สวัสดีครับผม!!! อัศวินกองทุน ยุค Digital กลับมาแล้วครับ

สำหรับสัปดาห์นี้ มีตลาดที่น่าสนใจหลายตลาดเหมือนเช่นเคยครับ ความเห็นของผม สะสมได้หมด แต่ขอให้ยกเว้นแค่ยุโรปและอินเดียกันไว้ก่อนครับ!!

สรุปประเด็นทุกตลาดสำคัญทั้งหมด และติดตามได้ในบทความนี้เลยครับ

Focus ประเทศน่าลงทุนประจำสัปดาห์ที่ 4 - 8 มิถุนายน 2561

สัปดาห์นี้ เน้นทยอยสะสมไปเรื่อยๆ เมื่อยก็พัก ถ้าใครอยากเน้น ผมแนะนำกลุ่มประเทศส่งออกอย่างเกาหลี ไทย แต่ห้ามยุโรปกับอินเดียครับ

  • Focus : เกาหลี ไทย แต่สะสมตลาดอื่นๆ ได้เช่นกัน
  • ความน่าสนใจ : ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีนที่ปรับตัวดีขึ้น สะท้อนถึงความต้องการนำเข้าสินค้า เป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจประเทศที่เน้นการส่งออก

Scan การปรับตัวตลาดหุ้นทั่วโลก

  • สัปดาห์นี้ ผมแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นประเทศที่มีสัดส่วนการส่งออกในระดับสูง เช่น เกาหลีและไทย จากดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และจีนที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความต้องการนำเข้าสินค้า เป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจประเทศที่เน้นการส่งออก แต่ที่สำคัญคือชะลอการลงทุนหุ้นยุโรปจากความไม่แน่นอนทางการเมืองอิตาลีนะครับ
  • สำหรับสายสินทรัพย์ทางเลือก แนะนำให้ทยอยสะสมน้ำมันเนื่องจากเดือน พ.ค. ถึง ก.ย. เป็นช่วงฤดูที่ปริมาณสำรองน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง และเป็นช่วงฤดูที่ความต้องการจากโรงกลั่นปรับตัวสูงขึ้น

Insight ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

สำหรับฝั่งสหรัฐฯ สัปดาห์นี้ซื้อหุ้นสหรัฐฯได้ต่อครับ เนื่องจากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง จากการบริโภคในประเทศและการลงทุนเอกชน ที่สำคัญนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจะส่งผลบวกต่อการขยายตัวเศรษฐกิจต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนต่อไปจ้า

สรุปสั้นๆ : สะสมต่อไปครับ

Insight ตลาดหุ้นยุโรป

เอี๊ยดดด เบรกหัวทิ่มกันเลยครับ จากสัปดาห์ก่อนสะสมดีๆ สัปดาห์นี้ขอให้ชะลอการลงทุนในหุ้นยุโรปไว้ก่อนครับ เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองอิตาลี ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นผลให้สภาพคล่องในประเทศอิตาลีมีแนวโน้มตึงตัวขึ้น และอาจกระทบต่อเศรษฐกิจกลุ่มยูโรโซนโดยรวมในฐานะเจ้าหนี้ และที่สำคัญขนาดของเศรษฐกิจอิตาลีที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ในกลุ่มยูโรโซน แบบนี้มีผลกระทบแน่นอนครับ

สรุปสั้นๆ : หยุดก่อนเถอะนะครับ ถือว่าผมขอ

Insight ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

สัปดาห์นี้ยังแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นญี่ปุ่นต่อไปครับ เนื่องจากมุมมองเดิมตามสัปดาห์ก่อนยังคงอยู่ ทั้งทางธนาคารกลางญี่ปุ่นที่มีแนวโน้มที่จะคงมาตรการ QE ต่อไปเนื่องจากเศรษฐกิจไตรมาสแรกของญี่ปุ่นกลับมาหดตัวลง -0.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่นครับ

นอกจากนี้ ค่าจ้างแรงงานที่ปรับตัวขึ้นกว่า 2% ในเดือน มี.ค. ซึ่งปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 4 ปี เป็นปัจจัยสนับสนุนการบริโภคและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนเช่นเดียวกัน แบบนี้ก็จัดกันต่อไปครับ ตราบใดที่ยังไม่มีอะไรมากระทบ อิอิ

สรุปตอนนี้ ยังทยอยสะสมต่อไปได้ครับ ลุยครับผม

Insight ตลาดหุ้นอินเดีย

หยุดต่อไปอีกสักพักครับ จากผลของสัปดาห์ก่อน มุมมองยังเห็นได้ชัดว่าดุลการค้าของอินเดียมีแนวโน้มขาดดุลเพิ่มขึ้นจากการนำเข้าพลังงานอยู่ ทำให้ค่าเงินรูปีมีแนวโน้มอ่อนค่าและอาจกระตุ้นให้นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นออกไป

ส่วนอัตราเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นสูงกว่าที่ตลาดคาด ทำให้มีโอกาสที่ธนาคารกลางอินเดียอาจกลับมาส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยด้วย ซึ่งส่งผลลบต่อตลาดหุ้นอินเดียครับ ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ต่อไปครับ

