หลายคนมีคำถามในใจประมาณนี้ เป็นคนจิตใจดี อยากทำบุญ อยากช่วยเหลือคนอื่นนะ แต่..เรามีเงินไม่เยอะ แถมบางทีมีหนี้ด้วย งั้นทำไงดี??? ใช้หนี้ให้หมดก่อน รอมีเงินเหลือเยอะๆ แล้วค่อยช่วยเหลือคนอื่นดีมั้ย มาดามเลยอยากมาไขข้อข้องใจตรงนี้

1. เรา “ให้” เพื่อให้รู้สึกว่าเรา “มี”

คนที่จะให้อะไรใครได้ มันต้องมีสิ่งนั้นก่อน การที่ได้รู้สึกเป็นผู้ให้บ้าง จะทำให้เรารู้สึกว่าเรามี ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่บนความขาดแคลนเสมอไป จนให้อะไรใครไม่ได้เลย การมีเงินน้อยหรือการมีหนี้นั้น มันไม่ได้หมายความว่าเราคือผู้ยากไร้เสมอไป เรามีเงินนะ..แค่เรายังมีไม่เยอะ ส่วนที่เรามีหนี้..ก็เพราะเราตัดสินใจไปก่อหนี้หรือไปรับภาระหนี้มา เรายังคงเป็น “ผู้ให้” ได้ค่ะ

2. “การให้” ไม่ได้ต้องเป็นในรูปแบบ “เงิน” เสมอไป

หากเงินเรายังมีไม่เยอะ เรายังเดือดร้อน หมุนไม่ทันจริงๆ งานอาสาสมัครที่ใช้แรงใช้เวลามีเยอะอยู่นะคะ ยกตัวอย่างเช่นเว็บไซต์นี้ http://www.volunteerspirit.org/ รวบรวมงานจิตอาสารที่ต้องการคนช่วยไว้มากมายหลายรูปแบบ เราสามารถพาตัวเองไปใช้เวลาใช้แรงช่วยกิจกรรมที่เราสนใจได้ค่ะ การให้นั้น..แท้จริงคือการฝึกฝนตนเองให้มีนิสัยและจิตใจที่กว้าง เป็นผู้ที่มี เป็นผู้ที่เผื่อแผ่ นึกถึงคนอื่น

3. ให้น้อยก็คือให้ ให้มากก็คือให้

คำว่า “ให้” ไม่ได้สำคัญตรงที่ว่าใครให้น้อยหรือให้มาก มันอยู่ที่จิตใจที่อยากจะให้ ให้แล้วสบายใจ ให้แล้วมีความสุข ดังนั้น เลิกคิดซะเถอะค่ะ ว่าให้น้อยแล้วช่วยใครไม่ได้ ถ้าคนหลายคนช่วยๆ กันคนละนิดละหน่อย แต่จำนวนคนเยอะมากๆ รวมๆ แล้วเงินบริจาคก็ออกมามากได้ ไม่แพ้คนมีเงินมากบริจาคหนึ่งครั้งนะคะ เงินน้อยบางครั้งก็สำคัญมากๆ เลยล่ะ หากเป็นก้อนสุดท้ายที่จะทำให้โครงการหรืองานๆ นึงนั้นสำเร็จ อย่าหมิ่นเงินน้อยค่ะ ให้น้อยก็คือให้นะ

4. สำคัญอยู่ที่ให้ตามกำลัง ไม่เดือดร้อนตัวเอง

ถ้าวันนี้เงินเรายังมีไม่เยอะ ก็ให้น้อยๆ ก่อน เริ่มจากหลักสิบ หลักร้อย หรือกำหนดเป็นเปอร์เซ็นต์ของรายได้ เริ่มจาก 1% หรือ 2% ก็ยังได้ค่ะ เช่น รายได้เดือนละ 10,000 บาท ก็ตั้งเป้าบริจาคการกุศล 100 บาท เริ่มจากน้อยไปค่อยๆ มาก ให้เท่าที่เราไม่เดือดร้อนเพราะเบียดเบียนตัวเองน่ะค่ะ (ส่วนตัว มาดามตั้งไว้ว่าบริจาคการกุศลหรือให้ใครที่อยากให้ 5% ของรายได้ค่ะ)

5. ให้ทั้งที ถ้าลดหย่อนภาษีได้ด้วยจะดีงามมาก

รู้รึเปล่า..ว่าการบริจาคนั้นเอามาลดหย่อนภาษีได้ แต่...ต้องขอใบเสร็จรับเงินมา และเป็นการบริจาคให้หน่วยงานที่อยู่ในรายชื่อที่กรมสรรพากรประกาศ ว่าสามารถนำมาใช้ได้ค่ะ เงินบริจาคให้บางหน่วยงานเราสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ถึง 2 เท่าของเงินที่เราบริจาคไปด้วยซ้ำ!!

  • ตรวจสอบรายชื่อ มูลนิธิ สมาคม สถานสาธารณกุศลที่ผู้มีเงินได้มีสิทธิขอหักลดหย่อนเงินบริจาค http://www.rd.go.th/publish/29157.0.html
  • ตรวจสอบรายชื่อสถานสงเคราะห์ สถานพักฟื้นบำบัดและฟื้นฟูเด็ก คนชรา คนพิการ ที่สามารถหักค่าลดหย่อนเงินบริจาคได้ http://www.rd.go.th/publish/36170.0.html
  • ตรวจสอบรายชื่อสามารถหักลดหย่อนเงินบริจาคได้ 2 เท่า
  • สถานศึกษา http://www.rd.go.th/publish/28654.0.html
  • หน่วยงานด้านกีฬา http://download.rd.go.th/fileadmin/download/sportsociety_241256.pdf

หวังว่า 5 ข้อที่มาดามว่ามานี้ คงจะทำให้พวกเราเข้าใจมากขึ้น ว่า “การให้” นั้นเป็นเรื่องดี เราทำได้และควรจะทำเพื่อฝึกฝนจิตใจตัวเอง แม้ว่าเราจะมีเงินยังไม่เยอะ หรือแม้แต่ยังมีหนี้อยู่

ขอเพียงให้การให้นั้น..เกิดจากความเต็มใจ ตามกำลัง ไม่มีเงินก็ให้เป็นความช่วยเหลืออย่างอื่นได้ ยังไงมาดามฟินนี่ขออนุโมทนาบุญกับผู้มีจิตใจดีทั้งหลายที่อ่านจนถึงบรรทัดนี้ด้วยนะคะ แน่ใจว่าเมื่ออ่านจบ..พวกเราจะมั่นใจ ลุกขึ้นมา “ให้” อย่างมีสติ หมดความสงสัย มีความสุขใจกับการให้เต็มเปี่ยม

โอเคนะ

มาดามฟินนี่