สวัสดีครับผม!! อัศวินกองทุนยุค Digital กลับมาแล้วครับ

สัปดาห์นี้เรามาดูกันว่าตลาดไหนน่าสะสมบ้างครับ ทั้งสหรัฐฯ ไทย และญี่ปุ่น ยังไปต่อ ไม่รอแล้วนะได้หรือไม่

สรุปประเด็นทุกตลาดสำคัญที่น่าสนใจลงทุน พร้อมกับมุมมองแบบนี้ได้ทุกสัปดาห์ ที่นี่ที่เดียวครับ

Focus ประเทศน่าลงทุนประจำสัปดาห์ที่ 22-26 ตุลาคม  2561

ซื้อต่อไป สหรัฐฯ และ ญี่ปุ่น มีแนวโน้มที่น่าสนใจ

เหตุผล : ทั้ง 3 ตลาดที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งด้านเศรษฐกิจ และน่าสนใจ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่มีผลประกอบการออกมาดีกว่าที่คาดไว้

Focus : สหรัฐฯ ไทย ญี่ปุ่น

ความน่าสนใจ : หุ้นไทยดูผันผวนชั่วคราว หุ้นสหรัฐฯ แข็งแกร่งขึ้นมาจากผลประกอบการ ส่วนญี่ปุ่นเป็นจังหวะดีที่จะเข้าซื้อในช่วงปรับตัว

Scan การปรับตัวตลาดหุ้นทั่วโลก

สำหรับสัปดาห์นี้ แนะนำให้ซื้อหุ้นสหรัฐฯ

เหตุจากผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ ได้เริ่มออกมาแล้ว โดยผลประกอบการธนาคารและบริษัทเทคโนโลยีได้ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ในขณะที่ด้านสงครามการค้ากับจีน น่าจะมีการเจรจาการประชุม G20 ภายในเดือนหน้า ส่งผลให้ตลาดใหม่ยังมีความเสี่ยงสูง

ส่วน ญี่ปุ่น และไทย ยังไปไหวเนื่องจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่ง แต่ให้ระมัดระวังการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียเหนือ เช่น จีน A-Share เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจมีโอกาสชะลอตัว และค่าเงินที่ผันผวนโดยล่าสุดได้อ่อนค่าไปแตะ 6.94 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

อย่างที่บอกครับว่าตอนนี้กำลังเข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการ ซึ่งคาดว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ค่อนข้างออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

นอกจากนั้นปัจจัยของเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง จากการบริโภคในประเทศและการลงทุนเอกชน ประกอบกับคาดว่านโยบายลดภาษี จะส่งผลบวกต่อการขยายตัวเศรษฐกิจต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังน่าสนใจอยู่ครับ

สรุปสั้นๆ : กลับมาซื้อต่อได้แล้วครับ

ตลาดหุ้นยุโรป

เศรษฐกิจยุโรปมีการขยายตัวดีอย่างต่อเนื่อง รวมถึง ECB ที่ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ  และรายได้บริษัทของหุ้นขนาดเล็กส่วนใหญ่นั้น ก็มาจากการบริโภคในประเทศ จึงมองว่าหุ้นขนาดเล็ก จะได้รับผลกระทบที่น้อยกว่า หากสหรัฐฯ ขึ้นกำแพงภาษีสินค้าจากยุโรป

สรุปสั้นๆ : สะสมต่อได้ แต่เลือกหุ้นเล็กเป็นหลักนะครับ

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

ราคาหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลงมามากจึงเป็นจังหวะที่น่าสะสมเพิ่ม และปัจจัยบวกจากสัปดาห์ที่แล้ว คือ การที่นายชินโซะ อาเบะ ได้รับเลือกตั้งให้เป็นหัวหน้าพรรครัฐบาลปัจจุบันหรือ LDP ต่อ ทำให้นโยบายเศรษฐกิจมีความต่อเนื่องมากขึ้นอีก ประกอบกับแนวโน้มค่าเงินเยนที่ถูกลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการส่งออกญี่ปุ่นดียิ่งขึ้นได้

สรุป จังหวะดี ซื้อต่อได้ครับ

ตลาดหุ้นเกาหลี

สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นเกาหลีปรับตัวลงค่อนข้างเยอะ ด้วยเหตุผลเดียวกันกับเมื่อสัปดาห์ก่อน ที่ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI Index) ของประเทศจีนและสหรัฐฯ มีการชะลอตัวและต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ รวมถึงความเสี่ยงจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่เริ่มอ่อนแอลง อย่างไรก็ตาม จากราคาที่ขยับตัวลดลงมามาก จึงเป็นจังหวะที่ยังสามารถค่อยๆ ทยอยสะสมได้อยู่ครับ

สรุปสั้นๆ : ค่อยๆ ทยอยสะสมต่อไปได้ครับ

ตลาดหุ้นอินเดีย

มีสองปัจจัยหลักที่สะท้อนให้ตัดสินใจนั่นคือ ด้านคะแนนความนิยมของ ‘นายกรัฐมนตรีโมดี’ ลดลง ในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศอินเดียยังคงขยายตัวได้ดี ซึ่ง สำหรับคนที่สนใจลงทุนในหุ้นอินเดียก็เป็นโอกาสในการสะสมต่อครับ

สรุปสั้นๆ : ยังคงทยอยสะสมได้ครับ

ตลาดหุ้นไทย

ต่ำแล้วมีต่ำกว่าอีก สำหรับสัปดาห์นี้ หุ้นไทยลดต่ำลงไปอีกนิด เขยิบไปอีกหน่อย ซึ่งตรงจุดนี้ใครหลายคนอาจจะเริ่มกังวลไปได้อีกครับ

แต่อย่าเพิ่งตกใจไปครับ ถ้ามองภาพรวมพื้นฐานเศรษฐกิจไทย ผมเชื่อว่ายังมีแนวโน้มขยายตัวดีอยู่ จากปัจจัยสำคัญ คือ การเลือกตั้งที่จะมีในต้นปีหน้า

สรุปสั้นๆ : ใครซื้อได้ ซื้อต่อไปครับ

ตลาดหุ้นจีน

สำหรับสัปดาห์นี้ ผมยังคงแนะนำให้ชะลอลงทุนหุ้นจีน A-Share หลังจากสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนมีแนวโน้มแย่ลงอยู่เช่นเดียวกับสัปดาห์ก่อน ซึ่งกดดันให้การเติบโตของจีนชะลอลงไปด้วย

ผมมองว่าสำหรับคนที่สนใจลงทุนในหุ้นจีนนั้น ควรอยู่เฉยๆก่อนในตอนนี้ แต่สำหรับหุ้นจีน H-Share ทยอยสะสมได้เรื่อยๆครับ

สรุปสั้นๆ : ชะลอ A-SHARE ไปอีกสักระยะนะครับ

แนะนำการลงทุนประจำสัปดาห์

ตลาดตราสารทุน : ซื้อหุ้นสหรัฐฯ, หุ้นญี่ปุ่น, หุ้นไทย, ทยอยสะสมหุ้นยุโรป, หุ้นเกาหลี และหุ้นจีน H-Share

ตลาดตราสารหนี้ : แนะนำลงทุนตราสารหนี้ High Yield ต่างประเทศ ส่วน

ตราสารหนี้ไทยแนะนำให้ซื้อตราสารหนี้ไทยระยะสั้น

สินทรัพย์ทางเลือก : ทยอยสะสมน้ำมันและทองคำ

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงต่ำ

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นไทย 12%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 44%
  • ตราสารหนี้ไทย 44%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นไทย 16%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 42%
  • ตราสารหนี้ไทย 42%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงกลาง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นต่างประเทศ 24%
  • หุ้นไทย 30%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 20%
  • ตราสารหนี้ไทย 20%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 6%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นต่างประเทศ 26%
  • หุ้นไทย 34%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 17%
  • ตราสารหนี้ไทย 17%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 3%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 3%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงสูง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นต่างประเทศ 40%
  • หุ้นไทย 42%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 5%
  • ตราสารหนี้ไทย 5%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 8%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นต่างประเทศ 42%
  • หุ้นไทย 46%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 2%
  • ตราสารหนี้ไทย 2%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 4%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 4%

“ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน” ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 17 ตุลาคม 2561

ทั้งนี้ เอกสารนี้จัดทำโดย นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดสรรสินทรัพย์และกองทุนต่างประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเผยแพร่ทั่วไป

โดยข้อคิดเห็นและบทความในเอกสารฉบับนี้ เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ผู้ใช้ข้อมูลนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยตนเอง