สวัสดีครับผม!!! อัศวินกองทุนยุค Digital กลับมาแล้วครับ

สัปดาห์นี้บอกเลยว่า ไทยแลนด์ ปู๊นปู๊น กลับมาคืนฟอร์มอีกแล้วครับ ส่วนจีนนั้นขอให้ลืมไปก่อนเลยดีกว่าจ้า

สรุปประเด็นทุกตลาดสำคัญที่น่าสนใจลงทุน พร้อมกับมุมมองแบบนี้ได้ทุกสัปดาห์ ที่นี่ที่เดียวครับ

Focus ประเทศน่าลงทุนประจำสัปดาห์ที่ 17 -21 กันยายน 2561

ซื้อหุ้นไทยให้สุดใจ ตลาดอื่นทยอยสะสมไปได้ ยกเว้นจีน

เหตุผล : จากความแน่นอนของการเลือกตั้งในช่วงต้นปีหน้าของไทย โดยการเมืองที่มีเสถียรภาพขึ้นจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและครัวเรือนในการลงทุนและบริโภคในประเทศมากขึ้น

Focus : ไทย สะสมตลาดอื่นได้ แต่ยกเว้นจีนไว้ก่อน

ความน่าสนใจ : บรรยากาศโดยรวมและสภาวะเศรษฐกิจส่งผลเชิงบวกต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้น

Scan การปรับตัวตลาดหุ้นทั่วโลก

เรายังคงต้องระมัดระวังการลงทุนในตลาดหุ้นจีนเหมือนเดิมครับ หลังการประชุมระหว่างสหรัฐฯ และจีนไม่สามารถมีข้อตกลงด้านการค้าที่ดีได้  ขณะที่จีนเริ่มส่งสัญญาณตอบโต้โดยการยื่นขอองค์การการค้าระหว่างประเทศ (WTO) เพื่อคว่ำบาตรการค้ากับสหรัฐฯ ทำให้ตลาดหุ้นจีนยังไม่น่าลงทุน

ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจที่สุดในตอนนี้ คือ การซื้อหุ้นไทยจากความแน่นอนของการเลือกตั้งในช่วงต้นปีหน้า โดยการเมืองที่มีเสถียรภาพขึ้นจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและครัวเรือนในการลงทุนและบริโภค และส่งผลเชิงบวกต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นครับ

สำหรับสัปดาห์นี้ยังเหมือนกันกับสัปดาห์ก่อนนะครับ เนื่องจากดัชนีที่มีการปรับตัวขึ้นในตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เห็นได้ชัดเจนนะครับว่า สหรัฐฯมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจากการบริโภคในประเทศและการลงทุนเอกชนอยู่ครับ ประกอบกับนโยบายการลดภาษีนั้น จะส่งผลบวกต่อการขยายตัวเศรษฐกิจต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนต่อไปอีกด้วยครับ

นอกจากนั้นยังไม่ต้องห่วงด้วยครับ เพราะตลาดได้คาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยไว้มากแล้วอีกต่างหาก

สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมต่อครับ

อย่างที่เคยบอกไว้หลายรอบ (มาก) ว่าการสะสมหุ้นยุโรปขนาดเล็กนั้นจะให้ประโยชน์ในระยะยาว จากเหตุผลที่เคยบอกไปแล้วครับว่า ถ้ามีปัญหาจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าแน่ๆ แม้ว่าสหรัฐฯ ขึ้นกำแพงภาษีสินค้าจากยุโรป ซึ่งกลุ่มนี้ถือว่ามีความแข็งแกร่งในตัวเองสูงครับ

ประกอบกับ ECB ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจในประเทศ ตอนนี้ผมคิดว่ายุโรปยังไปต่อได้ครับ สะสมไปเรื่อยๆ เมื่อยก็พักครับ

หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมถึงมีเหตุผลเดิมแบบนี้มาเกือบปีแล้ว ผมก็คงต้องบอกว่าก็มันคือความจริงในมุมมองนี้ครับ และถ้าไม่มีอะไรมากระทบมุมมองเดิม หุ้นเล็กของตลาดนี้ก็ยังคงน่าสนใจเหมือนเดิมครับ

สรุปสั้นๆ : สะสมต่อไป แต่ขอให้โฟกัสที่หุ้นเล็กเป็นหลักเหมือนเดิม

ยังไปต่อได้ครับ สัปดาห์นี้ผมยังแนะนำให้ สะสมกันต่อไปสำหรับหุ้นญี่ปุ่นครับ เพราะยังอยู่กันที่มุมมองเดิมที่ว่าผลประกอบการบริษัทที่ขยายตัวแข็งแกร่ง และจากแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการบริษัทส่งออกญี่ปุ่นให้เติบโตมากขึ้นครับ

สรุปสั้นๆ : สะสมต่อไปครับ

ยังเหมือนเดิมครับ สะสมต่อได้ เนื่องจากผลของการประมาณการใช้จ่ายภาครัฐปี 62 เพิ่มขึ้น 10% (เหมือนกับที่ 2 สัปดาห์ก่อนว่าไว้เป๊ะ)

การปรับตัวครั้งนี้เป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดตั้งแต่ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจที่ผ่านมา โดยคาดว่า นโยบายดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนเอกชน ขณะที่ลดผลกระทบของการส่งออกที่มีแนวโน้มชะลอตัวในตอนนี้ครับ

สรุปสั้นๆ : จัดต่อไปอย่าได้ถอยครับ

ยังเหมือนเดิมตามสัปดาห์ก่อนครับ แนวโน้มโดยรวมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง สะสมต่อไปเรื่อยๆได้เลยครับผมสำหรับหุ้นอินเดีย

สรุปสั้นๆ : สะสมต่อไปครับ

หลังจากที่สัปดาห์ก่อนหุ้นไทยบวกแบบสะใจกันไปแล้ว ผมมองว่าตอนนี้คือโอกาสในการซื้อหุ้นไทยจากความแน่นอนของการเลือกตั้งในช่วงต้นปีหน้า โดยการเมืองที่มีเสถียรภาพขึ้นจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและครัวเรือนในการลงทุนและบริโภค และส่งผลเชิงบวกต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นอีกด้วยครับ

ถ้าใครสะสมมาตั้งแต่แรกที่เราว่ากัน รับรองว่าตอนนี้ยิ้มกันหน้าบานเลยล่ะครับ

สรุปสั้นๆ : แบบนี้ต้องซื้อแล้วล่ะครับ

ยังคงเหมือนเดิมในสัปดาห์นี้ครับผม ขอแนะนำให้ชะลอการลงทุนหุ้นจีนจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงมากกว่าคาด และผลประกอบการหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ค่อนข้างน่าผิดหวัง ประกอบกับประเด็นสงครามการค้าสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ ซึ่งยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นจีนอยู่ แบบนี้เราคงต้องรอดูกันต่อไปครับ

สรุปสั้นๆ : หยุดเลยก็ดีครับ ดูท่าทีดีกว่า

แนะนำการลงทุนประจำสัปดาห์

ตลาดตราสารทุน :  ทยอยสะสมหุ้นสหรัฐฯ, หุ้นยุโรป, หุ้นญี่ปุ่น, หุ้นไทย, หุ้นจีน H-Share และ หุ้นอินเดีย

ตลาดตราสารหนี้ : แนะนำลงทุนตราสารหนี้ High Yield สหรัฐฯ ส่วนตราสารหนี้ไทยแนะนำให้ซื้อตราสารหนี้ไทยระยะสั้น

สินทรัพย์ทางเลือก : ทยอยสะสมน้ำมันและทองคำ

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงต่ำ

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นไทย 12%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 44%
  • ตราสารหนี้ไทย 44%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นไทย 14%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 42%
  • ตราสารหนี้ไทย 42%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงกลาง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นต่างประเทศ 24%
  • หุ้นไทย 30%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 20%
  • ตราสารหนี้ไทย 20%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 6%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นต่างประเทศ 26%
  • หุ้นไทย 34%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 17%
  • ตราสารหนี้ไทย 17%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 3%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 3%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงสูง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นต่างประเทศ 40%
  • หุ้นไทย 42%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 5%
  • ตราสารหนี้ไทย 5%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 8%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นต่างประเทศ 42%
  • หุ้นไทย 46%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 2%
  • ตราสารหนี้ไทย 2%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 4%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 4%

“ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน” ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 13 กันยายน 2561

ทั้งนี้ เอกสารนี้จัดทำโดย นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดสรรสินทรัพย์และกองทุนต่างประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเผยแพร่ทั่วไป

โดยข้อคิดเห็นและบทความในเอกสารฉบับนี้ เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ผู้ใช้ข้อมูลนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยตนเอง