สวัสดีครับผม!!! อัศวินกองทุน ยุค Digital กลับมาแล้วครับ

สัปดาห์นี้เรายังอยู่กันที่หุ้นไทยเหมือนเดิม ความสดใสกลับมาแล้วนะจ๊ะ ส่วนตลาดต่างประเทศตลาดไหนน่าสนใจ สรุปให้เหมือนเช่นเคยครับ

สรุปประเด็นทุกตลาดสำคัญทั้งหมด ครบถ้วนจัดเต็มแน่นอนเหมือนเช่นเคย พบกันแบบนี้ทุกสัปดาห์ กดติดตามกันด้วยนะครับผม

Focus ประเทศน่าลงทุนประจำสัปดาห์ที่ 31 กรกฎาคม - 3 สิงหาคม 2561

Focus ประเทศน่าลงทุนประจำสัปดาห์ที่ 23-27กรกฎาคม 2561ตลาดที่น่าจับตาสัปดาห์นี้ ยังเน้นว่า “ซื้อไทย” เพราะน่าสนใจกว่าที่อื่น จากการที่Valuation นั้นน่าสนใจในขณะนี้ เพราะแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศขยายตัวอย่างต่อเนื่องอยู่ครับผม

ส่วนตลาดอื่นที่สะสมได้ในสัปดาห์นี้ คือ สหรัฐฯ ยุโรป จีน เพราะยังมีทิศทางที่น่าสนใจ อยู่ครับ ประกอบกับแนวโน้มที่ดีของกลุ่มนี้ที่ยังมีปัจจัยแข็งแกร่งซ่อนอยู่ ต้องลองค้นดู ถึงจะรู้และเข้าใจ (อะไรเนี่ย มาเป็นเพลงซะงั้น)

  • เหตุผล : Valuation ที่น่าสนใจกับปัจจัยภายในที่เจ๋งอยู่
  • Focus : ไทย ส่วนที่เหลือสะสมไปเรื่อยๆ ครับผม
  • ความน่าสนใจ : โอกาสในการทยอยสะสมหุ้นที่มีมูลค่าต่ำ Valuation ดี

Scan การปรับตัวตลาดหุ้นทั่วโลก

  • สถานการณ์ในตอนนี้ ผมมองว่าหุ้นไทยยังน่าสนใจอยู่ครับ หลังจากที่กลับมาอยู่จุดเดิมได้ (แต่จะยืนได้หรือเปล่า) ประกอบกับเศรษฐกิจในประเทศขยายตัวแข็งแกร่งต่อเนื่อง จึงคาดว่าผลประกอบการจะยังขยายตัวได้ดีอยู่ครับผม และการกลับมาในครั้งนี้ทำให้ความเชื่อมั่นของใครหลายคนเพิ่มขึ้นครับ 
  • ส่วนตลาดอื่นนั้น ให้มองหาประเทศเกิดใหม่เป็นหลัก ส่วนประเทศพัฒนาที่น่าสนใจนั้นยังคงเน้นหนักไปที่สหรัฐครับผม  

Insight ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

เหมือนเดิมครับ เพิ่มเติมคือความเชื่อมั่นครับ เนื่องจาก สหรัฐฯ นั้นถือว่าเป็นจุดแข็งที่สุดตอนนี้ครับ เนื่องจากยังมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง จากการบริโภคในประเทศและการลงทุนเอกชนอยู่ครับ

แถมอย่างที่บอกไปในสัปดาห์ก่อนว่านโยบายการลดภาษีนั้น จะส่งผลบวกต่อการขยายตัวเศรษฐกิจต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนต่อไปอีกด้วยครับ

สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมต่อครับ

Insight ตลาดหุ้นยุโรป

ยังเหมือนเดิมครับ สำหรับหุ้นเล็กของยุโรป ผมเชื่อว่ายังสามารถทยอยสะสมหุ้นยุโรปขนาดเล็กได้ต่อ อย่างที่บอกไปว่ารายได้บริษัทส่วนใหญ่มาจากการบริโภคในประเทศ นั่นแปลว่าหุ้นขนาดเล็กจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าหากสหรัฐฯ ขึ้นกำแพงภาษีสินค้าจากยุโรป ซึ่งกลุ่มนี้ถือว่ามีความแข็งแกร่งในตัวเองสูงครับ

