษีเงินได้สำหรับคนขายของออนไลน์กันดีกว่าครับ สมมุติว่า... นายหมอนัทแห่งคลินิกกองทุนเปิดร้านขายเสื้อผ้าออนไลน์สำหรับท่านชายโดยเฉพาะ (เอ๊ะ!! ยังไง)  โดยมีรายได้ตลอดทั้งปี 5,000,000 บาท และตัวหมอนัทเองนั้นยังโสดสนิทศิษย์ส่ายหน้าอยู่

ดังนั้น วิธีคำนวณภาษีจากเงินได้สุทธิตามวิธีที่1 ของหมอนัทคือ
= (รายได้ - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน) x อัตราภาษี

1) รายได้ของหมอนัท 5,000,000 บาท
2) ค่าใช้จ่ายของหมอนัท 80% x 5,000,000 บาท = 4,000,000 บาท
3) ค่าลดหย่อนส่วนตัวของหมอนัท 30,000 บาท
4) เงินได้สุทธิ จาก 1-2-3 = 970,000 บาท
5) ภาษีที่คำนวณได้ (ตามอัตราภาษีก้าวหน้า) คือ 109,000 บาท

เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีคำนวณภาษีจากเงินได้พึงประเมิน x 0.5%
= 5,000,000 x 0.5% = 25,000 บาท

สรุปว่า...
นายหมอนัทจะต้องเสียภาษีจำนวน 109,000 บาท

ถาม-ตอบภาษีขายของออนไลน์ (FAQ)

1. รายได้เท่าไรต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี ยื่นด้วยแบบแสดงรายการอะไร
ตอบ : เมื่อรายได้เกินกว่า 30,000 บาทต่อปี เรามีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการแม้จะไม่มีภาษีชำระก็ตาม ด้วยแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ ภ.ง.ด. 90

2. ยื่นไม่เป็น คำนวณภาษียากแบบนี้ไม่ไหว ต้องทำยังไงดีล่ะ
ตอบ : ยื่นแบบผ่านอินเตอร์เน็ตสิครับ สะดวกที่สุด คำนวณให้หมดด้วย เชิญยื่นได้ที่ www.rd.go.th ครับผม

3. ถ้าไม่ยื่นเลยจะมีความผิดอะไรบ้างหรือเปล่า แบบว่ากลัวเสียภาษี
ตอบ : ค่าปรับยื่นแบบ 200 บาท เงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือนของภาษีที่ชำระ และที่สำคัญ พี่สรรพากรอาจจะคิดเบี้ยปรับอีก 1 เท่า หรือ 2 เท่าของเงินภาษีที่ต้องชำระอีกด้วย

4. กรณีที่เป็นเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ (ผู้เยาว์) จะเสียภาษีอย่างไร
ตอบ : ในกรณีที่บุตรยังไม่บรรลุนิติภาวะ (อายุเกิน 20 ปี) ให้ถือเป็นเงินได้ของบิดาหรือของมารดาหรือผู้