อยากประกาศให้โลกรู้ว่า เราออมเงินได้แล้ว!!
#ออมเงินได้แล้วยังไงต่อล่ะ
การเก็บเงินไว้เฉยๆนั้นมันมีประโยชน์น้อยมากนะจ๊ะ เพราะนับวันมูลค่าของเงินยิ่งลดลงจากเงินเฟ้อ สังเกตง่ายๆจากข้าวแกงที่เราทานเมื่อ 20 ปีที่แล้วกับตอนนี้ราคาห่างกันลิปลิ่ว แล้วอีก 20 ปีข้างหน้าล่ะ จะเป็นข้าวแกงจานละเท่าไหร่ นี่เองที่เป็นสาเหตุที่เราต้องนำเงินมาต่อยอดด้วยการลงทุน
จากที่สะสมเดือนละ 10% ของรายได้ กับเศษเหรียญที่หยอดกระปุกทีละนิดกลายเป็นเงินก้อนโต กำลังคิดว่าจะนำเงินก้อนนี้ไปต่อยอดยังไงดีเพื่อให้มันเติบโตไปเรื่อยๆเหมือนที่ ใครๆพูดกันว่า “ให้เงินทำงาน”
อืมมมม ให้เงินไปทำงานกับอะไรดีล่ะ?
แหล่งที่รักษาเงินออมนั้นเราควรได้รับอะไรติดไม้ติดมือกลับมาด้วย ไหนๆก็เสียโอกาสที่จะใช้เงินตอนนี้เพื่อเก็บไปใช้ในอนาคต ในบทความนี้จะนำเสนอมุมมองการต่อยอดของเงินออมไปลงทุน 2 แนวทาง คือ การลงทุนให้เงินเงินออมเติบโตและการลงทุนปกป้องชีวิตตนเอง
เมื่ออ่านจบแล้วก็ลองดูว่าทางเลือกไหนเหมาะกับเป้าหมายของเรา หรืออาจจะนำทั้ง 2 แนวทางมาผสมกันก็ได้ โดยทำให้ตรงกับความต้องการของเรามากที่สุดนะจ๊ะ
2 แนวทางนำเงินออมไปต่อยอดด้วยการลงทุน
แนวทางที่ 1 คือ การลงทุนให้เงินออมเติบโต
ทางเลือกนี้เหมาะสมกับคนที่ต้องการให้เงินเติบโต
โดยเลือกตามความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้ ซึ่งเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินต่างๆ ในบทความนี้จะแนะนำเบื้องต้น 3 รูปแบบ ดังนี้
- ความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนต่ำ คือ เงินฝากประจำ
- ความเสี่ยงปานกลาง ผลตอบแทนปานกลาง คือ ตราสารหนี้ (ที่เรารู้จักกัน เช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้)
- ความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนสูง คือ ตราสารทุน (ที่เรารู้จักกัน คือ หุ้น)
ถ้าไปเจอใครบอกว่าการลงทุนนี้ "ความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนสูง" ให้ระมัดระวังตัวไว้ ไม่ควรลงทุนเพราะไม่มีการลงทุนอะไรที่ทำได้นอกจากถูกหลอกจากแชร์ลูกโซ่นะจ๊ะ
ที่มา : http://oldweb.aimc.or.th/23_infostats_provident_benchmark.php?month=1AND2015&x=69&y=12
จากกราฟข้างต้นเราจะเห็นว่าถ้าเรานำเงินออมไปไว้ในที่แตกต่างกันผลลัพธ์ย่อมแตกต่างกัน โดยมีผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปีเฉลี่ย ดังนี้
- เงินฝากประจำ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเริ่มบังคับตนเองให้ออมเงิน มีผลตอบแทนต่ำแบบคงที่ตลอดระยะเวลา 10 ปี โดยมีผลตอบแทนเฉลี่ย 2.08%
- ตราสารหนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการได้ผลตอบแทนจากดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอ มีผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากประจำ บางปีให้ผลตอบแทนสูงต่ำสลับกับตราสารทุน โดยมีผลตอบแทนเฉลี่ย 5.37%
- ตราสารทุน เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้เงินเติบโต รับความเสี่ยงได้สูงมาก มีความผันผวนสูงดูได้จากการขึ้นลงเร็วของกราฟแบบฟันปลา โดยมีผลตอบแทนเฉลี่ย 13.26%
การคำนวณผลตอบแทน
การคำนวณผลตอบแทนจากการลงทุนนั้นจะต้องใช้เครื่องคิดเลขทางการเงิน ถ้าใครไม่ถนัดคำนวณเองก็โหลดแอพเครื่องคิดเลขมาใข้ได้ มีตัวอย่างการใช้แอพเครื่องคิดเลขทางการเงินที่บทความสร้าง 1 ล้านแรกกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ https://aommoney.wpenginepowered.com/?p=14731
ผลตอบแทนจากการฝากเงินครั้งเดียว
ตัวอย่าง ฝากเงินครั้งเดียว 1,000 บาท ผ่านไป 10 ปีจะเติบโตเป็นกี่บาท?