สรุปสั้นๆ : สะสมได้ครับ แต่ขอให้โฟกัสที่หุ้นเล็กเป็นหลักจ้า

Insight ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

แนะนำชะลอการลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นเหมือนสัปดาห์ก่อนครับ เนื่องจากเข้าใกล้มาทุกทีแล้ว กับช่วงปลายเดือน ก.ค. ที่ทางสหรัฐฯ จะมีการทำประชาพิจารณ์เกี่ยวกับการขึ้นกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่น โดยญี่ปุ่นมียอดส่งออกเกินดุลไปสหรัฐฯ เป็นอันดับ 3 ทำให้มีความเป็นไปได้เช่นกันที่ญี่ปุ่นจะโดนตั้งกำแพงภาษีค่อนข้างมากจากผลกระทบของการส่งออก ดังนั้นเราควรรอดูท่าทีต่อไปสักระยะโดยการชะลอการลงทุนก่อนครับ

นอกจากนั้นในสัปดาห์นี้ มีข่าวล่ามาเร็วบอกว่า สหรัฐฯ อาจเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์เพิ่มขึ้น ซึ่งญี่ปุ่นเป็นประเทศที่สัดส่วนการส่งออกรถยนต์สูง ประกอบกับค่าเงินเยนอาจแข็งค่าหลังจากทรัมป์ส่งสัญญาณว่าไม่อยากให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า ซึ่งอาจกระทบต่อผลประกอบการบริษัทผู้ส่งออกอีกต่อหนึ่งครับ

สรุปตอนนี้ : พักเบรกต่ออีกสัปดาห์นะครับ แต่ไม่รู้ว่าจะต้องเบรกยาวหรือเปล่า...

Insight ตลาดหุ้นอินเดีย

พลิกเกมส์อีกแล้วครับ! สำหรับตลาดหุ้นอินเดีย เนื่องจากรัฐบาลประกาศลดอัตราการเก็บภาษี Goods and Services Tax สำหรับสินค้ากว่า 50 รายการ เพื่อเพิ่มคะแนนนิยมให้กับพรรครัฐบาลเพื่อการเลือกตั้งในปีหน้า โดยการลดภาษีเป็นการกระตุ้นการบริโภค ซึ่งส่งผลดีต่อผลประกอบการบริษัท

นโยบายประชานิยมแบบจัดหนักแบบนี้ รับรองว่าหุ้นต้องดีแน่นอนครับ ดังนั้นลมเปลี่ยนทิศมาหาเราแล้ว เราควรกลับมาสะสมต่อเหมือนเดิมจ้า

สรุปสั้นๆ : กลับมาได้แล้วจ้า

Insight ตลาดหุ้นเกาหลี

ห้ามกันมานาน ในที่สุดก็ถึงเวลาเสียที หุ้นเกาหลีกลับมาเป็นโอปป้าที่น่ารักน่าสนใจอีกครั้ง เนื่องจาก Valuation ที่ลดต่ำลงมาอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้เริ่มน่าสนใจแล้วล่ะครับ

นอกจากนั้นยังมีเรื่องของดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และยุโรป ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อธุรกิจการส่งออกของเกาหลีให้ดีขึ้นครับ

สรุปสั้นๆ : กลับมาสะสมได้แล้วนะครับ แต่อย่าจัดหนักเกินไปล่ะ

Insight ตลาดหุ้นไทย

ในที่สุด หุ้นไทยก็ไป 1,700 ได้อีกครั้งหนึ่งครับ! (เย้)

สำหรับคนที่ทยอยสะสมมาสักระยะก็คงได้หายอกหายใจโล่งอกกันแล้วล่ะครับ เพราะว่าน่าจะเห็นตัวเลขกำไรบ้างแล้วล่ะครับ (ใครที่เชื่อผมตอนหุ้นตก ตอนนี้คงยิ้มออกแล้วล่ะครับ ส่วนใครที่ด่าผมไว้ ก็ไม่เป็นไรครับ อิอิ)

ตอนนี้ผมมองว่าเศรษฐกิจในประเทศมีสัญญาณดีขึ้นจากทั้งการบริโภคครัวเรือน และการลงทุนเอกชน จะช่วยให้รายได้บริษัทจดทะเบียนในภาพรวมยังคงขยายตัวได้ดีขึ้นครับ ดังนั้นซื้อต่อไปครับผม และหวังให้ยืนเหนือ 1,700 ได้ในสัปดาห์นี้นะครับ

สรุปสั้นๆ : ซื้อต่อจ้า

Insight ตลาดหุ้นจีน

ยังคงเน้นหนักไปที่หุ้นกลุ่มที่เป็นการบริโภคในประเทศจีน การเติบโตใหม่ๆ ของเทคโนโลยี (New economy) เพราะกลุ่มนี้ผลประกอบการมีแนวโน้มขยายตัวสูง ตามรายได้เฉลี่ยของผู้บริโภคจีนที่เพิ่มขึ้นครับ จึงเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่กำแพงภาษีไม่สามารถทำอะไรได้ครับผม

แต่อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าหลังจากที่ตลาดมีความผันผวนสักพัก ตอนนี้มูลค่าของตลาดจีนทั้ง A-SHARE และ H-SHARE ก็ดูเหมือนจะน่าสนใจเช่นเดียวกัน ดังนั้นกลยุทธ์ยังคงเลือกสะสมเฉพาะกลุ่ม (สำหรับคนที่ไม่กล้าเสี่ยงมาก) หรือ สะสมโดยรวมทั้งตลาดก็น่าสนใจเหมือนกันครับ (แต่อาจจะมีผันผวนหน่อย)

สรุปสั้นๆ : สะสมได้ครับ

แนะนำการลงทุนประจำสัปดาห์ จากอัศวินกองทุน

  • ตลาดตราสารทุน : ซื้อหุ้นไทย ทยอยสะสมหุ้นสหรัฐฯ หุ้นยุโรป หุ้นจีน หุ้นเกาหลี หุ้นอินเดีย
  • ตลาดตราสารหนี้ : แนะนำลงทุนตราสารหนี้ High Yield สหรัฐฯ ส่วนตราสารหนี้ไทยแนะนำให้ซื้อตราสารหนี้ไทยช่วงอายุ 1-3 ปี
  • สินทรัพย์ทางเลือก : ชะลอการลงทุนในทองคำ แต่ทยอยสะสมน้ำมัน

เรามาดูสัดส่วนการลงทุนที่แนะนำประจำสัปดาห์กันบ้างครับ

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงต่ำ

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นไทย 12%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 44%
  • ตราสารหนี้ไทย 44%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นไทย 14%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 42%
  • ตราสารหนี้ไทย 44%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงกลาง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นต่างประเทศ 24%
  • หุ้นไทย 30%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 20%
  • ตราสารหนี้ไทย 20%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 6%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นต่างประเทศ 26%
  • หุ้นไทย 32%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 18%
  • ตราสารหนี้ไทย 19%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 2%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 3%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงสูง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นต่างประเทศ 40%
  • หุ้นไทย 42%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 5%
  • ตราสารหนี้ไทย 5%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 8%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นต่างประเทศ 42%
  • หุ้นไทย 44%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 4%
  • ตราสารหนี้ไทย 4%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 2%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 4%

หมายเหตุ : “ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน” ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 25 กรกฎาคม 2561

ทั้งนี้ เอกสารนี้จัดทำโดย นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดสรรสินทรัพย์และกองทุนต่างประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเผยแพร่ทั่วไป โดยข้อคิดเห็นและบทความในเอกสารฉบับนี้ เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ผู้ใช้ข้อมูลนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยตนเอง