ผมได้สนทนากับน้องคนนึงเกี่ยวกับเรื่องการวางแผนทางการเงินและการลงทุน ดูเหมือนว่าน้องๆรุ่นใหม่หลายๆคนก็เริ่มที่จะออมเงินและนำเงินไปลงทุนในหุ้นกันเพื่อที่จะมีอนาคตที่สบาย อันนี้ผมก็รู้สึกดีใจนะครับ แต่หลายๆคนผมก็ได้สอบถามว่านอกจากลงทุนในหุ้นแล้วได้มีการกระจายความเสี่ยงไปซื้ออย่างอื่นอะไรบ้างไหมและได้ซื้อประกันเพื่อป้องกันความเสี่ยงบ้างหรือเปล่า ก็มีจำนวนมากที่ตอบว่าไม่ได้คิดจะป้องกันความเสี่ยงอะไร เพราะรู้สึกว่าประกันผลตอบแทนน้อย จ่ายเงินไปก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรอีกต่างหาก สู้เอาเงินไปลงหุ้น 100% เลยน่าจะดีกว่าเพราะถ้าหุ้นเติบโตในระยะยาวก็สามารถนำเงินก้อนนั้นมารักษาแทนประกันได้

ผมจะให้ดูอะไรบางอย่างจากตารางข้างล่างนี้นะครับ เป็นเรื่องของคน 2 คนที่วางแผนในเรื่องการลงทุนแตกต่างกัน ทั้ง 2 คนสามารถเก็บเงินออมได้ปีละ 120,000 บาท มาดามซูซี่นำเงินแบ่งมาป้องกันความเสี่ยงด้วยการซื้อประกัน ส่วนนายเกรย์แมนซื้อหุ้นอย่างเดียวเลย ดูตาม infographic ด้านล่างเลยครับ

ถ้าถามว่าแบบไหนดีกว่ากัน ผมเชื่อว่าคนที่เน้นลงทุนก็คงจะมองว่า นายเกรย์แมนลงทุนได้ผลตอบแทนมากกว่าตั้ง 400,000 บาท ซึ่งมันไม่ใช่เงินน้อยๆเลย แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงกับหลายๆคนก็คือ อยู่ๆก็เกิดการเจ็บป่วยเป็นโรคร้ายแรงต้องทำการเข้าโรงพยาบาล ด้วยค่าใช้จ่าย 600,000 บาท ลองดูความมั่งคั่งของ 2 คนนี้นะครับ

เห็นแล้วใช่ไหมครับว่า ถึงแม้นายเกรย์แมนจะลงทุนแล้วได้ผลตอบแทนสูงกว่า แต่ถ้ามีความเสี่ยงในเรื่องโรคภัยไข้เจ็บเข้ามากระทบตัวเขาก็อาจจะทำให้สูญเสียความมั่งคั่ง และผลตอบแทนการลงทุนอาจจะน้อยกว่าคนที่วางแผนการลงทุนพร้อมๆกับวางแผนประกันก็เป็นได้

เรื่องนี้ผมว่าเราประมาทไม่ได้นะครับหลายคนอาจจะมองว่า เขารักษาสุขภาพมาดี กินคลีนมาตลอด เราก็ไม่รู้หรอกครับว่าวันหนึ่งเราอาจจะเจ็บป่วยแบบไม่ได้ตั้งตัวก็ได้ บางคนมองว่าเขาเองสามารถเบิกจ่ายจากสวัสดิการได้ บางครั้งมันอาจจะไม่พอก็ได้นะครับ และโดยเฉพาะถ้าเรายิ่งทำประกันช้า พออายุมากขึ้นเบี้ยก็จะแพงเข้าไปใหญ่ การทำประกันจึงควรวางแผนตั้งแต่เนิ่นๆเช่นกัน โรคภัยไข้เจ็บมีอยู่รอบตัวเราเต็มเลย แนะนำว่าทำไว้ตั้งแต่วัยรุ่นดีกว่าครับ

พูดแล้วจะไม่เชื่อ ผมก็เลยเอาข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขมาให้ดูว่า โรคไหนที่คนเป็นกันเยอะที่สุด เรียงอันดับกันไปเลยนะครับ

นี่แหละครับมันก็เลยเป็นเรื่องที่เราต้องฉุกคิดกันซักหน่อยว่า หากเราไม่ป้องกันความเสี่ยง แล้วเราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าซักวันหนึ่งเราจะไม่สูญเสียความมั่งคั่งที่เราอุตส่าห์สร้างขึ้นมา บางทีกลายเป็นว่าออมหุ้นแทบตาย สุดท้ายเอาเงินไปจ่ายค่าหมอหมด แต่ผมก็เชื่อนะครับว่าหลายๆคนอาจจะเสียดายว่าเงินมันอาจจะทิ้งเปล่าถ้าทำประกัน จริงๆมันก็มีประกันอยู่หลายตัวที่เขาจะคืนเงินให้ 100% หลังจากจบสัญญาของกรมธรรม์

อันหนึ่งที่ผมแนะนำให้เพื่อนๆลองไปศึกษาดูคือประกันโรคร้ายได้คุ้ม ของทางอลิอันซ์ อยุธยา ซึ่งจะเน้นในเรื่องของสุขภาพโดยมีเงื่อนไขที่น่าสนใจในการ “เปลี่ยนรายจ่ายค่ารักษาพยาบาลเป็นเงินออม” ไม่ว่าจะเป็นโรคหรือไม่เป็นโรคเราก็จะได้เงินคืนกลับมาครับ และคุ้มครองโรคยอดฮิตในหมู่คนไทยด้วย เงื่อนไขโดยสังเขปมีดังนี้

  • กรณีเป็นโรคร้ายแรงที่รักษาได้ เขาจะจ่ายให้ 20% เพื่อไปรักษาครับ และเราไม่ต้องจ่ายเบื้ยประกันอีก แล้วท้ายสุดเมื่อสิ้นสัญญาในกรมธรรม์ เขาก็จะจ่าย 80% ที่เหลือให้
  • กรณีเป็นโรคร้ายแรงที่ตายแน่ๆหรือเกิดการเสียชีวิตก่อนจบสัญญา เขาจะจ่ายให้เรา 100% ครับ
  • ครบสัญญากรมธรรม์ที่อายุ 85 ปี เขาก็คืนเงิน 100% ตามจำนวนเงินเอาประกันให้ ครับ

โดยสรุปแล้วเท่าที่ผมดูๆก็คือหากเราซื้อประกันมันจะช่วยเราลดความเสี่ยงในหลายๆเรื่องที่จะกระทบกับด้านการเงินของเราได้ เราเองไม่มีทางรู้หรอกว่าเราจะล้มป่วยลงเมื่อไหร่ และเมื่อถึงเวลานั้นการมีประกันก็จะช่วยแบ่งเบาภาระได้ หากสนใจประกันสามารถติดต่อได้ที่  http://goo.gl/k8P4ui  นะครับ

บทความนี้เป็นบทความ Advertorial