เมื่อช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา @TAXBugnoms ได้ไปบรรยายในหัวข้อ ภาษีธุรกิจเบื้องต้น ซึ่งจากคำถามและความเห็นของผู้เข้าร่วมสัมมนาหลายๆท่าน ทำให้ผมทราบว่า หลายๆคนมองว่าปัญหาของการประกอบกิจการ คือ ภาษี ซึ่งเป็นรายจ่ายที่สร้างปัญหาให้กับธุรกิจ

โดยส่วนหนึ่งนั้นมาจากปัญหาความยุ่งยากทั้งตัวกฎหมายเอง การให้บริการที่ไม่สะดวกของเจ้าหน้าที่รัฐ และความไม่เข้าใจเรื่องภาษีของเจ้าของกิจการ เมื่อรวมกันครบทุกปัญหา ก็เลยเกิดผลออกมาตูมมมมม เป็นโกโก้ครั้นซ์อย่างที่เห็นนี่แหละครับ

ผมได้ลองมาคิดทบทวนอีกครั้งหลังจากการบรรยายก็พบว่า คำตอบสำหรับเรื่องนี้สามารถมองออกได้เป็น 2 มุมมอง โดยมุมมองแรก คือ การมองว่าภาษีคือ รายจ่าย ที่ทำให้กำไรของธุรกิจลดลง ยิ่งจ่ายมากยิ่งทำให้กำไรลดลงมาก ซึ่งมันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องใช่ไหมครับ?

แต่ถ้าหากเรามองกลับกันว่า ภาษีคือ “การจ่ายเพื่อเพิ่มโอกาสให้กับธุรกิจ” เพราะมันคือต้นทุนในการทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อให้ธุรกิจได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ใช้วิธีการหลบเลี่ยงภาษีอย่างที่เราเห็นกันในหลายๆแห่ง รวมถึงมีใครหลายคนมักจะแนะนำให้ทำกันโดยไม่คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ผิด เช่น การหลบเลี่ยงรายได้ โดยไม่จ่าย ไม่ออกบิล หรือไม่นำมาเป็นรายได้คำนวณภาษี หรือ การกระจายรายได้ โดยแบ่งสรรให้คนอื่นมารับรายได้แทนเรา เพื่อลดภาษีที่เราต้องจ่าย

แต่รู้ไหมครับว่า … การเลือกที่จะทำแบบนี้อาจจะเป็นการตัดโอกาสในการเติบโตของธุรกิจ ยกตัวอย่างเช่น การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มต้องมีรายได้ 1.8 ล้านปีต่อไปขึ้น ถ้าหากเราไม่อยากจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เราก็พยายามกระจายรายได้ให้คนอื่นหลายๆคนรวมกันไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อคน แค่นั้นง่ายๆ แต่ก็แปลว่ารายได้ต่อปีเราจะน้อยนิดกระจ้อยร่อย อยู่อย่างเหงาๆแบบไม่จริง

แต่สิ่งที่เป็นคำถามต่อมาคือ แล้วเราจะทำอย่างนี้ได้นานแค่ไหน กับ ต้นทุนในการหลบเลี่ยงภาษีตรงนี้มีมากเท่าไร เพราะบางครั้งทางที่เราเลือกอาจจะเป็นการจ่ายค่าใช้จ่ายที่แพงกว่าภาษีที่เราต้องจ่ายกันจริงๆโดยที่เราไม่รู้ตัว ด้วยเหตุผล 3 ข้อต่อไปนี้

1. ค่าเบี้ยปรับและเงินเพิ่มอาจจะเพิ่มสูงถึง 4 เท่าของภาษี

ในกรณีที่ถูกเจ้าหน้าที่สรรพากรตรวจสอบพบสำหรับการหลบเลี่ยงภาษี จำนวนเงินภาษีที่ต้องจ่ายอาจจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 4 เท่า หรือกรณีที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีไว้ไม่ครบถ้วน จะต้องเสียภาษีสูงถึง 3 เท่าครับ

2. ต้นทุนในการเคลียร์

เราจะได้ยินว่า รู้จักคนนั้น คนนู้นบอกมา คนหน้ามีสีเคลียร์ได้ แต่ต้นทุนในการเป็นหนี้บุญคุณคนที่เคลียร์ให้ หรือ ค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายในการเคลียร์นั้น บางครั้งมันอาจจะมากกว่าค่าภาษีที่เราตัดใจจ่ายไปตั้งแต่แรกก็ได้ครับ

3. การประหยัดรายจ่ายโดยรวม

สิ่งที่ธุรกิจควรสนใจ ไม่ใช่การประหยัดภาษี แต่ควรสนใจการประหยัดค่าใช้จ่ายโดยรวมต่างหากครับ เพราะภาษีถือเป็นส่วนหนึ่งของค่าใช้จ่าย แต่ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เราต้องจ่าย ดังนั้นการประหยัดภาษี แต่เพิ่มค่าใช้จ่ายในการหลบเลี่ยงภาษีนั้น ถือว่าไม่ควรทำครับ

เมื่ออ่านมาถึง ณ จุดๆนี้  สิ่งหนึ่งที่ผมอยากฝากไว้ให้กับทุกๆคนก็คือ ถ้าเราอยากให้ธุรกิจเราไปถึงเป้าหมายที่เราต้องการ ผมเชื่อว่าหนึ่งในการเริ่มต้นที่ดี คือ การปรับเปลี่ยนทัศนคติของเราเรื่องภาษีเป็นลำดับแรกก่อนครับ เพราะไม่ว่าจะกิจการเล็กใหญ่ขนาดไหน หรือมีเป้าหมายอย่างไรในการทำธุรกิจ สิ่งหนึ่งที่เราควรคิดให้ถูกต้องเพื่อไม่ให้มีปัญหาย้อนหลังที่จะทำให้ธุรกิจเราพังมันก็คือเรื่องของภาษีนี่แหละ... จริงไหมครับ ^^