สวัสดีครับผม!!! อัศวินกองทุน ยุค Digital กลับมาแล้วครับ

สัปดาห์นี้เรายังอยู่กันที่หุ้นไทยเหมือนเดิม ตัวเลขเศรษฐกิจแข็งแกร่ง  Fund Flow เริ่มกลับมา ส่วนตลาดต่างประเทศตลาดไหนน่าสนใจบ้าง อ่านได้เหมือนเคยครับ

สรุปประเด็นทุกตลาดสำคัญทั้งหมด ครบถ้วนจัดเต็มแน่นอนเหมือนเช่นเคย พบกันแบบนี้ทุกสัปดาห์ กดติดตามกันด้วยนะครับผม

Focus ประเทศน่าลงทุนประจำสัปดาห์ที่ 6-10 สิงหาคม 2561

เอาสิครับ สัปดาห์ที่ 3 แล้วที่ผมยังบอกให้ “ซื้อหุ้นไทย” จาก Valuation นั้นน่าสนใจในขณะนี้ เพราะแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศขยายตัวอย่างต่อเนื่องอยู่ ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดี และที่สำคัญ Fund Flow จากต่างชาติเริ่มเข้ามาแล้วครับผม

ส่วนตลาดอื่นที่สะสมได้ในสัปดาห์นี้ คือ สหรัฐฯ ยุโรป จีน เกาหลีและอินเดีย เหมือนเดิมตามสัปดาห์ก่อนเลยครับ เพราะตอนนี้ภาพรวมทั้งหมดดูน่าสนใจกันทุกที่เลยครับ

  • เหตุผล : ตัวเลขเศรษฐกิจที่ดี กับ Fund Flow ที่เริ่มมา
  • Focus : ไทย ส่วนที่เหลือสะสมไปเรื่อยๆ ครับผม
  • ความน่าสนใจ : ตลาดแข็งแกร่งขึ้นจากตัวเลขเศรษฐกิจ

Scan การปรับตัวตลาดหุ้นทั่วโลก

  • สถานการณ์ในตอนนี้ ผมมองว่าหุ้นไทยยังน่าสนใจอยู่เหมือนเดิมครับเนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศขยายตัวแข็งแกร่งต่อเนื่อง ประกอบกับเงินลงทุนที่ไหลกลับมาในตลาดบ้านเรา จึงคาดว่าผลประกอบการจะยังขยายตัวได้ดีอยู่ครับผม และการกลับมาในครั้งนี้ทำให้ความเชื่อมั่นของใครหลายคนเพิ่มขึ้นครับ  
  • ส่วนตลาดต่างประเทศนั้นต้องบอกว่าตอนนี้ดูน่าสนใจในหลายๆ ตลาดเลยครับผม คลิกแต่ละภาพเพื่อลองดูต่อแต่ละตลาดได้เลยครับ

Insight ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

เหมือนเดิมครับ เพิ่มเติมคือความเชื่อมั่นครับ เนื่องจาก สหรัฐฯ นั้นถือว่าเป็นจุดแข็งที่สุดตอนนี้ครับ เนื่องจากยังมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง จากการบริโภคในประเทศและการลงทุนเอกชนอยู่ครับ

แถมอย่างที่บอกไปในสัปดาห์ก่อนว่านโยบายการลดภาษีนั้น จะส่งผลบวกต่อการขยายตัวเศรษฐกิจต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนต่อไปอีกด้วยครับ

นอกจากนั้นตลาดยังคาดการณ์กับการขึ้นดอกเบี้ยไว้บ้างแล้ว แบบนี้แข็งแกร่งและไม่ถูกทำลายง่ายๆ แน่นอนครับ

สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมต่อครับ

Insight ตลาดหุ้นยุโรป

หุ้นยุโรปขนาดเล็กยังไปได้ต่อครับ เนื่องจากรายได้บริษัทส่วนใหญ่มาจากการบริโภคในประเทศ นั่นแปลว่าหุ้นขนาดเล็กจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าหากสหรัฐฯ ขึ้นกำแพงภาษีสินค้าจากยุโรป ซึ่งกลุ่มนี้ถือว่ามีความแข็งแกร่งในตัวเองสูงครับ

ถ้านึกถึงยุโรปช่วงนี้ คงต้องให้น้ำหนักไปที่หุ้นเล็กจริงๆ ครับผม

สรุปสั้นๆ : สะสมได้ครับ แต่ขอให้โฟกัสที่หุ้นเล็กเป็นหลักเหมือนเดิม

Insight ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

ตอนนี้ญี่ปุ่นน่าจะเป็นตลาดเดียวที่แนะนำให้ชะลอการลงทุนครับ เนื่องจากผลกระทบจากการที่จะโดนตั้งกำแพงภาษีค่อนข้างมาก ทำให้เกิดการกระทบต่อมูลค่าการส่งออก ดังนั้นตอนนี้อยู่นิ่งๆ ไปก่อนดีกว่าครับ

สรุปตอนนี้ : พักเบรกต่ออีกสัปดาห์นะครับ

Insight ตลาดหุ้นอินเดีย

สะสมต่อไปได้ครับ จากสาเหตุที่ทางรัฐบาลประกาศลดอัตราการเก็บภาษี Goods and Services Tax สำหรับสินค้ากว่า 50 รายการ เพื่อเพิ่มคะแนนนิยมให้กับพรรครัฐบาลเพื่อการเลือกตั้งในปีหน้า ฮ่าๆ คุ้นไหมครับว่าเหมือนกับที่ไหน

สะสมได้ต่อไปครับ เพราะที่ไหนมีภาษีลด ที่นั่นย่อมมีการบริโภคเพิ่มขึ้น และส่งผลต่อตัวเลขที่ดีขึ้นผลประกอบการครับผม

สรุปสั้นๆ : สะสมต่อไปครับ

Insight ตลาดหุ้นเกาหลี

จากดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และยุโรป ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อธุรกิจการส่งออกของเกาหลีให้ดีขึ้น บวกกับมูลค่าที่น่าสนใจ ทำให้ยังน่าสะสมต่อไปครับ

สรุปสั้นๆ : ค่อยๆสะสมไปครับ

Insight ตลาดหุ้นไทย

หุ้นไทยมาถึงวันนี้อีกครั้ง วันที่ยังอยู่ที่ 1,700 ต่อไป ไม่น่าจะลงมาง่ายๆ แล้วล่ะครับ ฮ่าๆ

ยังอยู่ปัจจัยเดิมนะครับว่าเศรษฐกิจในประเทศมีสัญญาณดีขึ้นจากทั้งการบริโภคครัวเรือน และการลงทุนเอกชน จะช่วยให้รายได้บริษัทจดทะเบียนในภาพรวมยังคงขยายตัวได้ดีขึ้นครับ ประกอบกับตัวเลขในไตรมาส 2 ที่น่าจะดี และเงินทุนจากต่างชาติที่กำลังกลับมา ทำให้หุ้นไทยตอนนี้น่าสนใจมากครับ

สรุปสั้นๆ : ซื้อต่อจ้า

Insight ตลาดหุ้นจีน

ผมมองว่าตอนนี้มูลค่าของตลาดจีนทั้ง A-SHARE และ H-SHARE ก็ยังน่าสนใจครับ สำหรับคนที่มองภาพรวมระยะยาวก็สามารถสะสมได้ครับ แต่ต้องระวังเรื่องของการผันผวนที่เกิดขึ้นครับ

สรุปสั้นๆ : สะสมได้ครับ

แนะนำการลงทุนประจำสัปดาห์ จากอัศวินกองทุน

  • ตลาดตราสารทุน : ซื้อหุ้นไทย ทยอยสะสมหุ้นสหรัฐฯ หุ้นยุโรป หุ้นจีน หุ้นเกาหลี หุ้นอินเดีย
  • ตลาดตราสารหนี้ : แนะนำลงทุนตราสารหนี้ High Yield สหรัฐฯ ส่วนตราสารหนี้ไทยแนะนำให้ซื้อตราสารหนี้ไทยช่วงอายุ 1-3 ปี
  • สินทรัพย์ทางเลือก : ชะลอการลงทุนในทองคำ แต่ทยอยสะสมน้ำมัน

เรามาดูสัดส่วนการลงทุนที่แนะนำประจำสัปดาห์กันบ้างครับ

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงต่ำ

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นไทย 12%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 44%
  • ตราสารหนี้ไทย 44%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นไทย 14%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 42%
  • ตราสารหนี้ไทย 44%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงกลาง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นต่างประเทศ 24%
  • หุ้นไทย 30%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 20%
  • ตราสารหนี้ไทย 20%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 6%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นต่างประเทศ 26%
  • หุ้นไทย 32%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 18%
  • ตราสารหนี้ไทย 19%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 2%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 3%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงสูง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นต่างประเทศ 40%
  • หุ้นไทย 42%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 5%
  • ตราสารหนี้ไทย 5%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 8%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นต่างประเทศ 42%
  • หุ้นไทย 44%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 4%
  • ตราสารหนี้ไทย 4%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 2%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 4%

หมายเหตุ : “ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน” ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 2 สิงหาคม 2561

ทั้งนี้ เอกสารนี้จัดทำโดย นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดสรรสินทรัพย์และกองทุนต่างประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเผยแพร่ทั่วไป โดยข้อคิดเห็นและบทความในเอกสารฉบับนี้ เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ผู้ใช้ข้อมูลนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยตนเอง