สวัสดีครับผม!!! อัศวินกองทุน ยุค Digital กลับมาแล้วครับ
สำหรับสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นที่น่าสนใจยังเป็น “ซื้อ” หุ้นไทย “สะสม” ต่อไปคือหุ้นจีน เหมือนกันกับสัปดาห์ก่อน และทำไมถึงมีเหตุผลแบบนั้น ลองมาดูกันครับผม
สรุปประเด็นทุกตลาดสำคัญทั้งหมด และติดตามได้ในบทความนี้เลยครับ
Focus ประเทศน่าลงทุนประจำสัปดาห์ที่ 18-22 มิถุนายน 2561
สัปดาห์นี้ผมยังแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นกลุ่มประเทศส่งออกอย่างไทย และสะสมหุ้นจีนเหมือนเช่นเคยครับ
- Focus : ไทย จีน
- ความน่าสนใจ : โอกาสในการส่งออกยังสดใส สะท้อนถึงความต้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น
Scan การปรับตัวตลาดหุ้นทั่วโลก
- สัปดาห์นี้ สถานการณ์ยังคล้ายกับสัปดาห์ก่อนครับ ผมยังแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นประเทศที่มีสัดส่วนการส่งออกในระดับสูง เช่น เกาหลีและไทย จากดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และจีนที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความต้องการนำเข้าสินค้า เป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจประเทศที่เน้นการส่งออก ส่วนประเทศอื่นๆ สามารถทยอยสะสมได้เช่นกันครับ
- ส่วนทางฝั่งตราสารหนี้ แนะนำตราสารหนี้ระยะสั้น High Yield สหรัฐฯ จากเศรษฐกิจในประเทศที่แข็งแกร่ง บวกกับนโยบายลดภาษี จะทำให้โอกาสในการผิดนัดชำระหนี้ของตราสารหนี้ที่ออกโดยภาคเอกชนลดลงครับ
- อย่างไรก็ดี คณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีมติ 8-0 ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25bps เป็น 1.75-2.00% และ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงนโยบายการเงินเดิมตามคาด โดยจะยังคงเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ 3 หมื่นล้านยูโรต่อเดือนไปจนถึงเดือน ก.ย. และคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไป สองฝั่งนี้จะมีผลต่ออย่างไร ต้องติดตามกันต่อไปด้วยนะครับ
Insight ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
สำหรับฝั่งสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่ผมมองว่าสัปดาห์นี้ยังสะสมหุ้นสหรัฐฯได้อยู่ครับ เนื่องจากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง จากการบริโภคในประเทศและการลงทุนเอกชน ที่สำคัญนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจะส่งผลบวกต่อการขยายตัวเศรษฐกิจต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนต่อไปอยู่ครับ
สรุปสั้นๆ : ทะยอยสะสมต่อครับ
Insight ตลาดหุ้นยุโรป
เนื่องจากพรรคการเมืองอิตาลีมีท่าทีประนีประนอมต่อกันมากขึ้นตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ทำให้โอกาสที่จะสามารถตั้งรัฐบาลใหม่มีมากขึ้น และลดความไม่แน่นอนทางการเมืองลง ดังนั้นสถานการณ์โดยรวมเหมือนจะเป็นโอกาสให้เราสะสมต่อได้ครับผม ประกอบกับการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้พอมั่นใจว่าตลาดทุนยังสามารถไปต่อได้อยู่ครับ
สรุปสั้นๆ : กลับมาทยอยสะสมได้ครับ
Insight ตลาดหุ้นญี่ปุ่น
แม้ว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะดูเหมือนผันผวนเล็กน้อย แต่สัปดาห์นี้ผมยังแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นญี่ปุ่นต่อไปครับ เนื่องจากมุมมองเดิมตามสองสัปดาห์ก่อนยังคงอยู่เหมือนกันครับ ทั้งทางธนาคารกลางญี่ปุ่นที่มีแนวโน้มที่จะคงมาตรการ QE ต่อไปเนื่องจากเศรษฐกิจไตรมาสแรกของญี่ปุ่นกลับมาหดตัวลง -0.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่นครับ
คงต้องรอดูกันต่อไปว่าไตรมาสต่อไปจะเป็นอย่างไร แต่สถานการณ์โดยรวมแล้วสามารถไปต่อได้ สะสมต่อไปเรื่อยๆ ได้ครับผม
สรุปตอนนี้ ยังทยอยสะสมต่อไปได้ครับ ลุยครับผม
Insight ตลาดหุ้นอินเดีย
หลังจากในช่วงที่ผ่านมาราคาได้มีการปรับฐานจากความกังวลต่อนโยบายการจัดเก็บภาษีจากกำไรการขายหุ้นแล้ว ตอนนี้นักวิเคราะห์ได้มีการปรับประมาณการรายได้ของบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยให้สะสมต่อไปได้แล้วครับผม
สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมต่อได้เลยครับ
