สวัสดีครับผม!!! อัศวินกองทุน ยุค Digital กลับมาแล้วครับ

สัปดาห์นี้เรากลับมาโฟกัสที่หุ้นไทย (อีกแล้วสินะ) ความสดใสกำลังจะกลับมา (จริงๆ) ใช่ไหม? ตลาดต่างประเทศตลาดไหน น่าสนใจ สรุปให้เหมือนเช่นเคยครับ

สรุปประเด็นทุกตลาดสำคัญทั้งหมด ครบถ้วนจัดเต็มแน่นอนเหมือนเช่นเคย พบกันแบบนี้ทุกสัปดาห์ กดติดตามกันด้วยนะครับผม

Focus ประเทศน่าลงทุนประจำสัปดาห์ที่ 23-27 กรกฎาคม 2561

Focus ประเทศน่าลงทุนประจำสัปดาห์ที่ 23-27กรกฎาคม 2561ตลาดที่น่าจับตาสัปดาห์นี้ ยังเน้นว่า “ซื้อไทย” เพราะน่าสนใจกว่าที่อื่น จากการที่Valuation นั้นน่าสนใจในขณะนี้ เพราะแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศขยายตัวอย่างต่อเนื่องอยู่ครับผม

ส่วนตลาดอื่นที่สะสมได้ในสัปดาห์นี้ คือ สหรัฐฯ ยุโรป จีน เพราะยังมีทิศทางที่น่าสนใจ อยู่ครับ ประกอบกับแนวโน้มที่ดีของกลุ่มนี้ที่ยังมีปัจจัยแข็งแกร่งซ่อนอยู่ ต้องลองค้นดู ถึงจะรู้และเข้าใจ (อะไรเนี่ย มาเป็นเพลงซะงั้น)

  • เหตุผล : Valuation ที่น่าสนใจกับปัจจัยภายในที่เจ๋งอยู่
  • Focus : ไทย ส่วนที่เหลือสะสมไปเรื่อยๆ ครับผม
  • ความน่าสนใจ : โอกาสในการทยอยสะสมหุ้นที่มีมูลค่าต่ำ Valuation ดี

Scan การปรับตัวตลาดหุ้นทั่วโลก

  • ผมยังเชื่อว่าตลาดที่น่าสนใจจริงๆ ตอนนี้คือ “หุ้นไทย” ครับ เนื่องจากตลาดปรับตัวลงมามากจากการเทขายของนักลงทุนต่างชาติ ทำให้valuation ของตลาดปรับตัวลงมาอยู่ในจุดที่น่าสนใจ ประกอบกับเศรษฐกิจในประเทศขยายตัวแข็งแกร่งต่อเนื่อง จึงคาดว่าผลประกอบการจะยังขยายตัวได้ดีอยู่ครับผม จะเห็นได้ว่าสัปดาห์ก่อนหน้านี้มีการเด้งตัวจนเราสงสัยเลยว่า "เอ๊ะ นี่หรือว่าจะเป็นการหมดรอบของการปรับฐานใช่ไหม"
  • ส่วนตลาดอื่นนั้นให้มองหาประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่งในตัวเองเป็นหลักครับ อย่างที่เขาว่ากันว่า คนที่แข็งแกร่งกว่าย่อมจะมีโอกาสอยู่รอดปลอดภัย ส่วนประเทศที่มีการส่งออกเยอะ หรือมีปัจจัยภายในต่างๆ ให้หยุดไปก่อนครับ

Insight ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

อย่างที่บอกไปสัปดาห์ก่อนว่า สหรัฐฯ นั้นถือว่าเป็นจุดแข็งที่สุดตอนนี้ครับเนื่องจากยังมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง จากการบริโภคในประเทศและการลงทุนเอกชนอยู่ครับ

นอกจากนั้นนโยบายการลดภาษีนั้น จะส่งผลบวกต่อการขยายตัวเศรษฐกิจต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนต่อไปอีกด้วยครับ

แม้ว่าจะเป็นอย่างไร ก็ขอให้มั่นใจต่อไปครับว่า ยังไปต่อได้ครับผม

สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมต่อครับ

Insight ตลาดหุ้นยุโรป

สัปดาห์นี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงครับ เรายังสามารถทยอยสะสมหุ้นยุโรปขนาดเล็กได้ต่อ อย่างที่บอกไปว่ารายได้บริษัทส่วนใหญ่มาจากการบริโภคในประเทศ นั่นแปลว่าหุ้นขนาดเล็กจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าหากสหรัฐฯ ขึ้นกำแพงภาษีสินค้าจากยุโรป ซึ่งกลุ่มนี้ถือว่ามีความแข็งแกร่งในตัวเองสูงครับ

สรุปสั้นๆ : สะสมได้ครับ แต่ขอให้โฟกัสที่หุ้นเล็กเป็นหลักจ้า

Insight ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

ในสัปดาห์นี้ยังคงแนะนำให้ชะลอการลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นเหมือนสัปดาห์ก่อนครับเนื่องจากเข้าใกล้มาทุกทีแล้ว กับช่วงปลายเดือน ก.ค. ที่ทางสหรัฐฯ จะมีการทำประชาพิจารณ์เกี่ยวกับการขึ้นกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่น โดยญี่ปุ่นมียอดส่งออกเกินดุลไปสหรัฐฯ เป็นอันดับ 3 ทำให้มีความเป็นไปได้เช่นกันที่ญี่ปุ่นจะโดนตั้งกำแพงภาษีค่อนข้างมากจากผลกระทบของการส่งออก ดังนั้นเราควรรอดูท่าทีต่อไปสักระยะโดยการชะลอการลงทุนก่อนครับ

สรุปตอนนี้ : พักเบรกกันต่อไปอีกนะครับกับญี่ปุ่น

Insight ตลาดหุ้นอินเดีย

สัปดาห์นี้ขอให้หยุดสักพักครับ เราควรชะลอลงทุนหุ้นอินเดียไปสักระยะหนึ่งครับหลังจากตัวเลขเงินเฟ้อออกมาเร่งตัวจากราคาน้ำมันและราคาอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้มีความเสี่ยงที่ธนาคารกลางจะขึ้นดอกเบี้ย และตัวเลขขาดดุลทางการค้าของอินเดียปรับตัวเพิ่มขึ้นทำให้ค่าเงินรูปีอินเดียปรับตัวอ่อนค่าต่อเนื่อง

ที่ผ่านมาใครสะสมเรื่อยๆ ตอนนี้ก็หยุดดูท่าทีกันไปก่อนครับ แหม.. หลายสัปดาห์ไม่มีปัจจัยอะไรมากระทบ แต่พอกระทบทีนี้ก็ลุ้นกันเลยครับ แบบนี้หยุดดูกันไปก่อนสักระยะหนึ่งนะครับผม

สรุปสั้นๆ : หยุดก่อนนะครับ

Insight ตลาดหุ้นเกาหลี

ภาษีของสหรัฐฯ ที่มีมาสักระยะนี่แหละครับ หลังจากที่มีการตั้งกำแพงภาษีระหว่าง สหรัฐฯและจีน อาจส่งผลให้การค้าโลกชะลอตัวลง เนื่องจากเศรษฐกิจของเกาหลีพึ่งพาการส่งออกสินค้า ทำให้เกาหลีมีความเสี่ยงที่จะโดนผลกระทบจากสงครามทางการค้าอยู่เหมือนเดิมครับ

สรุปสั้นๆ : รอก่อนจ้า หยุด (ต่อ) ไปยาวๆอีกสักพัก

Insight ตลาดหุ้นไทย

บวกมาอีกนิดส์ครับสำหรับหุ้นไทยในสัปดาห์ก่อน ถ้าสถานการณ์ช่วงนี้ไม่มีอะไรมากระทบ หุ้นไทยน่าจะกลับมาบวกอีกครั้งครับผม (เสียงถอนหายใจโล่งอก) อย่างที่บอกไปตลอดครับว่าเศรษฐกิจในประเทศมีสัญญาณดีขึ้นจากทั้งการบริโภคครัวเรือน และการลงทุนเอกชน จะช่วยให้รายได้บริษัทจดทะเบียนใน ภาพรวมยังคงขยายตัวได้ดีขึ้นครับ ดังนั้นซื้อต่อไปครับผม!

สรุปสั้นๆ : ซื้อต่อจ้า

Insight ตลาดหุ้นจีน

ยังคงเน้นหนักไปที่หุ้นกลุ่มที่เป็นการบริโภคในประเทศจีน การเติบโตใหม่ๆ ของเทคโนโลยี (New economy) เพราะกลุ่มนี้ผลประกอบการมีแนวโน้มขยายตัวสูง ตามรายได้เฉลี่ยของผู้บริโภคจีนที่เพิ่มขึ้นครับ จึงเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่กำแพงภาษีไม่สามารถทำอะไรได้ครับผม

สรุปสั้นๆ : สะสมได้ (เฉพาะกลุ่ม) ครับ

แนะนำการลงทุนประจำสัปดาห์ จากอัศวินกองทุน

  • ตลาดตราสารทุน : ซื้อหุ้นไทย สะสมหุ้นสหรัฐฯ หุ้นยุโรป หุ้นจีน
  • ตลาดตราสารหนี้ : แนะนำลงทุนตราสารหนี้ High Yield สหรัฐฯ ส่วนตราสารหนี้ไทยแนะนำให้ซื้อตราสารหนี้ไทยช่วงอายุ 1-3 ปี
  • สินทรัพย์ทางเลือก : ชะลอการลงทุนในทองคำ แต่ทยอยสะสมน้ำมัน

เรามาดูสัดส่วนการลงทุนที่แนะนำประจำสัปดาห์กันบ้างครับ

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงต่ำ

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นไทย 12%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 44%
  • ตราสารหนี้ไทย 44%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นไทย 14%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 42%
  • ตราสารหนี้ไทย 44%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงกลาง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นต่างประเทศ 24%
  • หุ้นไทย 30%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 20%
  • ตราสารหนี้ไทย 20%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 6%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นต่างประเทศ 24%
  • หุ้นไทย 32%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 18%
  • ตราสารหนี้ไทย 20%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 3%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 3%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงสูง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นต่างประเทศ 40%
  • หุ้นไทย 42%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 5%
  • ตราสารหนี้ไทย 5%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 8%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นต่างประเทศ 40%
  • หุ้นไทย 44%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 4%
  • ตราสารหนี้ไทย 4%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 4%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 4%

หมายเหตุ : “ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน” ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 19 กรกฎาคม 2561

ทั้งนี้ เอกสารนี้จัดทำโดย นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดสรรสินทรัพย์และกองทุนต่างประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเผยแพร่ทั่วไป โดยข้อคิดเห็นและบทความในเอกสารฉบับนี้ เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ผู้ใช้ข้อมูลนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยตนเอง