ในตอนนี้เราจะมาคุยกันว่าวิธีการวางแผนออม “กองทุน”  LTF และ RMF ตั้งแต่ต้นปีจะต้องทำอย่างไร ถ้าเราบริหารเงินดีๆ เราจะได้ประโยชน์ทั้งภาษีและเงินทองงอกเงยด้วยนะครับ

เรื่องมีอยู่ว่าในช่วงเทศกาลยื่นแบบภาษีบุคคลธรรมดาในปีนี้ ก็เป็นช่วงที่หลายๆคนมีความสุขในการได้รับเงินภาษีคืนกัน (เอ่ะ... หรือว่าต้องชำระเพิ่มกันนะ แฮร่...) เอาล่ะ ไม่ว่าเราจะได้ภาษีคืนหรือไม่ในปีนี้มันก็ผ่านมาแล้ว สิ่งที่เราควรจะทำก็คือเริ่มวางแผนภาษีกันตั้งแต่ต้นปีดีกว่าเนอะ ซึ่งน่นอนว่าการวางแผนภาษีในแบบฉบับพี่ต้าร์โดยการซื้อ LTF และ RMF นั้นไม่ได้ยากเลย ใช้วิธีที่ธรรมดามากๆ มาดูขั้นตอนกันนะครับว่าจะเริ่มกันอย่างไรให้เราได้ออมในกองทุนอย่างเป็นประจำและเป็นระบบได้อย่างไรบ้างนะครับ

1. คำนวณภาษีที่ต้องจ่ายในปีนี้

การคำนวณภาษีนั้นเราจะต้องมองรายได้ 2 ประเภทนะครับ

รายได้ที่คาดการณ์ได้

สำหรับเพื่อนๆที่ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนนั้นสามารถจัดการตรงนี้ได้ไม่ยาก เพราะช่วงต้นปีเราจะทราบแล้วว่า หลังจากปีใหม่รายได้ต่อเดือนของเราขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ แต่ละเดือนจะมีรายได้เท่าไหร่ ตัวอย่างเช่น เงินเดือนในปีนี้ 30,000 บาท คำนวณคร่าวๆแล้วรายได้ที่คาดการได้คือ 360,000 บาท

รายได้ที่คาดการณ์ไม่ได้

เราอาจจะมีรายได้อื่นๆอีกนะครับ ไม่ว่าจะเป็นโบนัส งานเสริมที่เป็นรายได้ที่จะต้องเสียภาษี ซึ่งเราจะไม่รู้หรอกว่าจะได้เงินในส่วนนี้มาเท่าไร่ ตรงนี้รวมถึงรายได้แบบฟรีแลนซ์ด้วยนะครับ โดยปกติผมจะคำนวณในเบื้องต้นจากฐานของปีที่ผ่านมาว่าเงินในส่วนนี้น่าจะได้มากหรือน้อยกว่าปีที่แล้วและกะเป็นจำนวนเงินคร่าวๆเพื่อนำไปวางแผนภาษี เช่น ปีที่แล้วโบนัส 2 เดือน เงินเดือน 25,000 แต่ปีนี้งินเดือน 30,000 โบนัสน่าจะได้ไม่ต่างจากเดิมที่ 2 เดือน น่าจะได้เงินส่วนนี้มา 60,000 บาท

แล้วเราก็ลองประเมินรายได้คร่าวๆครับว่าประมาณเท่าไหร่ เช่น เงินเดือน 360,000 โบนัสน่าจะ 60,000 บาท รวมเป็น 420,000 บาท และภาษีที่เราจะประเมินได้คร่าวๆคือกี่บาท

2. ตั้งเป้าหมายในการออมและการลงทุน

การซื้อ LTF และ RMF มีกติกาอยู่แล้วว่าเราจะซื้อได้เท่าไหร่ตามกำหนดของสรรพากร แต่ไม่ใช่ว่าเราจะต้องใช้สิทธิในการลดหย่อนเต็มจำนวนก็ได้ เพราะแต่ละคนเองก็มีภาระที่แตกต่างกันในการดำรงชีวิต บางคนมีเงินเดือนใช้คนเดียวก็ออมได้เยอะ บางคนต้องนำเงินไปใช้ดูแลครอบครัว ต้องให้เงินแม่ ต้องส่งน้องเรียน การออมก็จะทำได้น้อยกว่า

ข้อแนะนำของผมก็คือลองคำนวณค่าใช้จ่ายของเราดีๆ ว่าเท่าไหร่ถึงเหมาะสมกับเราในแต่ละเดือน ที่เหลือเป็นเงินออมที่จะนำมาลงทุนกี่บาท ซื้อ LTF และ RMF อย่างละกี่บาท พอเราคำนวณได้แล้วก็ตั้งเป็นเป้าหมายต่อเดือนเลยครับว่าจะต้องออมเท่าไหร่นะครับ

