สวัสดีครับผม!!! อัศวินกองทุนยุค Digital กลับมาแล้วครับ

แม้ว่า ตลาดไทย และ ญี่ปุ่น จะผันผวนแค่ไหน ผมยังแนะนำให้จัดต่อไปไม่ต้องรอได้นะ ส่วน สหรัฐฯ นั้นโดดเด่นด้วยผลประกอบการและดัชนีต่างๆ ที่สนับสนุนการไปต่อครับผม

สรุปประเด็นทุกตลาดสำคัญที่น่าสนใจลงทุน พร้อมกับมุมมองแบบนี้ได้ทุกสัปดาห์ ที่นี่ที่เดียวครับ

Focus ประเทศน่าลงทุนประจำสัปดาห์ที่ 29 ตุลาคม - 2 พฤศจิกายน 2561

ซื้อ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ไทย ชะลอลงทุนใน A-SHARE

เหตุผล : ทั้ง 3 ตลาดที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งด้านเศรษฐกิจ และน่าสนใจ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่มีผลประกอบการออกมาดีกว่าที่คาดไว้ และปัจจัยอื่นๆ ยังดีอยู่

Focus : สหรัฐฯ ไทย ญี่ปุ่น

ความน่าสนใจ :  หุ้นไทยและญี่ปุ่นที่ผันผวนตอนนี้ถือเป็นโอกาส ส่วนหุ้นสหรัฐฯ แข็งแกร่งขึ้นมาจากผลประกอบการและปัจจัยพื้นฐาน

Scan การปรับตัวตลาดหุ้นทั่วโลก

ตลาดหุ้นทั่วโลกมีการปรับตัวลงมาอย่างน่าตกใจ อย่างไรก็ตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงออกมาดีอยู่ เช่น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ และผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯยังคงออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

ส่วนสงครามการค้ายังเป็นปัจจัยที่นักลงทุนจับตามองอยู่ ทำให้ตลาดหุ้นเกิดใหม่ยังมีความเสี่ยงสูงในตอนนี้

ดังนั้นช่วงนี้จึงแนะนำให้ซื้อหุ้นสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และไทย เพราะผมมองว่าปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งครับ

ภาพรวมการลงทุน

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

เนื่องจากผมมองว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ค่อนข้างออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ บวกกับปัจจัยของเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง จากการบริโภคในประเทศและการลงทุนเอกชน และนโยบายลดภาษี จะส่งผลบวกต่อการขยายตัวเศรษฐกิจต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังน่าสนใจอยู่ครับ

สรุปสั้นๆ : ถ้ายังไปต่อ เราก็ซื้อต่อไปครับ

ตลาดหุ้นยุโรป

ยังเหมือนเดิมครับ เนื่องจากเศรษฐกิจยุโรปมีการขยายตัวดีอย่างต่อเนื่อง รวมถึง ECB ที่ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ  และรายได้บริษัทของหุ้นขนาดเล็กส่วนใหญ่นั้น ก็มาจากการบริโภคในประเทศ จึงมองว่าหุ้นขนาดเล็ก จะได้รับผลกระทบที่น้อยกว่า หากสหรัฐฯ ขึ้นกำแพงภาษีสินค้าจากยุโรป

สรุปสั้นๆ : สะสมต่อได้ เลือกหุ้นเล็กไว้ ใหญ่ๆ ไม่เอานะครับ

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

ตอนนี้ยังคงผันผวนลดลงครับ เรียกได้ว่าเป็นอีกจุดต่ำสุดของตลาดหุ้นญีปุ่นในช่วงเดือนที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม อย่างที่เราทราบกันครับว่านายชินโซะ อาเบะ จะได้รับเลือกตั้งให้เป็นหัวหน้าพรรครัฐบาลปัจจุบันหรือ LDP ต่อ ซึ่งจะส่งผลให้นโยบายเศรษฐกิจมีความต่อเนื่องมากขึ้น ประกอบกับแนวโน้มค่าเงินเยนที่ถูกลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการส่งออกญี่ปุ่นดียิ่งขึ้นได้ครับ ซึ่งตรงนี้ถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่จะเข้าซื้อต่อได้ครับ

สรุปสั้นๆ : ซื้อต่อได้ครับ

ตลาดหุ้นเกาหลี

สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นเกาหลียังคงผันผวนเหมือนเดิมครับ จากการที่ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI Index) ของประเทศจีนและสหรัฐฯ มีการชะลอตัวและต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ รวมถึงความเสี่ยงจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่เริ่มอ่อนแอลง แต่เชื่อเถอะครับว่า ตอนนี้ยังเป็นจังหวะสะสมได้อยู่ครับ

สรุปสั้นๆ : สะสมได้สะสมต่อไปได้ครับ

ตลาดหุ้นอินเดีย

มีสองปัจจัยหลักที่สะท้อนให้ราคาลงจนตัดสินใจสะสมต่อได้ครับ ปัจจัยแรกคือ ด้านคะแนนความนิยมของ ‘นายกรัฐมนตรีโมดี’ ลดลง ซึ่งสวนทางกับปัจจัยที่สอง คือ เศรษฐกิจของประเทศอินเดียยังคงขยายตัวได้ดี สำหรับคนที่สนใจลงทุนในหุ้นอินเดียก็เป็นโอกาสในการสะสมต่อในตอนนี้ครับ

นอกจากนี้ยังมีอีกเรื่องที่สำคัญ คือ เงินรูปีอินเดียช่วงนี้อ่อนค่าลงต่ำมาก ซึ่งเห็นว่าทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นโอกาสที่น่าเข้าสะสมหุ้นอินเดียครับ

สรุปสั้นๆ : ยังคงทยอยสะสมได้ครับ

ตลาดหุ้นไทย

ต่ำแล้วมีต่ำกว่าอีก ต่ำแล้วก็ต่ำที่สุด สำหรับสัปดาห์นี้ถือว่า หุ้นไทยลดต่ำสุดใน 1 เดือนแล้วครับ จุดนี้น่าจะเป็นจุดที่น่ากังวลของใครหลายคนแล้วล่ะครับ

แต่อย่าเพิ่งตกใจไปครับ ถ้ามองภาพรวมพื้นฐานเศรษฐกิจไทย ผมเชื่อว่ายังมีแนวโน้มขยายตัวดีอยู่ จากปัจจัยสำคัญ คือ การเลือกตั้งที่จะมีในต้นปีหน้า ช่วยสนับสนุนบรรยากาศในการลงทุนตอนนี้

เอาจริงๆ ถ้าเรามองว่าไปต่อ โอกาสในตอนนี้คือโอกาสที่ดีในการซื้อหุ้นไทยครับ

สรุปสั้นๆ : ใคร (กล้า) ซื้อได้ ซื้อต่อไปครับ

ตลาดหุ้นจีน

สำหรับสัปดาห์นี้ ยังแนะนำให้ชะลอการลงทุนในหุ้นจีน A-Share ต่อนะครับ หลังจากสถานการณ์สงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนมีแนวโน้มแย่ลงอยู่เหมือนเดิม และที่เพิ่มเติมคือหุ้นตก ซึ่งกดดันให้การเติบโตของจีนชะลอลงไปด้วย

เน้นนะครับ สำหรับหุ้นจีน A-SHARE นั้น เราควรอยู่เฉยๆ แต่สำหรับหุ้นจีน H-Share ทยอยสะสมได้เรื่อยๆ ครับ

สรุปสั้นๆ : ชะลอ A-SHARE ไปก่อนครับ

แนะนำการลงทุนประจำสัปดาห์

ตลาดตราสารทุน : ซื้อหุ้นสหรัฐฯ, หุ้นญี่ปุ่น, หุ้นไทย, ทยอยสะสมหุ้นยุโรป, หุ้นเกาหลี และหุ้นจีน H-SHARE

ตลาดตราสารหนี้ : แนะนำลงทุนตราสารหนี้ High Yield ต่างประเทศ ส่วนตราสารหนี้ไทยแนะนำให้ซื้อตราสารหนี้ไทยระยะสั้น

สินทรัพย์ทางเลือก : ทยอยสะสมน้ำมันและทองคำ เนื่องจากช่วงนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีการผันผวน และนักลงทุนเก็งกำไร Future เปิดสถานะ Long ไว้มาก  ทำให้ความไม่แน่นอน ณ ช่วงนี้เป็นโอกาสในการสะสมทองคำเพิ่มครับ

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงต่ำ

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นไทย 12%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 44%
  • ตราสารหนี้ไทย 44%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นไทย 16%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 42%
  • ตราสารหนี้ไทย 42%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงกลาง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นต่างประเทศ 24%
  • หุ้นไทย 30%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 20%
  • ตราสารหนี้ไทย 20%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 6%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นต่างประเทศ 26%
  • หุ้นไทย 34%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 17%
  • ตราสารหนี้ไทย 17%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 3%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 3%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงสูง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นต่างประเทศ 40%
  • หุ้นไทย 42%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 5%
  • ตราสารหนี้ไทย 5%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 8%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นต่างประเทศ 42%
  • หุ้นไทย 46%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 2%
  • ตราสารหนี้ไทย 2%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 4%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 4%

“ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน” ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2561

ทั้งนี้ เอกสารนี้จัดทำโดย นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดสรรสินทรัพย์และกองทุนต่างประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเผยแพร่ทั่วไป

โดยข้อคิดเห็นและบทความในเอกสารฉบับนี้ เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ผู้ใช้ข้อมูลนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยตนเอง