พอดีผมได้ไปนั่งอ่านประวัติของควีนอลิซาเบธ ราชินีแห่งสหราชอาณาจักรอังกฤษมา ก็เลยแอบสงสัยไม่ได้ว่าชนชั้นนำของประเทศอังกฤษอย่างสมาชิกราชวงศ์นั้นเขามีการลงทุนอะไรกับคนอื่นบ้างหรือเปล่า แน่นอนครับว่าพอเข้ามาอ่านจริงๆแล้ว ควีนอลิซาเบธเองก็มีเรื่องของการเงินการลงทุนอยู่เหมือนกัน และค่อนข้างน่าสนใจซะด้วย

แต่ถามว่าควีนรวยไหม? ก็ไม่ได้ร่ำรวยอย่างที่คิดนะครับ ถ้าเทียบกับ Bill Gate มหาเศรษฐีชาวอเมริกาว่าเขามี 100 ควีนก็มีแค่ 0.5 เองนะครับ แต่แน่นอนรวยกว่าเราหลายๆคน ฮาๆ ทรัพย์สมบัติหลายๆอย่างเป็นสมบัติของชาติ นำมาใช้ได้ในกิจการของราชวงศ์แต่ขายไม่ได้ และก็มีทรัพย์สมบัติของพระองค์เอง แต่ผมจะพูดภาพรวมๆจากที่ผมนั่งอ่านมานะครับ

สมบัติของควีนอลิซาเบธ

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสมาชิกราชวงศ์อังกฤษมีการสืบเชื้อสายกันมาอย่างยาวนาน ควีนอลิซาเบทเองก็เป็นรุ่นลูกของหลานพระนางควีนวิคตอเรีย (สมัยเดียวกับรัชกาลที่ 4) ช่วงนั้นอังกฤษมีความมั่งคั่งอันดับ 1 ในโลกจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม สมบัติก็ถูกตกทอดมาให้ทางมรดก แต่อย่างไรก็ตามควีนอลิซาเบธเองก็มีการลงทุนด้วยนะครับ ซึ่งอย่างที่เราก็ทราบอยู่ว่าการลงทุนนั้นมันจะมีทรัพย์สินที่มีผลตอบแทนอยู่ 2 ประเภท คือ ทรัพย์สินที่สร้างกระแสเงินสด กับ ทรัพย์สินที่มูลค่าเพิ่มตามเวลาและขายทำกำไรได้

1) ทรัพย์สินที่สร้างกระแสเงินสด

ทรัพย์สินกลุ่มนี้คือบรรดาที่ดินต่างๆซึ่งมีอยู่เยอะในลอนดอนและแน่นอนว่าก็มีการลงทุนในที่ดินในต่างแดนด้วย ไม่ว่าจะเป็นที่อเมริกา ยุโรป การลงทุนในทรัพย์สินประเภทที่ดินก็สามารถเก็บค่าเช่าได้ แถมมูลค่าก็ยังเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆด้วยเช่นกัน

นั่นรวมถึงบรรดาทรัพย์สินกลุ่มนี้ก็สามารถนำมาสร้างกระแสเงินสดได้ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บค่าเข้าเยี่ยมชมต่างๆรวมทั้งการขายของที่ระลึก ถ้าเป็นในส่วนที่รัฐบาลดูแลก็จะมีการนำเงินจากกำไร 15% มาให้กับทางราชวงศ์ ซึ่งเขาเรียนว่า Sovereign Grant ซึ่งตัวเขาของผลการเติมโตก็มากขึ้นนะครับ ช่วงปีหลังๆประมาณ 5-7%

2) ทรัพย์สินที่เพิ่มมูลค่าได้

ควีนอลิซาเบธเริ่มครองราชย์ตั้งแต่ปี 1952 ก็ลองนับดูนะครับว่ากี่ปีแล้ว เพราะฉะนั้นทรัพย์สินที่พระองค์ถือไว้ตั้งแต่ตอนสาวๆจนถึงตอนนี้ก็คือว่าเป็นการลงทุนแบบ Long Term Investment มากๆ และการลงทุนที่มีค่าที่เติบโตอย่างมหาศาลรองๆจากหุ้นคือ

“งานศิลปะ”

ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ สแตมป์ หรืองานศิลปะเก่าๆที่พอประเมินมูลค่ากันทีก็มีกลุ่มคนซื้อเล็กๆที่มีรสนิยมสูงและ Super Rich มาก สามารถซื้อขายงานพวกนี้ด้วยมูลค่ามหาศาลได้ แล้วรูปเก่าๆที่ตกทอดมาก่อนหน้าที่พระองค์จะครองราชย์นั้นก็คงหามูลค่าไม่ได้เลยทีเดียว นอกจากนี้แล้วเวลาใครไปใครมาเยี่ยมพระองค์ก็จะมีของที่ระลึกถวายเป็นพระราชกุศล ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็มีมูลค่าตามกาลเวลาเช่นกัน ซึ่งจากการศึกษาของ Christophe Spaenjers, a finance professor ที่ HEC Paris ก็ได้บอกว่า การลงทุนในงานศิลปะนั้นผลตอบแทนเป็นรองแค่หุ้นเท่านั้น และเป็นการลงทุนที่ชนะอัตราเงินเฟ้อ ได้ผลตอบแทนสูงกว่าอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงตราสารหนี้อีกด้วย และถ้าเทียบตั้งแต่ปี 1953 นั้นก็ราคาโตไปหลายเท่าแล้ว

