สวัสดีครับผม!!! อัศวินกองทุนยุค Digital กลับมาแล้วครับ

สัปดาห์นี้มีหลายตลาดที่น่าสนใจ บางตลาดก็กลับมาน่าสะสมได้แบบไม่คาดคิดกันเลยล่ะครับผม

สรุปประเด็นทุกตลาดสำคัญที่น่าสนใจลงทุน พร้อมกับมุมมองแบบนี้ได้ทุกสัปดาห์ ที่นี่ที่เดียวครับ

Focus ประเทศน่าลงทุนประจำสัปดาห์ที่ 3-7 กันยายน 2561

ทยอยสะสมหุ้นสหรัฐฯ หุ้นยุโรป หุ้นญี่ปุ่น หุ้นไทย หุ้นเกาหลี H-SHARE และหุ้นอินเดีย

เหตุผล : เน้นตลาดประเทศพัฒนายังน่าสนใจอยู่ กับตลาดที่มีการบริโภคในประเทศที่แข็งแกร่ง หรือมีโอกาสใหม่ๆ 

Focus : ทุกตลาดตามที่ว่า มาแต่ใช้กลยุทธ์ทยอยสะสม

ความน่าสนใจ : สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ทำให้ต้องเลือกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบน้อยและมีโอกาสเติบโต รวมถึงประเทศกลุ่มที่มีโอกาสเพิ่มการบริโภคในประเทสเป็นหลัก

Scan การปรับตัวตลาดหุ้นทั่วโลก

สัปดาห์นี้ผมแนะนำให้ระมัดระวังการลงทุนในตลาดหุ้นจีน หลังการพบปะระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และจีนไม่สามารถมีข้อตกลงด้านการค้าที่ดีได้

ส่วนทางทรัมป์เองเริ่มโจมตีจีนเรื่องการจงใจให้ค่าเงินหยวนอ่อนเพื่อหนุนการส่งออก ซึ่งอาจนำไปสู่การขึ้นกำแพงภาษีรอบใหม่อีกทีหนึ่งครับ

ช่วงนี้ควรเน้นลงทุนในตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้วจากเศรษฐกิจที่เน้นการบริโภคในประเทศ ทำให้ได้รับผลกระทบน้อยกว่าจากแนวโน้มการค้าโลกชะลอตัวในตอนนี้ครับ

จากดัชนีที่มีการปรับตัวขึ้นในตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เห็นได้ชัดเจนนะครับว่า สหรัฐฯมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจากการบริโภคในประเทศและการลงทุนเอกชนอยู่ครับ  ประกอบกับนโยบายการลดภาษีนั้น จะส่งผลบวกต่อการขยายตัวเศรษฐกิจต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนต่อไปอีกด้วยครับ

อย่างที่เคยบอกไปครับว่าเหมือนกับพี่ใหญ่ที่ทะเลาะกับหลายคน แต่ตัวเองพื้นฐานแน่นอยู่ ดังนั้นทยอยสะสมไปได้ครับ

สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมต่ออีกสัปดาห์ครับ

ทางฝั่งยุโรปขอคอนเฟิมเหมือนเดิมนะครับว่า การสะสมหุ้นยุโรปขนาดเล็กนั้นจะให้ประโยชน์ในระยะยาว จากเหตุผลที่เคยบอกไปแล้วครับว่า ถ้ามีปัญหาจะได้รับกระทบน้อยกว่าแน่ๆ แม้ว่าสหรัฐฯ ขึ้นกำแพงภาษีสินค้าจากยุโรป ซึ่งกลุ่มนี้ถือว่ามีความแข็งแกร่งในตัวเองสูงครับ

ประกอบกับ ECB ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจในประเทศ ดังนั้นยุโรปยังน่าสนใจอยู่ครับผม

สรุปสั้นๆ : สะสมต่อไป แต่ขอให้โฟกัสที่หุ้นเล็กเป็นหลักเหมือนเดิม

สัปดาห์นี้เหมือนสัปดาห์ที่แล้วเลยครับผม หุ้นญี่ปุ่นผมมองว่ายังสะสมต่อได้ครับผม จากมุมมองที่ว่าผลประกอบการบริษัทที่ขยายตัวแข็งแกร่ง และจากแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการบริษัทส่งออกญี่ปุ่นให้เติบโตมากขึ้นครับ

สรุปสั้นๆ : สะสมต่อไปครับ

เกมส์พลิกอีกแล้วครับสำหรับหุ้นเกาหลี!! หลังจากรัฐบาลเสนอร่างงบประมาณการใช้จ่ายภาครัฐปี 62 เพิ่มขึ้น 10% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดตั้งแต่ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจทีผ่านมา โดยคาดว่านโยบายดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนเอกชน ขณะที่ลดผลกระทบของการส่งออกที่มีแนวโน้มชะลอตัวอีกด้วยครับ

แม้ว่าช่วงก่อนหน้าจะเป็นวิกฤต แต่ตอนนี้โอกาสกลับมาอีกครั้งให้เราไปต่อแล้วครับ สู้ๆจ้า

สรุปสั้นๆ : แฟนพันธ์ุแท้โอปป้าถึงเวลาแล้วครับ

หุ้นอินเดียในสัปดาห์นี้ยังน่าสนใจด้วยเหตุผลเดิมครับ การลดอัตราการเก็บภาษี Goods and Services Tax สำหรับสินค้ากว่า 50 รายการ เพื่อเพิ่มคะแนนนิยมให้กับพรรครัฐบาลเพื่อการเลือกตั้งในปีหน้ามาสักระยะ ทำให้หุ้นอินเดียตอนนี้น่าสนใจอยู่ครับ เพราะที่ไหนมีการลดภาษี ที่นั่นย่อมมีการบริโภคเพิ่มขึ้น และส่งผลต่อตัวเลขที่ดีขึ้นผลประกอบการแน่นอนครับผม

สรุปสั้นๆ : สะสมต่อไปครับ

ยังคงทยอยสะสมได้เรื่อยๆ ครับ สำหรับหุ้นไทย จากภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศมีสัญญาณดีขึ้นจากทั้งการบริโภคครัวเรือน และการลงทุนเอกชน จะช่วยให้รายได้บริษัทจดทะเบียนในภาพรวมยังคงขยายตัวได้ดีขึ้นครับ

อย่างที่บอกไปตลอดครับ แม้ว่าตลาดหุ้นไทยจะผันผวน แต่ยังอยากชวนให้สะสมต่อครับ เพราะเชื่อว่าระยะยาวนั้นมันมีอะไรดีๆ รออยู่แน่นอนครับ จากเงินลงทุนของ LTF ที่กำลังจะไหลเข้ามา เราน่าจะได้เห็นอะไรดีๆ ช่วงปลายปีครับ

สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมกันต่อไปจ้า

สำหรับสัปดาห์นี้ยังคงเฝ้าระวังอยู่เหมือนเดิมครับ เนื่องจากผมมองว่าสถานการณ์ประเด็นสงครามการค้าสหรัฐฯ  ที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ ซึ่งยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นจีนอยู่เรื่อยๆ  ประกอบกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงมากกว่าคาด และผลประกอบการหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ค่อนข้างน่าผิดหวัง ดังนั้นควรจะหยุดดูท่าทีไปก่อนครับโดยเฉพาะส่วนของ A-SHARE แต่ถ้าใครเป็นแฟน H-SHARE ก็ยังพอสะสมได้ครับ

สรุปสั้นๆ : ขอหยุดก่อนนะครับสำหรับ A-SHARE

แนะนำการลงทุนประจำสัปดาห์

ตลาดตราสารทุน :  ทยอยสะสมหุ้นสหรัฐฯ หุ้นยุโรป หุ้นญี่ปุ่น หุ้นไทย และหุ้นอินเดีย และ จีน H-Share

ตลาดตราสารหนี้ : แนะนำลงทุนตราสารหนี้ High Yield สหรัฐฯ ส่วนตราสารหนี้ไทยแนะนำให้ซื้อตราสารหนี้ไทยระยะสั้น

สินทรัพย์ทางเลือก : ชะลอการลงทุนในทองคำ แต่ทยอยสะสมน้ำมัน

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงต่ำ

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นไทย 12%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 44%
  • ตราสารหนี้ไทย 44%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นไทย 12%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 44%
  • ตราสารหนี้ไทย 44%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงกลาง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นต่างประเทศ 24%
  • หุ้นไทย 30%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 20%
  • ตราสารหนี้ไทย 20%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 6%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นต่างประเทศ 25%
  • หุ้นไทย 30%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 20%
  • ตราสารหนี้ไทย 20%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 2%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 3%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงสูง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นต่างประเทศ 40%
  • หุ้นไทย 42%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 5%
  • ตราสารหนี้ไทย 5%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 8%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นต่างประเทศ 40ฃ2%
  • หุ้นไทย 42%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 5%
  • ตราสารหนี้ไทย 8%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 1ฃ2%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 4%

“ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน” ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 30 สิงหาคม 2561

ทั้งนี้ เอกสารนี้จัดทำโดย นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดสรรสินทรัพย์และกองทุนต่างประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเผยแพร่ทั่วไป

โดยข้อคิดเห็นและบทความในเอกสารฉบับนี้ เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ผู้ใช้ข้อมูลนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยตนเอง