ที่ขอยกเอาเรื่องนี้มาเพราะ เนื่องจากได้มีโอกาสไปเป็นวิทยากรร่วมกันกับ คุณบ๊อบ ณัฐธีร์ โกศลพิศิษฐ์ พิธีกรและผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ซึ่งหลายๆท่านคงจำลูกสาวของคุณบ๊อบได้ดี คือ “น้องณัชชา ลูกสาวพี่บ๊อบ” ไงละครับ

โดยผมก็ได้แนวคิดดีๆมาฝากเกี่ยวกับการส่งลูกเรียนครับ ซึ่งต้องขอบอกไว้ก่อนว่าเป็นแนวคิดจากที่ผมฟังมาจากคุณบ๊อบ ซึ่งตอนนี้ก็มีลูกทั้งหมด 4 คน ดังนั้นก็น่าจะถือว่ามีประสบการณ์ในการส่งลูกเรียนได้ไม่น้อยจริงมั้ยครับ

โดยหัวข้อในวันนี้ที่บอกว่า "ประหยัดค่าเทอมลูกช่วงอนุบาล เก็บไว้ให้เรียนต่อป.โทเมืองนอก จะดีกว่ามั้ยนะ?"  เพราะจากที่คุณพ่อบ๊อบได้ส่งน้องณัชชาลูกคนโต เรียนระดับนานาชาติตั้งแต่อนุบาล ซึ่งก็ถือว่าค่าเทอมแพงเป็นอันดับต้นๆของประเทศเลยก็ว่าได้ครับ

แน่นอนว่าก็จะได้เรื่องภาษาตั้งแต่เล็กๆ และ ต้องบอกได้เลยว่าเป็นการปูพื้นฐานให้กับลูกในอนาคต เพราะต่อจากนี้ไปทุกๆคนต้องพูดสื่อสารภาษาอังกฤษได้ แต่พอคุณพ่อบ๊อบเกิดมีลูกคนที่ 2-3-4 ตามมานี่แหละครับ คือเรื่องที่ต้องคิดเพราะ ถ้าต้องเรียนโรงเรียนนานาชาติตั้งแต่เล็กๆ เหมือนน้องณัชชา นี่ก็ต้องมีค่าเทอมที่สูงแบบมหาศาลมากๆครับ ซึ่งเดี๋ยวนี้การจะมีลูกก็ไม่ค่อยมีกันเกิน 2 คนอยู่แล้ว แต่เคสนี้มีลูกถึง 4 คน  ซึ่งแน่นอนว่าถ้าจะเรียนแบบนานาชาติจริงๆ กับ คนที่ 2-3-4 ผมก็เชื่อว่าก็น่าจะไม่มีปัญหา แต่ถ้าลองมาคิดให้ดี ก็จำเป็นที่ต้องเริ่มเรียนนานาชาติเลยมั้ย

ซึ่งสุดท้ายคิดไปคิดมาแล้ว ก็ได้แนวคิดว่า ให้เรียนอนุบาลแบบแผนภาษาไทย ช่วงอนุบาล 1-3 ก่อนดีกว่า เพราะ หากต้องการได้ภาษาช่วงอนุบาลก็ยังพอได้อยู่ รวมถึงพอเข้าประถม 1 อายุก็ประมาณ 6 ขวบ ก็ยังทันกับการเรียนแบบนานาชาติ ซึ่งภาษาอังกฤษก็ยังเรียนรู้ ฟังพูดภาษาอังกฤษทัน

และตอนนี้แม้ว่าลูกคนที่ 2-3 จะยังไม่เข้าประถมเลย ก็เริ่มฟังภาษาอังกฤษได้ พูดภาษาอังกฤษได้ ดังนั้นจึงถือว่าการจะให้เข้านานาชาติตอนประถมศึกษาก็ยังไม่สายเกินไปครับ แถมยัง Save เงินไปได้หลายล้านเลยก็ว่าได้ครับ ซึ่งเอาเงินส่วนนี้ไปลงทุนเพื่อเอาไปวางแผนเตรียมไว้เรียนปริญญาตรี ปริญญาโท ต่างประเทศก็น่าจะได้เช่นกัน และถึงตอนนั้นจะได้ไม่เหนื่อนมาก จริงมั้ยครับ

Ex: ตัวอย่างการประหยัดค่าเทอมช่วงอนุบาล เพื่อเอาไปลงทุนเตรียมไว้เป็นทุนการศึกษาช่วงปริญญาตรี ปริญญาโทต่างประเทศ แทน

เช่น ตัวอย่างค่าเทอมนานาชาติอนุบาล ปีละ 500,000 บาท และตัวอย่างค่าเทอมแผนภาษาไทย ปีละ 100,000 บาท ก็แสดงว่าประหยัดไปปีละ 400,000 บาท เรียน 3 ปี ก็ประหยัดไป 1,200,000 บาท แล้ว

จากนั้นถ้าเอาเงิน 1,200,000 บาทที่ประหยัดได้ มาลงทุนต่อกับกองทุนรวม ที่ผลตอบแทนประมาณ 6% ต่อปี และทิ้งไว้อีก 20 ปีข้างหน้า มูลค่าจะกลายเป็นเงินถึง 3,850,000 บาทเลยทีเดียว ซึ่งสามารถเอาไปไว้เรียนต่อปริญญาตรี ปริญญาโทต่างประเทศได้แน่นอนครับ

ดังนั้นใครที่ยังมีลูกเล็กๆ ก็อาจจะลองพิจารณาแนวทางการวางแผนการศึกษาบุตรให้รอบคอบอย่างดีนะครับ โดยหากมีลูกแค่ 1-2 คน หรืออาจจะเป็นคนที่พอมีฐานะดีพร้อมส่งเสียอยู่แล้ว ก็อาจจะไม่ต้องถึงกับมาเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายการเรียนทั้ง2-3 แผนมากนัก แต่ถ้ามีปัญหาเรื่องงบประมาณก็ควรต้องพิจารณาอย่างอย่างรอบคอบดีที่สุดครับ

เพราะ “การวางแผนทุนการศึกษาบุตร เป็นเรื่องที่ไม่สามารถย้อนกลับมาเริ่มวางแผนใหม่ได้ จึงต้องใส่ใจและพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบด้าน”