“ทรัพย์สินชนชั้นสูงอื่นๆ”

ยังมีอีกหลายอย่างที่จะเป็นสิ่งที่ชนชั้นสูงเขาจะซื้อขายกัน แต่สำหรับเราแล้วอาจจะไม่ใช่สิ่งที่สนใจเท่าไหร่นัก เช่น รถยนต์โบราณ ม้าแข่งและการแข่งม้า นกพิราบแข่ง ที่เขาจะมีการซื้อขายกัน และบรรดาม้าแข่งนี้ ตัวหนึ่งก็ไม่ได้ถูกเลยนะ ขายกันเป็นล้านๆเลยทีเดียว

พอจะเห็นภาพของการลงทุนของราชินีแห่งอังกฤษบ้างไหมครับว่าแนวทางของท่านเป็นอย่างไรบ้าง แนวทางออกจะเป็นในลักษณะลงทุนระยะยาวกับของสมัยก่อนที่เพิ่มมูลค่าได้ จริงๆเราก็สามารถนำวิธีคิดนี้มาลงทุนกับเราได้เหมือนกันนะครับ แต่เราจะต้องมองไปในอนาคตเช่นในอีก 50 ปีข้างหน้าแล้วตั้งคำถามกับตัวเอง เช่น

  1. ที่ดินในจุดไหนในประเทศน่าจะเติบโตในมูลค่าบ้าง ทีนี้นั้นแพงขึ้นเรื่อยๆ อย่างกลางกรุงเทพนั้นอาจจะค่อนข้างยากที่เราจะเข้าไปซื้อได้แล้ว มีแต่เจ้าสัวซื้อไป ก็ต้องมองดูว่าจุดไหนที่มีโอกาสในอนาคต มีทำเลที่ดี การคมนาคมที่จะเอื้ออำนวยให้มูลค่าจะแพงขึ้นได้บ้าง การมีที่ดินและอสังหาเราจะใช้ประโยชน์ได้ทั้งในแง่การให้เช่าหรือขายทำกำไรได้เช่นกัน
  1. ของสะสมอะไรที่หายากและอีก 50 ปีข้างหน้าจะมีค่าบ้าง ก็ให้เราเก็บไว้นะครับ หากเป็นของที่ปู่ย่าตายายสะสมไว้ก็รักษาไว้ดีๆ หลายๆคนเก็บเหรียญเก่าๆ ธนบัตรเก่าๆที่เลิกใช้กันแล้ว รูปภาพ งานศิลปะของแท้จากนักวาดรูปที่มีชื่อเสียง พระเครื่อง ซึ่งถ้านำไปขายอาจจะมีมูลค่ามากขึ้นกว่าเดิมได้ถ้าตลาดนักสะสมเขาหาของชิ้นนั้นๆอยู่ แต่ต้องมีความรู้ในเรื่องนั้นนะครับไม่ใช่สะสมของที่กลายเป็นขยะในท้ายสุด
  1. หุ้นและทรัพย์สินมีค่า ตรงนี้อาจจะมองค่อนข้างยากนะครับเมื่อเทียบกับกับพวกที่ดินว่าในอนาคตหุ้นตัวไหนจะเติบโตไปได้อีก 50 ปี 100 ปี เพราะธุรกิจมันสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างฉับพลันได้มากกว่า แต่ผลตอบแทนของหุ้นนั้นก็สูงกว่าตามความเสี่ยงที่มากกว่าอยู่แล้ว แต่อย่างน้อยเบื้องต้นเราเราก็ต้องหาหุ้นที่เป็นพื้นฐานและศักยภาพที่คาดเดาในการทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องหลายๆปีหน่อยนะครับ ไม่ใช่หุ้นที่ไปอิงกับเทรนหรือเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเร็วนะครับ

แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ไม่ใช่ว่าไม่มีความเสี่ยงนะครับ การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ ถึงแม้ถือยาวๆก็มีความเสี่ยงได้เช่นกันหากเราไม่ได้ศึกษามาเป็นอย่างดี ก็ลองนำไปประยุกต์ดูกับตัวเองนะครับว่ามีอะไรที่เราคิดว่ามีสิ่งใดน่าสนใจในการลงทุนอีกบ้าง

สำหรับใครที่สนใจชม Royal Collection ก็มาชมได้ที่ https://www.royalcollection.org.uk/ นะครับ มีของล้ำค่าน่าดูควีนอลิซาเบธและพระราชวงศ์อังกฤษเต็มเลย

Reference : http://www.ft.com/cms/s/0/1c728c46-5634-11e5-9846-de406ccb37f2.html#axzz4JR6IRyna

http://www.bloomberg.com/news/articles/2015-09-08/the-longer-she-reigns-the-less-wealthy-queen-elizabeth-ii-looks

https://uk.finance.yahoo.com/news/how-the-queen-makes-money-183516937.html

https://www.theguardian.com/uk/2002/may/30/jubilee.