ทั้งนี้หลายคนก็อาจจะบอกว่าถ้ารายได้ที่มันคาดการไม่ได้ มันมีท้ายๆปีจะทำอย่างไร ตรงนี้ก็แล้วแต่วิธีการบริหารของแต่ละคนนะครับ อย่างผมเองจะออมเผื่อไปเลย (เผื่อซัก 20% ก็ยังดี) แต่บางคนอาจจะออมในส่วนที่คาดการได้ไปก่อน ส่วนที่คาดการไม่ได้ก็อาจจะรอดูความชัดเจนแล้วค่อยจัดการที่หลังนะครับ ตรงนี้อยู่ที่ศิลปะการจัดการเงินของแต่ละคนล่ะ

พอมาถึงขั้นนี้เราจะทราบแล้วว่า เราควรจะออมเท่าไหร่ในแต่ละเดือนเพื่อผลประโยชน์ทางภาษี เช่น ออมได้เดือนละ 8,000 บาท เอามาซื้อ LTF และ RMF รวมกัน 5,000 บาท

3. เลือกกองทุนรวมที่เยี่ยมยอดและซื้อเป็นประจำ

ขั้นตอนต่อมาเราจะต้องเลือกกองทุนรวมที่เหมาะสมกับเรานะครับ โดยดูในเรื่องของนโยบายการลงทุนและความเสี่ยงกองทุนรวมว่าเหมาะสมกับตัวเราไหม ในส่วนของ RMF จะมีประเภทกองทุนให้เราเลือกหลากหลายความเสี่ยงกว่า แต่ใน LTF จะเน้นในการลงทุนหุ้นเป็นหลักนะครับ เมื่อดูความเสี่ยงแล้วอาจจะต้องดูในเรื่องของผลตอบแทนย้อนหลังว่าเป็นอย่างไร การบริหารพอร์ตการลงทุนมี Style อย่างไร เลือกลงทุนในทรัพย์สินแบบไหนบ้าง นอกจากนี้แล้วถ้าหากเรามีโอกาสได้ติดตามผลงานและวิสัยทัศน์ของผู้จัดการกองทุนรวมด้วยก็จะเป็นเรื่องดีนะครับ และที่สำคัญก็คืออย่าลืมเช็คเรื่องค่าธรรมเนียมด้วยนะครับว่าเทียบกับกองทุนอื่นๆแล้วเป็นอย่างไรบ้าง

เมื่อเราเลือกกองทุนรวมได้แล้ว ก็อย่าลืมใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบประจำ เรียกง่ายๆว่าออมกองทุนรวม (ใช้หลักการ Investment Saving Plan ด้วย Dollar Cost Average (DCA) นะครับ กำหนดเงินที่เราจะลงทุนในกองทุนรวมที่เราต้องการและให้ทางธนาคารตัดเงินซื้ออย่างเป็นประจำครับ แล้วปลายปีอาจจะมาดูอีกทีว่าเรามีรายได้ที่คาดการไม่ได้ที่ต้องเสียภาษีเพิ่มอีกขนาดไหน ก็แบ่งเงินจากรายได้ตรงนี้มาลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีเพิ่มตามสะดวกนะครับ

การลงทุนในลักษณะนี้จะทำให้ทุกท่านสามารถผ่อนการลงทุนจากเดิมต้องหาเงินก้อนใหญ่ๆไปซื้อปีละครั้งมาเป็นทยอยซื้อในแต่ละเดือน คิดดูสิครับว่าเดิมทีเราจะต้องขุดเงินก้อนมา 60,000 บาทในปลาปี ถ้าตอนนั้นไม่มีเงินพอก็ช็อตซะงั้น แต่ถ้าเราทยอยทีละเดือน เดือนละ 5,000 บาทมันก็เหมือนกับการใช้จ่ายทั่วไปในชีวิตประจำวันที่ไม่หนักมากเท่าครับ และอีกเหตุผลหนึ่งที่มันแสนดีเยี่ยมก็คือในระหว่างทางที่เราทะยอยออมไป แล้วกองทุนที่เราซื้อมีการปันผลด้วยในกลางปี เราก็จะได้รับปันผลกับเขาด้วยนะครับ ถ้าซื้อปลายปีอดนะ

เห็นไหมครับว่าการลงทุนแบบนี้ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น ใช้เงินน้อยลง ออมได้ให้ไปถึงเป้าหมายขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นแล้วเราควรจะวางแผนกันตั้งแต่ต้นปีนะครับ ได้ทั้งผลประโยชน์ทางภาษีและได้ความมั่งคั่งเป็นผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาวด้วย