สรุปสั้นๆ : หยุดสักพัก ชะลอกันไปก่อนจ้า

Insight ตลาดหุ้นเกาหลี

กลับมาแล้วจ้า สำหรับคนที่ชอบหุ้นแดนกิมจิ สัปดาห์นี้เริ่มกลับมาทยอยสะสมหุ้นเกาหลีได้แล้วครับ เนื่องจากตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของเดือนที่ผ่านมาของประเทศคู่ค้าหลัก เช่น สหรัฐฯ และจีนมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนภาคการส่งออกเกาหลี โดยตลาดหุ้นเกาหลีมักปรับตัวขึ้นในช่วงที่ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าปรับตัวดีขึ้น รวมถึงปัจจัยบวกของสหรัฐฯ และจีนที่มีผลต่อประเทศส่งออกอย่างเกาหลี แบบนี้ลุยได้เลยครับ

สรุปสั้นๆ : กลับมาซื้อได้แล้วนะครับผม

Insight ตลาดหุ้นไทย

ความผันผวนที่ผ่านมา ยังเป็นปัจจัยกระทบระยะสั้น และผมมองว่าเป็นโอกาสให้ทยอยสะสมหุ้นไทยต่อไปครับ เพราะภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนกลุ่มอื่นเช่นกัน

ตอนนี้มาถึงจุดที่ตลาดซึมทรัพย์ข่าวร้ายไว้ส่วนหนึ่งแล้วครับ ดังนั้นเหมือนเป็นโอกาสที่จะทยอยสะสมกันต่อไป เพราะปัจจัยอื่นๆ ยังเป็นบวกหมดต่อตลาดหุ้นไทยครับ

สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมกันต่อไปจ้า

Insight ตลาดหุ้นจีน

ยังไปได้ต่ออยู่ครับ ทั้ง A-SHARE ที่กลับมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ส่วน H-SHARE นั้นยังไปได้เรื่อยๆ อยู่แล้ว

หลังจาก MSCI ประกาศการเพิ่มน้ำหนักหุ้น A-share กว่า 200 บริษัทในดัชนี MSCI Emerging Markets ทำให้กองทุนทั่วโลกที่ใช้ดัชนี MSCI Emerging Markets เป็นตัวเทียบวัดกับผลการดำเนินงาน จะต้องเพิ่มการลงทุนในหุ้น A-share ด้วยเช่นกัน แบบนี้คือดีต่อใจของคนมีหุ้นจีนแน่นอนครับ จัดการต่อได้เลยครับผม

สรุปสั้นๆ : กลับมาแล้วจ้า ทยอยสะสม A-SHARE กันได้เลย

แนะนำการลงทุนประจำสัปดาห์ จากอัศวินกองทุน

  • ตลาดตราสารทุน : ซื้อหุ้นสหรัฐฯ ทยอยสะสมหุ้นญี่ปุ่น, ไทย, H-Share, A-Share, และหุ้นเกาหลี แต่ชะลอการลงทุนในยุโรปและอินเดีย
  • ตลาดตราสารหนี้ : แนะนำลงทุนตราสารหนี้ High Yield สหรัฐฯ ส่วน
  • ตราสารหนี้ไทยแนะนำให้ซื้อตราสารหนี้ไทยช่วงอายุ 1-3 ปี
  • สินทรัพย์ทางเลือก : ทยอยสะสมทั้งทองคำและน้ำมัน

เรามาดูสัดส่วนการลงทุนที่แนะนำประจำสัปดาห์กันบ้างครับ

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงต่ำ

พอร์ตการลงทุนระยะยาว (การวางแผนการลงทุนในระยะยาว)

  • หุ้นไทย 12%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 44%
  • ตราสารหนี้ไทย 44%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น (การปรับพอร์ตตามสถานการณ์)

  • หุ้นไทย 12%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 40%
  • ตราสารหนี้ไทย 48%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงกลาง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว (การวางแผนการลงทุนในระยะยาว)

  • หุ้นต่างประเทศ 24%
  • หุ้นไทย 30%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 20%
  • ตราสารหนี้ไทย 20%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 6%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น (การปรับพอร์ตตามสถานการณ์)

  • หุ้นต่างประเทศ 23%
  • หุ้นไทย 30%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 16%
  • ตราสารหนี้ไทย 25%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 3%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 3%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงสูง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว (การวางแผนการลงทุนในระยะยาว)

  • หุ้นต่างประเทศ 40%
  • หุ้นไทย 42%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 5%
  • ตราสารหนี้ไทย 5%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 8%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น (การปรับพอร์ตตามสถานการณ์)

  • หุ้นต่างประเทศ 39%
  • หุ้นไทย 42%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 5%
  • ตราสารหนี้ไทย 6%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 4%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 4%

หมายเหตุ : “ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน” ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 31 พ.ค. 2561

ทั้งนี้ เอกสารนี้จัดทำโดย นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดสรรสินทรัพย์และกองทุนต่างประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเผยแพร่ทั่วไป โดยข้อคิดเห็นและบทความในเอกสารฉบับนี้ เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ผู้ใช้ข้อมูลนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยตนเอง