จากรายงานผลประกอบการของธุรกิจในกลุ่มธนาคารไตรมาส 2 ปี 2558 ก็คงจะเห็นได้ว่าพิษเศรษฐกิจนั้นเข้ามาทำให้นักลงทุนที่เป็นแฟนคลับของกลุ่มธนาคารเกิดความกังวลใจไม่น้อย แต่ก็ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่า ก็มีธนาคารธนชาตนี่ล่ะที่โตสวนกระแสชาวบ้านเขา โดยจากที่ทางธนาคารประกาศตัวเลขผลกำไรก็มี Highlight ดังนี้ครับ

  • ไตรมาส 2 ปี 2558 พบว่าธนาคารมีกำไร 2,702 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 141 ล้านบาท (5.51%)  
  • คิดในงวด 6 เดือนของปี 2558 มีกำไร 5,263 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 361 ล้านบาท (7.36%)
  • มีเงินกองทุนของธนาคารใน BIS Ration เพิ่มเป็น 17.19%
  • สามารถจัดการ NPL ให้ลดลงมาเหลือที่ 3.6% ได้

พอเป็นอย่างงี้แล้วก็เลยต้องสอบถามคุณสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารธนชาตซักหน่อยว่าหลังจากนี้ทิศทางของธนาคารจะเป็นอย่างไร ผมขอสรุปให้แต่ละด้านดังนี้นะครับ

เป้าหมายในเรื่องทางธุรกิจ

  • รายได้จากดอกเบี้ย ธนาคารก็จะเน้นในการสร้างฐานเงินทุนให้มีผลกำไรแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ในพอร์ตการลงทุนของธนาคารนั้นลูกค้าก็ยังเป็นลูกค้าหนี้ดีอยู่ ส่วนในเรื่องของ NPL นั้น หลักๆเกิดจากหนี้สินที่มาตั้งแต่สมัยการควบรวมกับธนาคารนครหลวงไทย ตอนนั้นมี NPL 5.7% ในขณะที่ตัวธนาคารธนชาตเองมีกระบวนการจัดการ NPL ที่ดีอยู่แล้ว ก็เลยมีเป้าหมายจะลดในส่วนที่มีอยู่ให้ต่ำลงเรื่อยๆจนเหลือต่ำกว่า 3% แน่นอนว่าหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในปัจจุบันไม่ได้มีผลกระทบอะไรมากต่อธุรกิจของธนาคาร
  • รายได้จากค่าธรรมเนียม เป็นเป้าหมายหลักของธนาคารในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยตั้งเป้าโครงสร้างรายได้จาก 30% เป็น 40% เน้นในเรื่องของการผสานความแข็งแกร่งทั้งในส่วนของตลาดเงินและตลาดทุน แต่เดิมธนาคารมีพอร์ตการปล่อยกู้ในตลาดเงินกู้เป็นหลัก แต่ต่อไปก็จะรวมทีมงานวาณิชธนกิจ ที่ปรึกษาทางการเงินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีเสริมทัพในการให้บริการลูกค้าธุรกิจมากยิ่งขึ้น

เป้าหมายในการพัฒนาศักยภาพการให้บริการ

ทางผู้บริหารก็เน้นในเรื่องการพัฒนาระบบต่างๆให้ทันสมัยนะครับ โดยปรับเปลี่ยนโฉมการให้บริการเป็น Digital Banking มากยิ่งขึ้นตามพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน พอถามลึกๆแล้วว่าจะแตกต่างอย่างไรกับธนาคารอื่น ทางธนชาตเองก็ได้เน้นย้ำในเรื่องของ “ระบบความปลอดภัยสูงสุด” ให้ได้มาตรฐานระดับโลก มีการให้บริการลูกค้าครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ตอนนี้ก็เริ่มมีการดำเนินงานแล้วครับ

  • IBIZ สำหรับลูกค้าธุรกิจ มีการเริ่มใช้เรียบร้อยแล้วในเดือนเมษายนที่ผ่านมา
  • Mobile Banking จะเริ่มเดือนพฤศจิกายนและเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปลายปีนี้

เป้าหมายในการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร

ทางผู้บริหารเล่าว่าเดิมทีธนาคารเน้นขายสินเชื่อ ใครเดินมาถามเรื่องเงินกู้ก็จะมีบริการทางการเงินให้ แต่นั่นอาจจะยังไม่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทั้งหมด ธนาคารจึงเน้นในเรื่องของการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าเพื่อให้ธนาคารรู้จักลูกค้ามากขึ้น เมื่อรู้จักมากขึ้นก็จะเข้าใจความต้องการมากขึ้น วิเคราะห์ได้มากขึ้นว่าสินค้าทางการเงินอะไรที่เหมาะกับลูกค้าในแต่ละราย โดยมีการลงทุนระบบเพื่อใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า เรียกว่า T-Advisor ซึ่งจะทำให้เกิดการบริการอย่างครบวงจร (Total Financial Solution)

  • ลูกค้าธุรกิจต่อไปธนาคารจะวิเคราะห์ได้เลยครับว่า ควรใช้เงินทุนแบบไหน เป็นแบบตลาดเงินหรือตลาดทุน และจะจัดสรรให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี
  • ลูกค้าบุคคลต่อไปธนาคารสามารถจัดสรรได้เลยว่า เขาควรมีการลงทุนอะไร ควรมีประกันความเสี่ยงด้านใดบ้าง สามารถแนะนำเรื่องการลดหย่อนภาษีได้ด้วยนะครับ และพิจารณาได้ว่ารูปแบบเงินกู้แบบใด วางเงินขนาดไหนที่เหมาะสมกับลูกค้า

โดยสรุปแล้ว มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญใดๆที่ธนาคารธนชาตโตสวนกระแสเศรษฐกิจ แต่เป็นเพราะการบริหารจัดการที่ดีในเรื่องของโครงสร้างรายได้ การพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากขึ้นและอำนวยความสะดวกในยุค Digital อีกทั้งการเข้าใจลูกค้าและสร้างความสัมพันธ์มากขึ้นก็เป็นหนึ่งในหมัดเด็ดของทางธนาคารที่จะสร้างผลกำไรให้กับธุรกิจได้อย่างยั่งยืนในอนาคตครับ