Theme การลงทุนปี 2559 : กลุ่มท่องเที่ยว ตอนที่ 2

จากตอนแรกที่เราคุยกันถึงตัวเลขนักท่องเที่ยวที่น่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าโดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นอย่างถล่มทลายของตัวเลขนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งโดยส่วนตัวผมคิดว่าน่าสนใจมากและคิดว่าในปี 2559 ก็น่าจะเป็นหนึ่งใน Theme ที่น่าลงทุน แต่ผมก็พูดบนเงื่อนไขกับสิ่งที่เห็นในเวลานี้นะครับ ความเสี่ยงก็เล่าให้ฟังไปแล้วว่ามันก็อยู่ที่ว่าเมืองไทยมีปัญหาการเมืองไหม และเศรษฐกิจจีน ค่าเงินต่างๆ มีโอกาสหดตัวจนทำให้ส่งผลกระทบต่อการมาท่องเที่ยวบ้านเราหรือเปล่า

ในตอนนี้เราก็จะมานั่งจินตนาการแบบนักลงทุนสายมโนกันก่อนที่จะไปดูข้อมูลครับว่า เมื่อนักท่องเที่ยวมาเราจะดูข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อเราสำหรับการลงทุนได้บ้าง ผมก็จะคิดๆนะครับว่าในการท่องเที่ยวครั้งหนึ่งมันจะเกิดอะไรขึ้นที่ทำให้เกิดการจ่ายเงิน

  1. ขึ้นเครื่องบิน / นั่งรถยนต์ : เครื่องบิน มีหุ้นในตลาดหลักทรัพย์
  2. ลงสนามบิน / ข้ามชายแดน : สนามบิน มีหุ้นในตลาดหลักทรัพย์
  3. นอนโรงแรมเข้าที่พัก : โรงแรม มีหุ้นในตลาดหลักทรัพย์
  4. โดยสารยานพาหนะในประเทศ
  5. ไปเดินเที่ยวตามที่เที่ยว
  6. ซื้อของฝากกลับบ้าน

มันก็มีกิจกรรมทำประมาณนี้แหละ จากต้นน้ำถึงปลายน้ำของการเดินทาง เราก็ต้องมานั่งคิดๆกันว่า หุ้นตัวไหนน่าจะได้รับอนิสงค์บ้าง ตอนที่ 2 เดี๋ยวผมจะพูดในสิ่งที่น่าจะเห็นชัดๆอย่างการเดินทางเข้าประเทศนะครับ ก็มาตัวอย่างของสถิตินักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านสนามบินสุวรรณภูมิกัน อันนี้ชัดเจนมากเพราะเป็นธุรกิจที่ผูกขาด แต่ในส่วนของสายการบินนั้นไม่ได้ผูกขาด คนต่างชาติไม่จำเป็นต้องเดินทางด้วยสายการบินสัญชาติไทย แต่ยังไงเครื่องต้องลงจอดที่ท่าอากาศยานอยู่แล้ว

อันนี้เป็นยอดนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านสนามบินสุวรรณภูมินะครับ อ้างอิงจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จะเห็นได้ว่าปี 2011 - 2013 เป็นช่วงที่มีอัตราของการเดินทางเข้าสนามบินที่เป็นขาขึ้น ก็มีปี 2014 ที่ตกลงมาพอๆกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง ซึ่งนำเสนอให้ดูแล้วในตอนที่ 1 แต่ในส่วนของสถิติปี 2015 มีแค่ระหว่าง มกราคม - กรกฎาคมนะครับ ถ้าตัวเลขมันแปรผันตามจำนวนนักท่องเที่ยวก็มีโอกาสจะฟื้นตัวจากปี 2014 ได้ ลองดูเป็นกราฟซิ

นี่ก็แสดงว่าโอกาสการเติบโตของสนามบินสุวรรณภูมิสูงขึ้นด้วยใช่ไหมครับ?

เพราะถ้าคนมามากขึ้น สนามบินจะต้องรองรับเครื่องบินขึ้นลงมากขึ้นและสามารถสร้างรายได้ที่มากขึ้นด้วย แหม… มองสนามบินสุวรรณภูมิแล้วผมก็อยากจะลองดูสนามบินที่อื่นบ้างว่าสถานะการณ์เป็นอย่างไร

แต่ในเวปของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยไม่มีข้อมูลผู้โดยสารในสนามบินต่างจังหวัด ผมเลยลองเข้าเวปของสนามบินนานาชาติภูเก็ตแล้วก็ลองดูว่ามาเที่ยวบินขาเข้ามาจากที่ไหนบ้าง เจอชื่อสายการบินไม่คุ้นหูแต่รู้ว่าภาษาอะไร ตามตารางนี้เลยครับ http://phuketairportthai.com/th/1133-passenger-arrivals ที่บินกันมาเยอะๆก็มาจาก ดอนเมือง กับ เมืองจีน (ปักกิ่ง เซินเจิ้น เซียงไฮ้ เฉินตู)

ส่วนของเชียงใหม่ http://chiangmaiairportthai.com/th/278-passenger-arrivals ลองเข้าไปดูตารางบินเที่ยวบินส่วนมากจะมาจากกรุงเทพ มีบินตรงมาจากเมืองจีน สิงคโปร์ มาเลย์เซียบ้าง ดูเหมือนถ้าบินตรงคนจะไปลงที่ภูเก็ตมากกว่านะครับ ตรงนี้ผมแนะนำให้อ่าน 56-1 ซึ่งก็จะมันก็เป็นประมาณที่บอกนั้นแหระ

โอเค! เมื่อมีผู้โดยสารเข้ามาเยอะขึ้นก็ต้องดูว่ารายได้มันเกิดขึ้นในธุรกิจหรือเปล่า บางทีรายได้เข้าแต่ขาดทุนก็มีนะครับเพราะค่าใช้จ่ายเยอะกว่า ฮาๆ แต่ถ้าใครอ่านข่าวและติดตามข้อมูลผลประกอบการก็จะรู้ว่าสนามบินนี่กำไรเยอะ

หากเราไปดูโครงสร้างรายได้ขอกิจการแล้วจะเห็นได้ว่ารายได้หลักๆของสนามบินมาจาก

  1. รายได้ที่เกี่ยวกับการบิน : ค่าขึ้นลง ค่าจอด ค่าธรรมเนียมผู้โดยสาร
  2. รายได้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบิน : รายได้อื่นๆจากการแบ่งผลประโยชน์ ค่าเช่าสำนักงาน

ด้วยเหตุผลตรงนี้ก็พอที่จะยืนยันได้ว่า รายได้ของธุรกิจสนามบินที่เกิดขึ้น มันก็มาจากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มมากขึ้นจากตารางข้างล่างนี้ แต่อย่างที่เราได้คุยกันแล้วว่านักท่องเที่ยวมียอดลดลงในปี 2014 ซึ่งในงบการเงินก็แสดงให้เห็นแนวโน้มแบบเดียวกัน

AOT (Key Statistics) ข้อมูลจาก App Market Anyware

ข้อมูลที่ผมดูในปี 2015 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ วันที่เขียนบทความนี้ก็เห็นมีตัวเลขให้ดู 3 ไตรมาส ซึ่งมีรายได้รวม 45,773.37 และกำไรสุทธิ 18,728.65 ซึ่งน่าแปลกใจมากนะครับที่แม้ตัวเลขของนักท่องเที่ยวยังไม่ครบปีเลย แต่สามารถสร้างรายได้ Hit ปี 2013 ได้แล้ว แสดงว่ามันต้องมีอะไรให้ค้นในงบการเงิน ตรงนี้ผมให้ดูข้อมูลเป็น Overview เป็นหลักนะครับ ที่เหลือลองไปค้นต่อเองละกันโน๊ะ

ข้อมูลราคาจาก App Market Anyware

ข้อมูลราคานี่จะเห็นได้ว่าเป็นขาขึ้นในรอบ 3 ปีอยู่จะขึ้นต่อหรือเปล่าก็อยู่ที่ปัจจัยที่คุยกันในเรื่องของการสร้างผลกำไรนะครับ แต่อย่าถามเลย “จะขึ้นอีกไหมคะ?” ก็จะบอกว่า “ตอบไม่ได้ครับ ไม่ทราบอนาคต” การลงทุนคือเรื่องของความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องรับเอง

ดูจากข้อมูลย้านหลังแล้ว ช่วงก่อนปี 2013 มีรูปแบบของกราฟที่ขึ้นแต่ P/E หักลง แสดงว่าเกิด P/E Divergence (อัตราการโตของกำไรมากกว่าราคาที่ซื้อขายในตลาด ทำให้ค่า P/E ลดลง) และในช่วงระหว่างปี 2013 - 2014 เลยมาถึง 2014 จะเห็นได้ว่าเกิด Divergence เช่นกัน

P/E เดือนมกราคม 2014 ต่ำกว่ามกราคม 2013 แต่… ราคาขยับจากหลักสิบไปเป็นหลักร้อยแหระ แต่หลังจากนั้นก็จะเห็นว่า P/E มันไปตามราคาแล้วและแพงขึ้นเรื่อยๆ สงสัยนักลงทุนจะเริ่มสนใจการเติบโตมากขึ้นของหุ้นตัวนี้ละมั้งนะครับ ถ้ามอง P/E ในปัจจุบันก็พบได้ว่ามันไม่ถูกแบบเดิมแล้ว ก็แอบสงสัยเหมือนกันครับว่า Cycle มันเปลี่ยนจากการเป็น Value Stock เป็น Growth Stock หรือ