Insight ตลาดหุ้นเกาหลี
ผลจากตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของเดือนที่ผ่านมาของประเทศคู่ค้าหลัก เช่น สหรัฐฯ และจีนมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนภาคการส่งออกเกาหลี โดยตลาดหุ้นเกาหลีมักปรับตัวขึ้นในช่วงที่ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องครับ
สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมต่ออยู่จ้า
Insight ตลาดหุ้นไทย
แม้ว่าหุ้นไทยจะทำให้ใครหลายคนใจสั่นในตอนนี้ แต่มุมมองของผมที่มีต่อเศรษฐกิจในประเทศที่มีสัญญาณดีขึ้นจากทั้งการบริโภคครัวเรือน และการลงทุนเอกชน จะช่วยให้รายได้บริษัทจดทะเบียนในภาพรวมยังคงขยายตัวได้ดีขึ้นครับ
อย่างที่บอกไว้ครับว่า.. ตอนนี้มาถึงจุดที่ตลาดซึมซับข่าวร้ายไว้ส่วนหนึ่งแล้วครับ ดังนั้นเหมือนเป็นโอกาสที่จะแนะนำให้ซื้อ เพราะปัจจัยอื่นๆ ยังเป็นบวกหมดต่อตลาดหุ้นไทยครับ
สรุปสั้นๆ : สดใสขนาดนี้ ผมว่ากดซื้อกันต่อไปครับ
Insight ตลาดหุ้นจีน
แนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นจีน ที่เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นที่เกี่ยวกับการบริโภคจีน ซึ่งผลประกอบการมีแนวโน้มขยายตัวสูง ตามรายได้เฉลี่ยของผู้บริโภคจีนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงกลุ่มที่เป็น New Economy ทีกำลังมาแรงในขณะนี้ครับ
สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมต่อไปได้เลยครับ
แนะนำการลงทุนประจำสัปดาห์ จากอัศวินกองทุน
- ตลาดตราสารทุน : สะสมได้ทุกตลาด ทั้งหุ้นสหรัฐฯ ยุโรป, ไทย, H-Share, A-Share, หุ้นเกาหลี และอินเดีย
- ตลาดตราสารหนี้ : แนะนำลงทุนตราสารหนี้ High Yield สหรัฐฯ ส่วนตราสารหนี้ไทยแนะนำให้ซื้อตราสารหนี้ไทยช่วงอายุ 1-3 ปี
- สินทรัพย์ทางเลือก : ทยอยสะสมทั้งทองคำและน้ำมัน
เรามาดูสัดส่วนการลงทุนที่แนะนำประจำสัปดาห์กันบ้างครับ
สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงต่ำ
พอร์ตการลงทุนระยะยาว
- หุ้นไทย 12%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 44%
- ตราสารหนี้ไทย 44%
พอร์ตการลงทุนระยะสั้น
- หุ้นไทย 15%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 40%
- ตราสารหนี้ไทย 45%
สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงกลาง
พอร์ตการลงทุนระยะยาว
- หุ้นต่างประเทศ 24%
- หุ้นไทย 30%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 20%
- ตราสารหนี้ไทย 20%
- สินค้าโภคภัณฑ์ 6%
พอร์ตการลงทุนระยะสั้น
- หุ้นต่างประเทศ 24%
- หุ้นไทย 32%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 16%
- ตราสารหนี้ไทย 22%
- สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 3%
- สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 3%
สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงสูง
พอร์ตการลงทุนระยะยาว
- หุ้นต่างประเทศ 40%
- หุ้นไทย 42%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 5%
- ตราสารหนี้ไทย 5%
- สินค้าโภคภัณฑ์ 8%
พอร์ตการลงทุนระยะสั้น
- หุ้นต่างประเทศ 40%
- หุ้นไทย 44%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3%
- ตราสารหนี้ไทย 5%
- สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 4%
- สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 4%
หมายเหตุ : “ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน” ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 15 มิถุนายน 2561
ทั้งนี้ เอกสารนี้จัดทำโดย นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดสรรสินทรัพย์และกองทุนต่างประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเผยแพร่ทั่วไป โดยข้อคิดเห็นและบทความในเอกสารฉบับนี้ เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ผู้ใช้ข้อมูลนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยตนเอง
อ่านบทความ อัศวินกองทุน ย้อนหลัง 1 สัปดาห์ : https://aommoney.wpenginepowered.com/stories/อัศวินกองทุน/สรุปภาพรวมการลงทุน-ช่วงวันที่-11-15-มิถุนายน-2561-weekly-outlook-กับอัศวินกองทุน/1925