บทความในตอนนี้เสนอคำภาษาอังกฤษที่หลายๆคนอาจจะไม่ได้คุ้นหูกันเท่าไหร่ นั่นคือคำว่า Sandwich Generation (เอ่...หรือว่าบางคนรู้จักกันแล้วนะ?)  ถ้าเราพูดถึงแซนวิชเนี่ยก็คงจะนึกได้อยู่แล้วว่ามันคือขนมปังประกบกัน 3 ชั้นแล้วมีใส้อยู่ตรงกลาง อย่าไปคิดลึกเชียว แหม... รู้นะ เขาก็เลยเอาคำนี้มาใช้ในการพูดถึงวัยกลางคนเช่นคนอายุประมาณ 30-40 ที่มีครอบครัวจะต้องเลี้ยงดูอีกด้วย ได้แก่

1. แซนวิชชั้นบนหรือพ่อแม่ของเราเอง

เชื่อได้ว่าพ่อแม่ของหลายๆคนที่อยู่ในวัยแซนวิชนี้กำลังอยู่ในวัยใกล้เกษียณหรือเกษียณกันแล้ว พ่อแม่บางคนเตรียมพร้อมทางการเงินไว้ได้ดี เขาก็สามารถดำรงชีวิตได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเงินจากเรา แต่ถ้าหากพ่อแม่ของใครไม่ได้มีเงินเก็บ ไม่มีการลงทุน ไม่มีเงินบำนาญ เราก็จะต้องเป็นผู้รับภาระในเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆให้กับเขาทั้ง 100% ตรงนี้ล่ะคือสิ่งที่เราจะต้องเตรียมตัว

2. แซนวิชชั้นกลางหรือตัวเราเอง สามีและภรรยา

ในวัยของคนอายุ 30-40 ปี แม้จะเป็นช่วงที่มีอายุการทำงานและประสบการณ์ในระดับหนึ่งที่จะทำให้เงินเดือนสูง แต่ก็ต้องอย่าลืมว่าในวัยนี้จะมีภาระต่างๆที่เป็นเงาตามตัว ยิ่งมีไลฟ์สไตล์มากๆก็จะยิ่งแพง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบ้าน ซื้อรถ นอกจากนี้แล้วคนในวัยนี้ก็ต้องเก็บเงินสร้างความมั่งคั่งเอาไว้ใช้ในยามเกษียณอีกด้วย

3. แซนวิชชั้นล่างหรือลูกๆของเรา

ถ้าเราเลือกที่จะมีลูก ก็ต้องยอมรับว่าค่าใช้จ่ายทั้งหลายจะเกิดขึ้นไปอีกยาวนานตั้งแต่เกิดจนถึงเรียนจบ บางคนก็บอกว่าอย่างน้อยปริญญาตรีละนะ แล้วเด็กไทยก็ไม่ได้เหมือนเด็กฝรั่งนะเธอ บางคนก็ไม่ได้ออกไปทำงานพิเศษเด็กฝรั่งนะ แถมทีเรายังต้องมีค่าใช้จ่ายตามสังคมให้กับลูกอีก ตรงนี่เป็นภาระที่ไม่ใช่น้อยเลยและถ้าหากไม่วางแผนให้ดีก็จะอาจจะให้เราไม่สามารถสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกๆของเราได้เช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องการศึกษาละเนอะ

ก็คงพอจะเห็นภาพบางอย่างเกี่ยวกับการเงินในชีวิตละนะ นอกเหนือจากตัวเราเองแล้วจริงๆมันก็ต้องวางแผนให้กับครอบครัวของเราในภาพรวมด้วย การบริหารเงินของคนวัยนี้จึงต้องขยายการดูแลรับผิดชอบจากตัวเราเองไปสู่การดูแลครอบครัวใหญ่ หรือเรียกให้หล่อว่า Change from Personal Finance to Family Finance 

พอเห็นแซนวิชทั้ง 3 ชั้นแล้วมานั่งนับตังค์ที่อยู่ในมือก็อาจจะตกใจไม่น้อยว่าขนาดแค่เราคนเดียวมีเงินเดือนใช้ยังเอาตัวเองรอดยากเลย ถ้าอายุของเราอยู่ในภาวะของวัยแซนวิชแบบเงินเดือนเราคนเดียวดูแลคนมากกว่า 5 คนเนี่ยจะขนาดไหน ((เหนื่อยเลยล่ะ ขอบอก))

เพราะฉะนั้นแล้วหากเราวางแผนชีวิตให้ดี มันก็พอจะมีทางออกได้เสมอ ทั้งการตรวจสอบเงินทองของตัวเองว่าจะจัดสรรปันส่วนอย่างไร ตลอดจนการวางแผนบุตรว่าควรจะมีเมื่อไหร่ จะเตรียมความพร้อมอย่างไร และการวางแผนเกษียณของเรานั้นจะวางแผนอย่างไรให้มีประสิทธิภาพด้วย

อย่าลืมวางแผนการเงินของตัวเองให้ดีนะ ครอบครัวคือสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับพวกเรา หากเราวางแผนในเรื่องการเงินได้เป็นอย่างดี ครอบครัวของเราก็จะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขได้เช่นกัน