ผมเชื่อว่าหลายๆคนเวลาไปทำ "บัตรเครดิต" หรือ "บัตรกดเงินสด" นั้นมักจะมีเหตุผลที่แตกต่างกันนะครับ บางคนอยากจะใช้วงเงินเพื่อขยายอำนาจในการซื้อ บางคนเห็นข้อมูลสิทธิประโยชน์แล้ว อุ้ย! ใช่เลยนี่มันเป็นบัตรที่เกิดมาเพื่อฉัน แน่นอนว่าในวันที่เราจะไปสมัครบัตรต่างๆนั้น ทางสถาบันการเงินก็จะให้เราอ่านเงื่อนไขต่างๆก่อน แล้วก็เซ็นยินยอมในเงื่อนไขในการรับบริการ แต่เอาจริงๆนะเชื่อว่าหลายๆคนไม่ได้อ่านกันหรอก เขาบอกให้เซ็นๆๆๆ ก็เซ็นๆไปเพราะคิดว่าสถาบันการเงินนั้นทำงานระดับโปรเฟสชั่นนอลยังไงก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว รู้แค่ว่าใช้บัตรอะไรจ่ายดอกเบี้ยเท่าไหร่ก็เพียงพอ (อ่ะ นั่นไม่ถูกนะ)

สิ่งที่เราควรจะต้องรู้มากกว่าดอกเบี้ยเนี่ยก็คือดอกจัน ที่เป็นสัญลักษณ์ ( * ) ในหลายๆที่จะทำเป็นตัวเล็กใต้แผ่นพับ โบชัวร์ โปรดอ่านซักนิดเผื่อที่จะทราบเงื่อนไขต่างๆที่มากขึ้น มาดูตัวอย่างข้อมูลของดอกจันกันนะครับ

1. *ค่าใช้จ่ายที่ไม่จบแค่ดอกเบี้ย

ปัจจุบันบรรดาดอกเบี้ยบัตรต่างๆนั้นก็มีอัตราค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ก็ประมาณ 20% ขึ้นไปต่อปี เราอาจจะทราบเงื่อนไขเกี่ยวกับดอกเบี้ยว่าจะต้องจ่ายเท่าไหร่วิธีคิดเป็นอย่างไร แต่ค่าใช้จ่ายมันยังไม่จบแค่ตรงนี้ หลายๆครั้งเราอาจจะอ่านเจอในดอกจันว่า ยังมีเรื่อง

  • ค่าใช้จ่ายรายปี : ซึ่งเป็นค่าธรรมเนียมที่เราจะต้องจ่ายเพื่อใช้บริการ
  • ค่าปรับ : หากเราใช้บัตรไปแล้วไม่ได้ทำตามเงื่อนไขก็อาจจะพบค่าปรับได้
  • ค่าติดตามหนี้ : อันนี้หลายๆคนก็เจอนะครับ ไม่ได้ไปชำระเงินเขาก็ตาม
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม : ก็คือ Vat นั่นล่ะ ใช้จ่ายเกี่ยวกับเงินๆทองๆก็มีภาษีด้วนนะ
  • ค่าธรรมเนียมบริการอื่นๆ  และนานาจิปาทะที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ต้องไปคำนวณกันต่อ

ตรงนี้เราควรทราบไว้ด้วยเพราะจะได้คำนวณไว้ว่าในการใช้บริการแต่ละครั้งเราจะต้องจ่ายเงินเบ็ดเสร็จจริงๆเท่าไหร่ แล้วเราก็จะได้ไม่ต้องงงว่าทำไมตัวเลขที่เราคิดได้มันถึงไม่ตรงกับสิ่งที่ทางสถาบันการเงินคิดมาให้

2. *เงื่อนไขและข้อยกเว้น

หลายๆครั้งเราอาจจะเห็นว่าบัตรที่เราอยากได้นั้นมันลดราคาในสิ่งที่ต้องการได้เยอะมาก หากเราถือบัตรนั้นไว้คงจะมีประโยชน์ไม่น้อย สมัครกันเลยทีเดียว แต่ถ้าเราอ่านเงื่อนไขบริการเราจะพบว่าหลายๆครั้งเขาจะกำหนดจำนวนเงินขั้นต่ำในการใช้จ่ายด้วยนะ เช่น

  • จะให้ส่วนลด 15% ถ้าจ่ายถึง 5,000 บาท กลายเป็นต้องใช้เงินเพิ่มเพื่อให้ได้ส่วนลดซะงั้น ทั้งๆที่เราอาจจะไม่ได้จำเป็นต้องใช้จ่ายขนาดนั้นเลยก็ได้
  • จำนวนครั้งที่นำไปใช้บริการ ให้ใช้ได้ไม่เกิน 1 ครั้ง 2 ครั้งต่อเดือน
  • สถานที่เฉพาะที่ร่วมรายการ แบบว่าใช้ได้แค่สาขานั้นสาขานี้ ไม่ใกล้บ้านเอาซะเลย
  • ข้อยกเว้นอื่นๆว่าไม่รวมนั่นไม่รวมนี่ สุดท้ายเราอยากได้สิ่งที่เขายกเว้นซะงั้น

แหม… จะใช้กลับใช้ไม่ได้เพราะลืมอ่านข้อมูลตรงนี้ ทำเอาเซ็งได้ง่ายๆกันเลยทีเดียว

3. *เปลี่ยนแปลงสิ่งที่ให้บริการได้

โดยส่วนใหญ่เขาก็จะเขียนว่า บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการให้บริการ พูดง่ายๆคือจะเปลี่ยนแปลงอะไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมต่างๆ เขาเปลี่ยนแปลงได้นะจ๊ะ บางอย่างอาจจะบอกว่าเปลี่ยนแปลงโดยไม่แจ้งล่วงหน้าด้วย เราก็ต้องติดตามความเปลี่ยนแปลงจากประกาศต่างๆของเขาอยู่เรื่อยๆด้วย ถ้าเราทราบข้อมูลเรื่อยๆก็จะสามารถทำให้เราวางแผนการใช้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น

พอเห็นอย่างงี้แล้วเวลาที่เราจะกู้เงิน ใช้จ่าย ทำบัตรเคริตต่างๆ นอกจากเรื่องดอกเบี้ยที่เราควรจะรู้ว่าจ่ายๆเท่าไหร่ วิธีคิดดอกเบี้ยเป็นอย่างไร เราควรจะต้องทราบเงื่อนไขและข้อยกเว้นด้วยนะครับ บางทีทำบัตรมาเยอะๆคิดว่าจะใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่าแต่กลับกลายเป็นทำแล้วมาวางไว้เฉยๆ ทำให้อาจจะต้องเสียเงินค่าธรรมเนียมรายปีไปอย่างเปล่าประโยชน์อีก ก่อนสมัครจึงควรตรวจสอบข้อมูลต่างๆให้เรียบร้อยและตรงกับความต้องการของเราก่อนนะครับ บัตรเครดิตนั้นมีข้อดีอยู่หลายอย่างแต่ถ้าเราศึกษาข้อมูลมาเป็นอย่างดี มันจะยิ่งกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เราใช้ได้เกิดประโยชน์ได้มากกว่าเดิมอีก