หลังจากที่ผมไปเดินเล่นในพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ก็รู้สึกว่าถ้าเรามีบ้านก็อยากจะเอารูปมาติดผนังเอาไว้บ้างนะเนี่ย แต่พอดูรูปที่เขาขายกันก็พบว่ามันช่างแพ๊งแพงเสียยิ่งกระไร บ่อจี้ ไม่มีเงิน และก็คิดว่าถ้ารูปที่แพงมากๆแบบวาดด้วยคนมีชื่อเสียงก็คงจะกลายเป็นของประมูลซื้อขายกันในหมู่คนรวยๆก็ได้ ผมก็เลยไปนั่งดูว่าราคาพวกรูปภาพดังๆแพงๆนั้นเขาซื้อขายกันราคาเท่าไหร่ นึกภาพอะไรไม่ออกก็นึกถึงโมนาลิซาก่อนเลยแล้วกัน

รูปภาพโมนาลิซา ทุกคนก็คงเจอเคยเห็นผ่านตาอยู่แล้วเพราะนางดังมาก และเป็นปริศนาให้ตั้งคำถามมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วว่า นางเป็นใคร? ใช่ลีซา เกอราร์ดีนี ภรรยาของผู้มั่งมีในเมืองฟอร์เลนซ์หรือไม่? แล้วนางกำลังยิ้ม อิ๊อิ๊ หัวเราะ หรือเศร้าสร้อยกันแน่ รูปนี้วาดโดย ลิโอนาโด ดาวินชี่ ศิลปินชื่อดังชาวอิตาลีในระหว่างปี ค.ศ. 1503-1506 ปัจจุบันนางประทับอยู่ที่ห้องแสดงภาพเขียนในพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

ส่วนราคาของรูปภาพนี้นะหรอ… เมื่อเดือนธันวาคม ปี 1962 เขาประเมินไว้กันที่ราคา $100 ล้านดอลลาร์เอง และล่าสุดในปี 2015 ที่เขาคำนวณเพิ่มอัตราเงินเฟ้อกันก็ราคาอยู่ที่ $780 ล้านดอลลาร์ ก็ลองคูณกันเป็นเงินบาทแล้วกันแล้วจะรู้ว่าระดับงานอาร์ตตัวแม่นั้น แม่ก็คือแม่ขนาดไหน

มาดูรูปภาพอื่นๆที่มีชื่อเสียงและคิดว่าหลายๆคนอาจจะรู้จักกันนะครับว่าราคาแพงเท่าไหร่กันบ้าง

The Scream Pastel วาดปี 1895 ขายกันล่าสุด พฤษภาคม 2012 ที่ราคา $119.9 ล้านเหรียญในปีนั้น

Vase with Fifteen Sunflowers วาดปี 1888 โดยแวน โก๊ะมีการซื้อขายในปี 1987 ที่ราคา £24.75 ล้านปอนด์ ($39.7 ล้านดอลลาร์เอง) เทียบแล้วได้ปัจจุบันราคา $82.6 ล้านดอลลาร์

พอเห็นแบบนี้แล้วหลายๆคนก็คงจะคิดว่า ให้ตายซิ ถ้าเราไปเลี้ยงต้อยใครซักคนที่วาดรูปเก่งๆแล้วซื้อรูปเขาไว้ อนาคตเขาดังขึ้นมารูปภาพที่เรามีอยู่ก็อาจจะขายได้รวยเป็นมหาเศรษฐีเลยก็ได้ จริงไหม? อย่างไรก็ตามก็มีคนค้นคว้าและวิจัยอยู่แล้ว เช่น Arthur Korteweg นักเศรษฐศาสตร์การเงินในสหรัฐอเมริกาว่างานศิลปะนั้นถ้าเราซื้อไว้โดยเฉลี่ยแล้วก็จะได้รับผลตอบแทนประมาณ 6.5% ต่อปี ในช่วงปี 1972-2010

แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องระวังในการลงทุนมันก็มีอยู่หลายอย่างนะ อ่ะ.. ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้มีปัญญาซื้อกันหรอกแต่ถ้าสมมติพวกเรารวยมากๆเลย สิ่งที่น่าจะเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุนงานศิลปะ ก็มีตัวอย่างเช่น

1. ราคาซื้อขายอารมณ์ล้วนๆ

ถ้าถามผมว่าจะเอาอะไรวัดกับรูปภาพว่ามันควรจะแพงหรือจะถูก เอาเข้าจริงมันจะเป็นเรื่องของทรัพย์สินที่มองไม่เห็นเป็นหลัก เช่น ชื่อเสียงคนวาด ความเก่าแก่ ความต้องการในตลาด ถ้ากระแสของภาพวาดมันมา ราคามันก็จะปรับตัวสูงก็เป็นได้ แต่อย่างไรก็ตามหากอยู่ๆคนไม่ได้ฮิตรูปภาพเหล่านั้นการสร้างผลตอบแทนได้ยาก พูดแบบนี้นึกถึงจตุครามรามเทพที่เคยฮิตกันเลย

2. ต้องดูสภาพคล่องในการซื้อขายด้วย

ของที่มันราคาซื้อขายกัน $300 ล้านเหรียญเนี่ย มันจะมีซักกี่คนที่ซื้อขายกัน ต้องรวยอ่ะ รวยอย่างเดียวไม่ได้ด้วยนะต้องมีรสนิยมในการซื้อและสะสมงานศิลปะด้วย สภาพคล่องตรงนี้ก็สำคัญ หากซื้อมาแล้วไม่มีใครซื้อต่อ เราก็ขายไม่ได้ ก็ต้องแขวนมันอยู่ที่บ้านเป็นความภูมิใจว่ารูปนี้แพงนะเธอว์ แล้วรอจนกว่าจะมีใครที่สนใจมาซื้อ

3. ถ้าจะลงทุนกับนักลงวาดรูปจริงๆต้องตามผลงาน

ถ้าเป็นรูปที่วาดโดยศิลปินที่มีชื่อเสียงแต่ตายไปแล้ว รูปภาพผลงานทั้งหลายมันก็จะแพงอยู่อย่างงั้นแหละ แต่ถ้าเรากะจะลงทุนบรรดารูปที่เป็น IPO ของนักวาดรูปที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ต้องติดตามผลงานเขาไปเรื่อยๆ ว่าเขามีผลงานอย่างไรบ้าง ตลาดมองเขาอย่างไร พอๆกับการลงทุนใน Startup เลย และการลงทุนแบบนี้ก็ความเสี่ยงสูงมาก แต่ถ้าอยู่ๆดังระเบิดเถิดเทิง มูลค่ารูปที่เราซื้อมาก็อาจจะถูกประมูลไปด้วยราคาที่แสนแพงได้เช่นกัน

ทั้งหมดนี่ก็เป็นอีกด้านหนึ่งที่มีหลายๆคนมองว่าเป็นการลงทุนอีกรูปหนึ่ง ซึ่งก็น่าจะเป็นของคนรวยซะมากกว่าเพราะรูปนึงราคานี่แทบจะขายตึกระฟ้ามาแลกเปลี่ยนกันเลยทีเดียว ก็เป็นอีกตัวอย่างของการลงทุนนะครับ เผื่อว่าจะชอบและหากอนาคตมีเงินว่างๆ ไม่ได้ทำอะไร ใช้ชีวิตเกร๋ๆ ก็เอาเงิน $500 ล้านเหรียญไปซื้อรูปมาติดพนังบ้านก็ได้นะ ฮาๆ

Reference :

https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_most_expensive_paintings

https://www.gsb.stanford.edu/insights/research-art-good-investment

http://www.cnbc.com/2015/10/01/4-things-you-need-to-consider-before-investing-in-art.html