ประกาศๆ เดี๋ยวจะมีหุ้นน้องใหม่เข้ามาให้เราได้ซื้อขายกันในตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกตัวหนึ่ง ชื่อบริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน) ชื่อย่อหุ้นตรงตัวเลยคือ TPBI บริษัทนี้มีสโลแกนของตัวเองที่น่าสนใจคือ “ผู้นำอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ครบวงจรระดับโลกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและรับผิดชอบต่อสังคม” เป็นหุ้นตัวที่ 3 ที่ผลิตสินค้าประเภทบรรจุภัณฑ์พลาสติกในตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่ก็ไม่ได้เจาะตลาดเดียวกันกับธุรกิจอื่นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่แล้วนะครับ หุ้นน้องใหม่นี้มีความน่าสนใจอย่างไร เดี๋ยวมาวิเคราะห์กันเลยครับ

ข้อมูลธุรกิจ

ความน่าสนใจของ TPBI คือเขาทำธุรกิจเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์พลาสติกมาเป็นเวลากว่า 30 ปีแล้ว ซึ่งมีการดำเนินงานแบบครบวงจร ตั้งแต่กระบวนการออกแบบและพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ การผลิตถุงพลาสติกพร้อมจัดหาผลิตภัณฑ์ และทดสอบวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์

หลายคนอาจจะกลัวว่าลงทุนกับผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกจะดีต่อสิ่งแวดล้อมหรือเปล่า ซึ่งยักษ์ใหญ่อย่าง TPBI ก็มีการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่สอดรับกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สามารถย่อยสลายได้โดยการฝังกลบ อีกทั้งมีบริษัทย่อยที่ทำธุรกิจผลิตเม็ดพลาสติกจากเศษพลาสติกที่ใช้แล้ว โดยนำมาผ่านกระบวนการรีไซเคิล ซึ่งนอกจากจะตอบโจทย์เรื่องสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนในการผลิตได้อีกด้วย

สำหรับผลิตภัณฑ์ของเขาก็เป็นสิ่งที่เราเห็นและใช้กันอยู่ทุกวันเวลาไปซื้อของ ได้แก่

  • ถุงพลาสติกหูหิ้วที่เราเห็นกันตามห้างสรรพสินค้าและร้านค้าโมเดิร์นเทรด
  • ถุงขยะต่างๆ ที่เราหาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ต
  • ฟิล์ม Multilayer Blown Film เอาไว้ใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น ฟิล์มที่ใช้ประกบบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนที่ใช้บรรจุอาหารสำเร็จรูป
  • บรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนที่ใช้ในอุตสาหกรรมอุปโภคบริโภค เช่น ใช้บรรจุอาหารสำเร็จรูปและอาหารแช่แข็งพร้อมรับประทาน
  • บรรจุภัณฑ์พลาสติกชีวภาพ เช่น ถุงพลาสติกหูหิ้ว และถุงขยะที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกชีวภาพ
  • ผลิตภัณฑ์อื่นๆ จำหน่ายให้ลูกค้าในประเทศที่เป็นโรงงานและร้านค้าต่างๆ

จุดเด่นของอุตสาหกรรมและกิจการ

หากเราพูดถึงมุมมองธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกแล้ว ลองสังเกตเล่นๆ จากการซื้อของในชีวิตประจำวันดูสิครับ สุดท้ายแล้วบรรจุภัณฑ์ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดก็หนีไม่พ้นถุงพลาสติกหูหิ้ว ไม่ว่าจะเดินไปซื้อของจากร้านค้า รถเข็นข้างทาง ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าปลีกทั้งขนาดเล็กตามห้องแถว หรือจะเป็นห้างค้าปลีกขนาดใหญ่  ก็ต่างต้องใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกทั้งสิ้น เรียกว่า เราไม่มีทางหลีกหนีจากบรรจุภัณฑ์พลาสติกได้เลย

เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าเรามองในแง่การเติบโตของประชากรที่ส่งผลต่อการอุปโภคบริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น ย่อมเป็นผลบวกต่ออุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์พลาสติก ซึ่งร้านค้าและห้างต่างๆ มีความจำเป็นต้องใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกเพื่อใส่สินค้า ทำให้แนวโน้มอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์พลาสติกทั้งของไทยและของโลกยังมีอัตราการขยายตัวได้ดี

ในแง่มุมของกิจการ หากเรามาดูตัวเลขการเติบโตของรายได้จากการขายของ TPBI แล้วจะพบว่า ยอดขายกลุ่มถุงพลาสติกหูหิ้วและถุงขยะเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักที่ทำรายได้ให้แก่บริษัทฯ โดยภาพรวมรายได้จากการขายตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาหรือตั้งแต่ปี 2555-2557 เติบโตต่อเนื่อง หรือเท่ากับ 3,734.23 ล้านบาท 3,881.32 ล้านบาท และ 4,784.19 ล้านบาท ตามลำดับ

ขณะที่ 9 เดือนแรกของปี 2558 TPBI มีรายได้จากการขาย 3,427.99 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์ถุงพลาสติกหูหิ้ว 46.54% ถุงขยะ 21.57% ฟิล์ม 9.00% และบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนสำหรับสินค้าอุปโภคและบริโภค 11.35% และส่วนใหญ่เป็นสัดส่วนรายได้จากการส่งออก 65.15% โดยมีตลาดต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย กลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น

ความได้เปรียบในการแข่งขัน

หากมองในแง่ศักยภาพการแข่งขันระหว่างประเทศ จากผู้ผลิตและส่งออกบรรจุภัณฑ์พลาสติกพบว่า หลักๆ จะมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา เยอรมัน จีน ไทย เวียดนาม และมาเลเซีย โดยในส่วนของผู้ผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกาและเยอรมันนั้น เน้นการผลิตเพื่อนำไปใช้ในทางการแพทย์ที่เป็นลักษณะพิเศษนะครับ ดังนั้น ก็มีประเทศที่เหลือนี่แหละที่เป็นคู่แข่งกับเราโดยตรง โดยมีคู่แข่งที่น่ากลัวอย่างประเทศจีน ที่ครองตลาดผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์มากที่สุด

พอเป็นอย่างนี้แล้ว หลายคนอาจจะกลัวว่าจีนและเวียดนามซึ่งมีโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกเช่นกัน และทั้ง 2 ประเทศเค้าก็มีความได้เปรียบเราในเรื่องของราคาต้นทุนแรงงานที่ถูกกว่า และในระยะยาวอาจจะเข้ามากินส่วนแบ่งการตลาดจากไทยมากขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้วลูกค้าฝรั่งเขามองในเรื่องของความน่าเชื่อถือ คุณภาพ และบริการที่ส่งมอบได้อย่างตรงเวลามากกว่า ซึ่ง TPBI นั้นตอบโจทย์ลูกค้าต่างชาติได้ทุกแง่มุม จึงไม่ต้องกังวลเรื่องจุดแข็งจุดนี้เลยครับ

นอกจากนี้ หากเราได้ไปพลิกดูข้อมูลในอดีตจะพบว่า อเมริกานั้นเคยประกาศมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-Dumping Duty) ของผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ถุงพลาสติกหูหิ้วที่มาจากทางเอเชีย ซึ่งผลกระทบดังกล่าวทำให้ทาง TPBI ในฐานะตัวแทนของกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก สภาอุตสาหกรรม และกรมการค้าต่างประเทศฟ้องร้องกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกาต่อ องค์กรการค้าโลก (WTO) จนทำให้ TPBI เป็นเพียงแค่บริษัทเดียวในประเทศไทยที่ไม่ต้องพบกับมาตรการดังกล่าว

จากข้อมูลของธุรกิจและแนวโน้มของอุตสาหกรรมในข้างต้น ทำให้หลายคนคงให้ความสนใจอยากจะเข้ามาลงทุนในบริษัทน้องใหม่ที่กำลังจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งเท่าที่ทราบข้อมูลมานั้น TPBI เตรียมเสนอขายหุ้น 100,000,000 หุ้น คิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยมีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ซึ่งการระดมทุนจะนำไปใช้ในวัตถุประสงค์ต่อไปนี้ครับ

  • เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตในกลุ่มธุรกิจต่างๆ เช่น ถุงพลาสติก ฟิล์ม บรรจุภัณฑ์พลาสติก