บผม!!! อัศวินกองทุนยุค Digital กลับมาแล้วครับ
สัปดาห์นี้เรามาที่แนวใหม่กันหน่อยครับผม เพราะว่าตลาดโดยรวมนั้นมีความน่าสนใจอยู่ มีเพียงไม่กี่ตลาดเท่านั้นที่มีปัญหา เดี๋ยวเรามาดูรายละเอียดกันต่อครับผม
สรุปประเด็นทุกตลาดสำคัญที่น่าสนใจลงทุน พร้อมกับมุมมองแบบนี้ได้ทุกสัปดาห์ ที่นี่ที่เดียวครับ
Focus ประเทศน่าลงทุนประจำสัปดาห์ที่ 20-24 สิงหาคม 2561
ตอนนี้ภาพรวมของตลาดโดยรวมค่อนข้างน่าสนใจ โดยเฉพาะตลาดที่เราให้ความสนใจและวิเคราะห์กันอย่างต่อเนื่องมาตลอดกับอัศวินกองทุนครับ เพราะว่า Valuation และดัชนีความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจ
เหตุผล : ตลาดโลกโดยรวมมีโอกาสเติบโต และมีมูลค่าที่น่าสนใจในตอนนี้
Focus : ทุกตลาดแต่ใช้กลยุทธ์ทยอยสะสม
ความน่าสนใจ : วิกฤตชั่วคราวของตลาดตุรกี และสหรัฐฯ
Scan การปรับตัวตลาดหุ้นทั่วโลก
ความตึงเครียดระหว่างตุรกีและสหรัฐฯ กดดันตลาดหุ้นทั่วโลกตลอดทั้งสัปดาห์ หลังจากทรัมป์ทวีตว่าจะขึ้นกำแพงภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมเป็น 2 เท่า ทำให้รัฐบาลตุรกีซึ่งกู้ยืมเงินจากต่างประเทศเป็นจำนวนมากมีโอกาสผิดนัดชำระหนี้ ทำให้ตลาดเกิดความกังวลถึงผลกระทบลูกโซ่ (contagion) ต่อตลาดเกิดใหม่อื่นๆ
ตอนนี้ผมแนะนำให้ระมัดระวังการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ที่กู้ยืมเงินจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก เช่น ตุรกี อาร์เจนติน่า แอฟริกาใต้ เม็กซิโก และบราซิล แต่เน้นลงทุนในตลาดประเทศพัฒนาแล้วที่ปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งโดยใช้กลยุทธ์ทยอยสะสมครับ
แม้ว่าจะมีเหตุการณ์เข้ามามีผลกระทบมากมาย (หรือทำตัวเองก็ไม่รู้) แต่เราต้องยอมรับครับว่าสหรัฐฯมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจากการบริโภคในประเทศและการลงทุนเอกชนอยู่ครับ ประกอบกับนโยบายการลดภาษีนั้น จะส่งผลบวกต่อการขยายตัวเศรษฐกิจต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนต่อไปอีกด้วยครับ
สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมต่อครับ
สถาการณ์ในตอนนี้ ยังแนะนำให้สะสมหุ้นยุโรปขนาดเล็กเหมือนเดิมนะครับ เนื่องจากผลกระทบน้อยกว่าหากสหรัฐฯ ขึ้นกำแพงภาษีสินค้าจากยุโรป ซึ่งกลุ่มนี้ถือว่ามีความแข็งแกร่งในตัวเองสูงครับ ส่วนหุ้นใหญ่ยังมองว่ามีผลกระทบค่อนข้างมาก ดังนั้นโฟกัสหุ้นเล็กเป็นหลักครับ
ประกอบกับ ECB ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจในประเทศ ดังนั้นยุโรปยังน่าสนใจอยู่ครับผม
สรุปสั้นๆ : สะสมได้ครับ แต่ขอให้โฟกัสที่หุ้นเล็กเป็นหลักจ้า
ตอนนี้กลับมาทยอยสะสมหุ้นญี่ปุ่นได้แล้วครับ เนื่องจากผลประกอบการบริษัทที่ขยายตัวแข็งแกร่ง และจากแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการบริษัทส่งออกญี่ปุ่นให้เติบโตมากขึ้นครับ
สรุป : กลับมาแล้วครับ สะสมญี่ปุ่นต่อได้เลยจ้า
ยังยืนยันว่าน่าสนใจอยู่ครับ เนื่องจากดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และยุโรป ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อธุรกิจการส่งออกของเกาหลีให้ดีขึ้น บวกกับมูลค่าที่น่าสนใจ ทำให้ยังน่าสะสมต่อไปครับ
ช่วงที่ผ่านมา ราคาของหุ้นเกาหลีลงมาเร็วทำให้ valuation กลับมาน่าสนใจอีกครั้งหนึ่งด้วยครับ ดังนั้นเป็นจุดกลับตัวที่ดีสำหรับคนที่อยากสะสมครับผม
สรุปสั้นๆ : ค่อยๆ สะสมไปครับ
ยังน่าสนใจด้วยเหตุผลเดิมครับ เนื่องจากรัฐบาลประกาศลดอัตราการเก็บภาษี Goods and Services Tax สำหรับสินค้ากว่า 50 รายการ เพื่อเพิ่มคะแนนนิยมให้กับพรรครัฐบาลเพื่อการเลือกตั้งในปีหน้ามาสักระยะ ทำให้หุ้นอินเดียตอนนี้น่าสนใจอยู่ครับ เพราะที่ไหนมีภาษีลด ที่นั่นย่อมมีการบริโภคเพิ่มขึ้น และส่งผลต่อตัวเลขที่ดีขึ้นผลประกอบการแน่นอนครับผม
สรุปสั้นๆ : สะสมต่อไปครับ
เป็นอีกกลุ่มที่ลุ้นกันอยู่ครับ เพราะว่าวิ่งขึ้นลงจนใจสั่นกันเหมือนเดิมครับ แม้ว่าเศรษฐกิจในประเทศมีสัญญาณดีขึ้นจากทั้งการบริโภคครัวเรือน และการลงทุนเอกชน จะช่วยให้รายได้บริษัทจดทะเบียนในภาพรวมยังคงขยายตัวได้ดีขึ้นครับ
ถ้ามองอีกด้านหนึ่งในช่วงนี้กำลังเข้าสู่ช่วงปลายปี เป็นจังหวะเวลาที่คนสนใจจะวางแผนภาษี เริ่มซื้อเพื่อสิทธิ์ลดหย่อนต่างๆ ดังนั้นอาจจเป็นช่วงที่เงินไหลเข้าจาก LTF อีกทางหนึ่งครับ
แม้ว่าจะผันผวน แต่ยังอยากชวนให้สะสมต่อครับ เพราะระยะยาวนั้นมันมีอะไรดีๆรออยู่แน่นอนครับ
สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมกันต่อไปจ้า
ยังเป็นมุมมองเดิมกับสัปดาห์ก่อนครับ ตอนนี้ผมมองว่าตอนนี้มูลค่าของตลาดจีนทั้งA-SHARE และ H-SHARE ก็ยังน่าสนใจครับ สำหรับคนที่มองภาพรวมระยะยาวก็สามารถสะสมได้ครับ แต่ต้องระวังเรื่องของการผันผวนที่เกิดขึ้นครับ ดังนั้นใครที่สะสมก็ทยอยสะสมกันยาวๆไปนะครับ
สรุปสั้นๆ : สะสมได้ครับ
แนะนำการลงทุนประจำสัปดาห์
ตลาดตราสารทุน : ทยอยสะสมหุ้นสหรัฐฯ หุ้นยุโรป หุ้นญี่ปุ่น หุ้นไทย หุ้นจีน หุ้นเกาหลี และหุ้นอินเดีย
ตลาดตราสารหนี้ : แนะนำลงทุนตราสารหนี้ High Yield สหรัฐฯ ส่วน
ตราสารหนี้ไทยแนะนำให้ซื้อตราสารหนี้ไทยระยะสั้น
สินทรัพย์ทางเลือก : ชะลอการลงทุนในทองคำ แต่ทยอยสะสมน้ำมัน
สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงต่ำ
พอร์ตการลงทุนระยะยาว
- หุ้นไทย 12%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 44%
- ตราสารหนี้ไทย 44%
พอร์ตการลงทุนระยะสั้น
- หุ้นไทย 12%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 44%
- ตราสารหนี้ไทย 44%
สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงกลาง
พอร์ตการลงทุนระยะยาว
- หุ้นต่างประเทศ 24%
- หุ้นไทย 30%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 20%
- ตราสารหนี้ไทย 20%
- สินค้าโภคภัณฑ์ 6%
พอร์ตการลงทุนระยะสั้น
- หุ้นต่างประเทศ 26%
- หุ้นไทย 30%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 19%
- ตราสารหนี้ไทย 20%
- สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 2%
- สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 3%
สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงสูง
พอร์ตการลงทุนระยะยาว
- หุ้นต่างประเทศ 40%
- หุ้นไทย 42%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 5%
- ตราสารหนี้ไทย 5%
- สินค้าโภคภัณฑ์ 8%
พอร์ตการลงทุนระยะสั้น
- หุ้นต่างประเทศ 42%
- หุ้นไทย 42%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 5%
- ตราสารหนี้ไทย 5%
- สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 2%
- สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 4%
“ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน” ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 16 สิงหาคม 2561
ทั้งนี้ เอกสารนี้จัดทำโดย นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดสรรสินทรัพย์และกองทุนต่างประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเผยแพร่ทั่วไป
โดยข้อคิดเห็นและบทความในเอกสารฉบับนี้ เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ผู้ใช้ข้อมูลนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยตนเอง