สวัสดีครับผม!!! อัศวินกองทุน ยุค Digital กลับมาแล้วครับ

สัปดาห์นี้เราได้เห็นการตั้งกำแพงภาษีจากสหรัฐฯ ตามนโยบาย American First ของโดนัลด์ ทรัมป์เรียบร้อยแล้ว หลายคนคงมีคำถามว่าควรทำยังไงดี? ติดตามได้ในบทความนี้ได้เลยครับ!!

สรุปประเด็นทุกตลาดสำคัญทั้งหมด ครบถ้วนจัดเต็มแน่นอน

Focus ประเทศน่าลงทุนประจำสัปดาห์ที่ 9-13 กรกฎาคม 2561

สัปดาห์นี้ขอโฟกัสแบบกระจายความเสี่ยงละกันครับ (เอ๊ะ ยังไง) คือแบบนี้ครับ ผมแนะนำให้ทยอยสะสมทุกตลาดที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐอเมริกา หรือพูดง่ายๆคือหนีห่างให้ไกลกับประเทศที่มีการส่งออกไปสหรัฐสูงนั่นเองครับ

ดังนั้นตลาดที่ออกสัปดาห์นี้ได้แก่ สหรัฐฯ, หุ้นยุโรป, ไทย, H-Share และ อินเดีย ครับบบ

เน้นอีกทีนะครบัว่า เราต้องตอบคำถามให้ได้ว่าเราลงทุนในรูปแบบไหน ถ้าเป็นระยะยาวก็มองภาพให้ไกลครับว่าปัจจัยที่กระทบนี้เป็นระยะสั้น และมีผลต่อการลงทุนของเราหรือเปล่า และกระสุน (เงิน) ของเรานั้นมีจำกัดแค่ไหนในการลงทุน

  • เหตุผล : Valuation กับนโยบายภาษีของสหรัฐ.
  • Focus : สหรัฐฯ, หุ้นยุโรป, ไทย, H-Share และ อินเดีย
  • ความน่าสนใจ : โอกาสในการทยอยสะสมหุ้นที่มีมูลค่าต่ำ Valuation ดี และได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีน้อย

Scan การปรับตัวตลาดหุ้นทั่วโลก

  • สถานการณ์ตอนนี้คือชะลอการลงทุนในประเทศที่สหรัฐฯ มีการค้าขาดดุลด้วยสูง เช่น จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี เพราะประเทศเหล่านี้เป็นเป้าหมายของการตั้งกำแพงภาษีจากสหรัฐฯ ตามนโยบาย American First ของโดนัลด์ ทรัมป์ 
  • สำหรับคนที่สนใจเรื่องนี้ผมแนะนำให้ลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นและเพิ่มการลงทุนในตราสารหนี้ไทยเพื่อลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศต่างๆ ในตอนนี้ครับ

Insight ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

แม้ว่าสถานการณ์เรื่องภาษีจะดูคุกรุ่นอยู่ แต่มุมมองของอัศวินกองทุนนั้น คิดว่า สหรัฐฯ นั้นยังมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง จากการบริโภคในประเทศและการลงทุนเอกชนอยู่ครับ

นอกจากนี้ คาดว่านโยบายการลดภาษีนั้น จะส่งผลบวกต่อการขยายตัวเศรษฐกิจต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนต่อไปอีกด้วยครับ

สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมต่อครับ

Insight ตลาดหุ้นยุโรป

แม้ว่ายุโรปจะเป็นกลุ่มหนึ่งที่มีความเสี่ยงกับการขึ้นกำแพงภาษีสหรัฐฯ แต่อย่างไรก็ดี ผมยังมองว่า เราสามารถทยอยสะสมหุ้นยุโรปขนาดเล็กเนื่องจากรายได้บริษัทส่วนใหญ่มาจากการบริโภคในประเทศ นั่นแปลว่าหุ้นขนาดเล็กจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าหากสหรัฐฯ ขึ้นกำแพงภาษีสินค้าจากยุโรปอย่างที่ว่าจริงๆครับ

สรุปสั้นๆ : สะสมได้ครับ แต่ขอให้โฟกัสที่หุ้นเล็ก

Insight ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

ในสัปดาห์นี้ทีมชาติญี่ปุ่นในฟุตบอลโลกแม้จะทำผลงานได้ดี แต่ก็ตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย

ขณะที่ด้านการลงทุนเองก็แนะนำให้ชะลอการลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นลงเช่นกันครับ เนื่องจากช่วงปลายเดือน ก.ค. สหรัฐฯ จะมีการทำประชาพิจารณ์เกี่ยวกับการขึ้นกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่น โดยญี่ปุ่นมียอดส่งออกเกินดุลไปสหรัฐฯ เป็นอันดับ 3 ทำให้มีความเป็นไปได้เช่นกันที่ญี่ปุ่นจะโดนตั้งกำแพงภาษีค่อนข้างมาก และกระทบต่อผลการดำเนินงานของหุ้นไม่มากก็น้อยครับ เราควรสงบสติดูสถานการณ์ก่อนจะดีกว่าครับ

สรุปตอนนี้ พักเบรกก่อนนะครับกับญี่ปุ่น

Insight ตลาดหุ้นอินเดีย

ยังคล้ายกับสัปดาห์ก่อนครับ ตรงที่สถานการณ์โดยรวมยังเหมือนเดิม มีการผันผวนเป็นปกติ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีปัจจัยอะไรมากระทบครับผม หลังจากช่วงที่ผ่านมาราคาได้มีการปรับฐานจากความกังวลต่อนโยบายการจัดเก็บภาษีจากกำไรการขายหุ้นแล้ว และทางอินเดียเองดูเหมือนว่าจะได้รับผลกระทบน้อยจากการตั้งกำแพงภาษีของสหรัฐฯครับ

ผมเคยเล่าให้ฟังใช่ไหมครับว่า ตอนนี้นักวิเคราะห์ได้มีการปรับประมาณการรายได้ของบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยให้สะสมต่อไปได้เรื่อยๆ อีกทางหนึ่งครับผม

สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมต่อครับ

Insight ตลาดหุ้นเกาหลี

สัปดาห์นี้ยังห้ามสะสมเกาหลีอยู่นะครับ เพราะกระทบแน่นอนจากการตั้งกำแพงภาษีของสหรัฐฯ

หลังจากที่มีการตั้งกำแพงภาษีระหว่างสหรัฐฯ และจีน อาจส่งผลให้การค้าโลกชะลอตัวลง เนื่องจากเศรษฐกิจของเกาหลีพึ่งพาการส่งออกสินค้า ทำให้เกาหลีมีความเสี่ยงที่จะโดนผลกระทบจากสงครามทางการค้าอยู่ครับ

จะเห็นว่าตลาดนี้มีการผันผวนค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา ยังไงระวังกันด้วยนะครับ สำหรับคนที่ชอบเกาหลี ต่อให้โอปป้าจะดูดีแค่ไหนก็ตาม แต่สภาพเศรษฐกิจตอนนี้บอกได้เลยว่าถอยออกมาอยู่ห่างๆก่อนดีกว่าครับ

สรุปสั้นๆ : รอก่อนจ้า หยุด (ต่อ) ไปสักพัก

Insight ตลาดหุ้นไทย

ก็ยังเรียนตรงๆว่า ขอคงมุมมองเดิมที่มีต่อเศรษฐกิจในประเทศที่มีสัญญาณดีขึ้นจากทั้งการบริโภคครัวเรือน และการลงทุนเอกชน จะช่วยให้รายได้บริษัทจดทะเบียนในภาพรวมยังคงขยายตัวได้ดีขึ้นครับ

ย้ำอีกทีว่า "อย่าลืมตรวจสอบมุมมองของตัวเองด้วยนะครับว่า ตอนนี้ตลาดซึมซับข่าวร้ายไว้แล้ว และเราไม่สามารถซื้อในจุดที่ต่ำสุดได้จริงๆ ดังนันการทยอยสะสมจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ต้องนำมาปรับใช้ครับ"

ไม่แปลกที่ตลาดหุ้นในตอนนี้จะมีคนมองว่าเป็นทั้งวิกฤตและโอกาส แต่สุดท้ายมันจะเป็นอะไรนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเรามองว่ามันเป็นการลงทุนระยะสั้นหรือระยะยาวด้วยน่ะครับ

สรุปสั้นๆ : สะสมต่อไป แต่ระวังไว้หน่อยนะครับ

Insight ตลาดหุ้นจีน

สัปดาห์นี้ยังเหมือนเดิมครับ ผมแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นจีนเฉพาะ H-SHARE เท่านั้นครับ  แต่ให้ชะลอลงทุนหุ้นจีน A-Share  หลังจากสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน เริ่มรุนแรงขึ้น ทำให้ในอนาคตเศรษฐกิจจีนมีโอกาสโดนกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้าสหรัฐฯ

สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสม H-Share เท่านั้นนะครับ

แนะนำการลงทุนประจำสัปดาห์ จากอัศวินกองทุน

  • ตลาดตราสารทุน : เน้นสะสมหุ้นสหรัฐฯ, ยุโรป, ไทย, H-Share, อินเดีย ส่วนตลาดอื่นยกเว้นไปก่อนครับ
  • ตลาดตราสารหนี้ : แนะนำลงทุนตราสารหนี้ High Yield สหรัฐฯ ส่วนตราสารหนี้ไทยแนะนำให้ซื้อตราสารหนี้ไทยช่วงอายุ 1-3 ปี
  • สินทรัพย์ทางเลือก : ทยอยสะสมทั้งทองคำ และน้ำมัน

เรามาดูสัดส่วนการลงทุนที่แนะนำประจำสัปดาห์กันบ้างครับ

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงต่ำ

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นไทย 12%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 44%
  • ตราสารหนี้ไทย 44%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นไทย 11%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 40%
  • ตราสารหนี้ไทย 49%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงกลาง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นต่างประเทศ 24%
  • หุ้นไทย 30%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 20%
  • ตราสารหนี้ไทย 20%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 6%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นต่างประเทศ 22%
  • หุ้นไทย 27%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 16%
  • ตราสารหนี้ไทย 31%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 3%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 3%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงสูง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นต่างประเทศ 40%
  • หุ้นไทย 42%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 5%
  • ตราสารหนี้ไทย 5%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 8%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นต่างประเทศ 34%
  • หุ้นไทย 38%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 4%
  • ตราสารหนี้ไทย 16%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 4%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 4%

หมายเหตุ : “ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน” ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 5 กรกฎาคม 2561

ทั้งนี้ เอกสารนี้จัดทำโดย นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดสรรสินทรัพย์และกองทุนต่างประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเผยแพร่ทั่วไป โดยข้อคิดเห็นและบทความในเอกสารฉบับนี้ เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ผู้ใช้ข้อมูลนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยตนเอง