[WEEKLY OUTLOOK กับอัศวินกองทุน] สรุปภาพรวมการลงทุน ช่วงวันที่ 10-14 ตุลาคม 2559

สวัสดีครับ กลับมาอีกครั้งกับผม “อัศวินกองทุน” เจ้าเก่าเจ้าเดิมที่จะเพิ่มเติมมุมมอง ผ่านคอลัมน์ Weekly Outlook กันอย่างเช่นเคยครับผม สัปดาห์นี้ก็เป็นสัปดาห์ที่ 18 ที่เราเจอกันมาแล้วนะครับ(ฮา)

จากสัปดาห์ก่อนที่ผมบอกไปว่าตลาดเอเชียนั้นค่อนข้างน่าสนใจ ก็มีหลายคนถามมาครับว่าเพราะอะไร  เหตุผลที่ตอนนี้เศรษฐกิจเอเชียเป็นที่น่าจับตาจากนักลงทุนทั่วโลกเพราะมีหลายปัจจัยที่ผลักดันให้มี ศักยภาพ 4 เหตุผล ดังนี้ครับ

  1. เศรษฐกิจเอเชียที่ขยายตัวมากกว่าเศรษฐกิจโลก
  2. การขยายตัวของประชากรวัยทำงาน
  3. เงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่เพิ่มขึ้น
  4. การปฏิรูปเศรษฐกิจหลายประเทศในเอเชีย  

นี่คือเหตุผลสั้นๆ ที่ผมมองว่าตลาดเอเชียค่อนข้างน่าสนใจ อย่างไรก็ตามนักลงทุนทุกคนอย่าลืมตรวจสอบข้อมูลด้วยนะครับว่า ท่านเห็นตรงกันกับผมหรือเปล่า ถ้าเห็นตรงกันก็จัดไปได้เลยครับ เอาล่ะครับ.. ทีนี้เราต้องมาดูสถานการณ์การลงทุนทั่วโลกในสัปดาห์นี้กันต่อดีกว่าครับ

คลิกเพื่อดูภาพใหญ่

สรุปภาพรวมประจำสัปดาห์
“การไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยของ Fed  และเสถียรภาพของเศรษฐกิจจีน สนับสนุนการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย”

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

แนวโน้มเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น อาจเป็นปัจจัยกดดันการฟื้นตัวของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน  และความกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น  ประกอบกับราคาต่อมูลค่าพื้นฐานที่ค่อนข้างสูง ทำให้ยังขาดความน่าสนใจในตลาดหุ้นสหรัฐครับ ดังนั้นผมว่าตอนนี้เราคงการลงทุนดูท่าทีกันไปก่อนดีกว่าครับ

ตลาดหุ้นยุโรป

จำนวนเงินที่ทาง Deutsche Bank จะต้องชำระค่าปรับยังอยู่ในช่วงการเจรจาต่อรอง แต่ราคาหุ้นปรับลดลงสะท้อนข่าวร้ายไปมากแล้ว คาดการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันยังคงมีความจำเป็นที่ ECB จะคงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจขึ้นมาอีก มุมมองกลับกันนั้นถือว่าเป็นโอกาสที่เราจะลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปเหมือนกันนะครับ ดังนั้นขอแนะนำให้เพิ่มการลงทุนครับผม

ตลาดหุ้นจีน (A-SHARE / H-SHARE)

ทางฝั่งตลาดหุ้นจีนนั้น คาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนจากนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มีแนวโน้มดีขึ้น จากเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพมากขึ้นโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งการบริโภคครัวเรือนยังมีแนวโน้มขยายตัวดี ซึ่งปัจจัยทั้งหมดช่วยหนุนนำให้จีนน่าสนใจแบบสุดๆ แบบนี้ผมขอแนะนำให้เพิ่มการลงทุนทั้งสองตลาดกันไปเลยดีกว่าครับ ทั้ง A-SHARE และ H-SHARE ครับผม

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

ถ้าสังเกตดีๆ เราจะเห็นว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นตั้งแต่เดือน ส.ค. มีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม และรูปแบบการทำนโยบายการกำหนดเป้าหมายอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งนโยบายดังกล่าวจะสนับสนุนให้รัฐบาลสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากขึ้น ดังนั้นก็เป็นอีกโอกาสหนึ่งของเราเช่นเดียวกันครับที่จะเพิ่มการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นช่วงนี้ แนะนำเพิ่มการลงทุนครับผม

ตลาดหุ้นเกาหลี

เศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมและบริการมีแนวโน้มขยายตัวดี ทำให้ผลประกอบการบริษัทยังมีแนวโน้มขยายตัวดี ขณะที่อัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง จะทำให้ธนาคารกลางเกาหลีสามารถลดดอกเบี้ยได้อีก ซึ่งปัจจัยทั้งหมดนี้ส่งผลดีต่อตลาดหุ้นเกาหลีเช่นเดียวกัน ดังนั้นเพิ่มการลงทุนกันต่อไปครับผม

ตลาดหุ้นอินเดีย

ธนาคารกลางอินเดียประกาศลดดอกเบี้ยลง 0.25% อยู่ที่ 6.25% เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ ส่งผลให้มีสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นจากการลดดอกเบี้ยแล้ว ส่วนตลาดหุ้นอินเดียมีปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจากการไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่สามเช่นกัน ดังนั้นตลาดหุ้นอินเดียก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตลาดที่น่าสนใจครับ เพิ่มการลงทุนกันต่อไปครับผม

ตลาดหุ้นไทย

แม้ตลาดหุ้นเอเชียจะมีปัจจัย fund flow สนับสนุนจากนโยบายกระตุ้นจากธนาคารกลางยุโรปและญี่ปุ่น แต่ราคาต่อมูลค่าพื้นฐานค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับตลาดอื่นในภูมิภาค ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังขาดความน่าสนใจอยู่ครับ  ประกอบกับปัจจัยหลายๆอย่างที่อาจทำให้การบริโภคในประเทศขยายตัวน้อยเกินกว่าที่คาด แบบนี้ผมว่าคงการลงทุนกันไปก่อนดีกว่าครับ

เงินสดและกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น

เช่นเดิมครับผม ตอนนี้ความผันผวนของตลาดหุ้นมีแนวโน้มลดลง นักลงทุนควรลดการถือครองเงินสด และหาการลงทุนที่มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นครับ

น้ำมัน

ความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตน้ำมันในการลดกำลังการผลิตยังมีความไม่แน่นอนสูง เนื่องจากอิหร่านและอิรักยังคงท่าทีในการเพิ่มกำลังการผลิต ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกดดันราคาน้ำมันในระยะต่อไป แบบนี้เราไม่ควรทำอะไรเท่าไรครับ คงการลงทุนไปก่อนดีกว่า

ทองคำ

ประเด็นเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ในเดือน ธ.ค. ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทยอยแข็งค่าและอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลทยอยปรับขึ้น จะเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำต่อ ดังนั้นแนะนำให้รอดูท่าทีโดยการคงการลงทุนเช่นเดียวกันครับ

ตราสารหนี้ไทย

ดัชนีพันธบัตรรัฐบาลไทยช่วงอายุ 1-3 ปีปรับตัวขึ้นจากการเข้าซื้อของนักลงทุนต่างชาติหลังจาก Fed คงอัตราดอกเบี้ย แต่อย่างไรก็ตามตัวเลขต่างๆบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี ซึ่งทำให้ความน่าสนใจของการลงทุนในตราสารหนี้ลดลง ดังนั้นตอนนี้คงการลงทุนไปก่อนดีกว่าครับ

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์นี้ ผมยังแนะนำให้ Focus ที่ตลาดเอเชียเหมือนเช่นเคยครับ (ยกเว้นตลาดหุ้นไทย) ส่วนทางฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปนั้น ยังคงแนะนำให้คงดูท่าทีกันไปก่อนครับ เพราะมีปัจจัยหลายๆอย่างเข้ามากระทบต่อความไม่แน่