- ไม่นำเงินออมไปลงทุน เก็บไว้เองจะเป็นจำนวนเงิน 1,000 บาท
- เงินฝากประจำ เงินออมเติบโตเป็น 1,228.58 บาท
- ตราสารหนี้ เงินออมเติบโตเป็น 1,687.21 บาท
- ตราสารทุน เงินออมเติบโตเป็น 3,473.48 บาท
ผลตอบแทนจากการฝากเงินรายเดือน
ตัวอย่าง ฝากเงินเดือนละ 1,000 บาท ผ่านไป 10 ปีจะเติบโตเป็นกี่บาท?
- ไม่นำเงินออมไปลงทุน เก็บไว้เองจะเป็นจำนวนเงิน 120,000 บาท
- เงินฝากประจำ เงินออมเติบโตเป็น 133,264.33 บาท
- ตราสารหนี้ เงินออมเติบโตเป็น 158,395.13 บาท
- ตราสารทุน เงินออมเติบโตเป็น 247,842.57 บาท
ภาพนี้ชัดเจนมากมาย...
แนวทางที่ 2 คือ การลงทุนปกป้องชีวิตตนเอง
ทางเลือกนี้เหมาะสมกับผู้ที่ต้องการเก็บเงินซื้อประกันชีวิต
การลงทุนที่สำคัญที่สุด คือ การปกป้องชีวิตตนเอง ชีวิตจะดราม่าหากเราจบชีวิตลงแล้วยังเหลือภาระให้คนข้างหลังลำบาก เช่น หนี้สินจากการผ่อนต่างๆ ค่าใช้จ่ายภายในบ้าน เงินเลี้ยงดูพ่อแม่ ค่าเล่าเรียนของลูก และรายจ่ายอื่นๆจิปาถะ หากทำประกันชีวิตไว้ก็จะบรรเทาปัญหาทางการเงินได้บางส่วน
อ่านเพิ่มเติม : ประเภทของประกันชีวิตได้ที่ https://aommoney.wpenginepowered.com/?p=11005
หลายครั้งที่เบี้ยประกันแล้วบอกว่าตนเองเก็บเงินไม่ได้ เราควรจ่ายเบี้ยตามกำลังที่เราทำได้ โดยจัดระบบเงินออมแบบอัตโนมัติจากการเก็บสะสมรายเดือน โดยแบ่งออกมาว่าควรเก็บต่อเดือนเท่าไหร่ เมื่อครบปีแล้วจึงถอนเงินออกไปจ่ายเบี้ยประกันชีวิต
ตัวอย่าง การหยอดกระปุกออมสินจ่ายเบี้ยประกัน
ขอบคุณภาพจากแฟนเพจอภินิหารเงินออม
ตัวอย่าง การเก็บเงินแบบอัตโนมัติทุนเดือน
หากใครไม่ถนัดวิธีหยอดกระปุกออมสินก็สามารถใช้ "ระบบการออมรายเดือน" โดยตัดเงินอัตโนมัติ จากบัญชีเงินเดือนเพื่อรวมไว้ในบัญชีเพื่อจ่ายเงินประกันชีวิตโดยเฉพาะ เช่น การฝากออมทรัพย์ กองทุนรวมตลาดเงิน เมื่อครบกำหนด 1 ปีแล้วก็ถอนออกมาจ่ายค่าเบี้ยประกัน วิธีนี้เราก็ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนติดไม้ติดมือมาด้วยเล็กน้อย
สรุปว่า…
เงินออมไม่ควรเก็บไว้เฉยๆเพราะมันไม่เติบโต การเก็บเงินไว้ 100 บาท ผ่านไป 10 ปี แม้ว่าจะมีเป็นเงิน 100 บาทเหมือนเดิม แต่มูลค่าของเงินลดลง เราซื้อของได้น้อยลง นี่แหละจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราควรนำเงินมาต่อยอดด้วยการลงทุน ในเบื้องต้นอาจจะเลือกว่าจะเป็นการลงทุนเพื่อให้เงินเติบโตในเงินฝากประจำ ตราสารหนี้ ตราสารทุนหรือเป็นการลงทุนเพื่อปกป้องชีวิตตนเองโดยใช้ประกันชีวิต
ขอให้นักออมเงินทุกท่านโชคดีในการลงทุนนะจ๊ะ จุ๊บๆ