สวัสดีครับผม!!! อัศวินกองทุน ยุค Digital กลับมาแล้วครับ
สำหรับสัปดาห์นี้ มีตลาดที่น่าสนใจคือ สหรัฐฯ ยุโรป และ ญี่ปุ่น ส่วนที่แนะนำให้ชะลอลงทุน คือ ตลาดเกิดใหม่สองแห่ง อย่างอินเดียและเกาหลีครับ
สรุปประเด็นทุกตลาดสำคัญทั้งหมด และติดตามได้ในบทความนี้เลยครับ
Focus ประเทศน่าลงทุนประจำสัปดาห์ที่ 28 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน 2561
สัปดาห์นี้เน้นที่ตลาดพัฒนาครับ "ซื้อสหรัฐฯ สะสมยุโรป และ "ญี่ปุ่น"
เศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง จากการบริโภคในประเทศและการลงทุนเอกชน ค่าเงินยูโรและเยนยังมีแนวโน้มอ่อนค่า สนับสนุนหุ้นกลุ่มผู้ส่งออกเหมือนเดิม ภาพรวมยังไปต่อได้
- Focus : ตลาดสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น
- ความน่าสนใจ : เศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ขยายตัวต่อเนื่อง การบริโภคในประเทศเติบโต
Scan การปรับตัวตลาดหุ้นทั่วโลก
- ภาพรวมตอนนี้ ยังแนะนำให้นักลงทุนทยอยสะสมหุ้นประเทศพัฒนาแล้วอยู่ครับ นั่นคือ สหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น และขอให้ระมัดระวังการลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ โดยเฉพาะอินเดีย และเกาหลี จากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจผลักให้อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ เร่งตัวขึ้น ทำให้มีโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าการคาดการณ์ของตลาด สร้างกดดันต่อสินทรัพย์ในตลาดเกิดใหม่
- ขณะที่ตลาดหุ้นพัฒนาแล้วมักมีความผันผวนน้อยกว่าในช่วงธนาคารกลางสหรัฐฯ ขึ้นดอกเบี้ย เหตุการณ์ยังคล้ายกับสัปดาห์ที่ผ่านมา สัปดาห์นี้ผมเลยยังให้ความเห็นโดยรวมไม่ต่างจากเดิมครับผม
Insight ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
สำหรับฝั่งสหรัฐฯ สัปดาห์นี้แนะนำให้ซื้อหุ้นสหรัฐฯ ต่อไปครับ เนื่องจากเหตุผลเดิมๆ ที่เรามองเห็นกัน นั่นคือเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง จากการบริโภคในประเทศและการลงทุนเอกชน นอกจากนี้ ผมมองว่าน่าจะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจะส่งผลบวกต่อการขยายตัวเศรษฐกิจต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาดอีกต่อหนึ่งครับ ซึ่งภาพรวมนี้ยังอาจจะต่อเนืองไปอีกสักระยะ และเป็นปัจจัยบวกล้วนครับผม
สรุปสั้นๆ : ซื้อต่อไปครับ
Insight ตลาดหุ้นยุโรป
ไปต่อกันครับ!! สำหรับหุ้นยุโรป จากมูลค่าของหุ้นยุโรปที่น่าสนใจมากครับ รวมถึงผลประกอบการที่คาดว่าจะดีกว่าตลาดคาดการณ์ไว้ครับ โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มส่งออกที่ได้รับปัจจัยบวกจากการมีแนวโน้มอ่อนค่าของเงินยูโรหลังจาก ECB ส่งสัญญาณ dovish ผ่อนปรนเกี่ยวกับเงินเฟ้อกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
สรุปสั้นๆ : โดยรวมยังไปต่อได้ครับ สะสมต่อกันไปครับ
Insight ตลาดหุ้นญี่ปุ่น
สัปดาห์นี้ยังแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นญี่ปุ่นต่อไปครับ เนื่องจากผมมองว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่จะคงมาตรการ QE ต่อไปเนื่องจากเศรษฐกิจไตรมาสแรกของญี่ปุ่นกลับมาหดตัวลง -0.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลดีครับ
นอกจากนี้ ค่าจ้างแรงงานที่ปรับตัวขึ้นกว่า 2% ในเดือน มี.ค. ซึ่งปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 4 ปี เป็นปัจจัยสนับสนุนการบริโภคและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ซึ่งก็เป็นผลดีอีกนั่นแหละครับผม
สรุปตอนนี้ : ยังทยอยสะสมต่อไปได้ครับ ลุยครับผม
Insight ตลาดหุ้นอินเดีย
หยุดก่อนนะครับ สำหรับคนที่จะคิดสะสมหุ้นอินเดีย เนื่องจากตอนนี้ดุลการค้ามีแนวโน้มขาดดุลเพิ่มขึ้นจากการนำเข้าพลังงานอยู่ ทำให้ค่าเงินรูปีมีแนวโน้มอ่อนค่าและอาจกระตุ้นให้นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นออกไป
สัปดาห์นี้เหมือนเดิมตรงที่ว่า อัตราเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นสูงกว่าที่ตลาดคาด ทำให้มีโอกาสที่ธนาคารกลางอินเดียอาจกลับมาส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยด้วย ซึ่งส่งผลลบต่อตลาดหุ้นอินเดียครับ ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ต่อไปครับ
สรุปสั้นๆ : หยุดสักพัก ชะลอไปก่อน รอดูท่าที เดี๋ยวค่อยว่ากันต่อไปครับ
Insight ตลาดหุ้นเกาหลี
เหมือนกันกับสัปดาห์ก่อนเป๊ะเลยครับ ผมแนะนำให้ชะลอการลงทุนหุ้นเกาหลีไปอีกสักระยะครับ (หลายระยะแล้วนะ ฮ่าๆ) เนื่องจากตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของเดือนที่ผ่านมาของประเทศคู่ค้าหลัก เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และยุโรป ออกมาชะลอตัวลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกเกาหลีมีแนวโน้มชะลอลง
ส่วนผลของสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนนั้นก็ยังไม่ชัดเจนเท่าไร อาจส่งผลกระทบต่อประเทศที่มีสัดส่วนการส่งออกสูงอย่างเกาหลีได้อีกครับ
สรุปสั้นๆ : ชะลอต่อครับ และน่าจะชะลอยาวเลยล่ะครับ
Insight ตลาดหุ้นไทย
ความผันผวนที่ผ่านมา ยังเป็นปัจจัยกระทบระยะสั้น และผมมองว่าเป็นโอกาสให้ทยอยสะสมหุ้นไทยต่อไปครับ เพราะภาพรวม เศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนกลุ่มอื่นเช่นกัน
สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมกันต่อไปจ้า
Insight ตลาดหุ้นจีน
A-SHARE กลับมาแล้วครับ ส่วน H-SHARE ไปได้เรื่อยๆ อยู่แล้ว สัปดาห์นี้ผมแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นจีนหลังจาก MSCI ประกาศการเพิ่มน้ำหนักหุ้น A-share กว่า 200 บริษัทในดัชนี MSCI Emerging Markets ทำให้กองทุนทั่วโลกที่ใช้ดัชนี MSCI Emerging Markets เป็นตัวเทียบวัดกับผลการดำเนินงาน จะต้องเพิ่มการลงทุนในหุ้น A-share ด้วยเช่นกัน แบบนี้คือดีต่อใจของคนมีหุ้นจีนแน่นอนครับ
สรุปสั้นๆ : กลับมาแล้วจ้า ทยอยสะสม A-SHARE กันได้เลย
แนะนำการลงทุนประจำสัปดาห์ จากอัศวินกองทุน
- ตลาดตราสารทุน : ซื้อสหรัฐฯ ทยอยสะสมญี่ปุ่นและยุโรป หุ้นไทย, H-Share, หุ้น A-Share และชะลอการลงทุนในหุ้นอินเดียและหุ้นเกาหลี
- ตลาดตราสารหนี้ : แนะนำคงการลงทุนตราสารหนี้ระยะยาวต่างประเทศ ส่วน
- ตราสารหนี้ไทย : แนะนำให้ซื้อตราสารหนี้ไทยช่วงอายุ 1-3 ปี
- สินทรัพย์ทางเลือก : ทยอยสะสมทั้งทองคำแต่ชะลอการลงทุนในน้ำมัน
เรามาดูสัดส่วนการลงทุนที่แนะนำประจำสัปดาห์กันบ้างครับ
สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงต่ำ
พอร์ตการลงทุนระยะยาว (การวางแผนการลงทุนในระยะยาว)
- หุ้นไทย 12%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 44%
- ตราสารหนี้ไทย 44%
พอร์ตการลงทุนระยะสั้น (การปรับพอร์ตตามสถานการณ์)
- หุ้นไทย 12%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 40%
- ตราสารหนี้ไทย 48%
สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงกลาง
พอร์ตการลงทุนระยะยาว (การวางแผนการลงทุนในระยะยาว)
- หุ้นต่างประเทศ 24%
- หุ้นไทย 30%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 20%
- ตราสารหนี้ไทย 20%
- สินค้าโภคภัณฑ์ 6%
พอร์ตการลงทุนระยะสั้น (การปรับพอร์ตตามสถานการณ์)
- หุ้นต่างประเทศ 25%
- หุ้นไทย 30%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 15%
- ตราสารหนี้ไทย 25%
- สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 3%
- สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 2%
สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงสูง
พอร์ตการลงทุนระยะยาว (การวางแผนการลงทุนในระยะยาว)
- หุ้นต่างประเทศ 40%
- หุ้นไทย 42%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 5%
- ตราสารหนี้ไทย 5%
- สินค้าโภคภัณฑ์ 8%
พอร์ตการลงทุนระยะสั้น (การปรับพอร์ตตามสถานการณ์)
- หุ้นต่างประเทศ 41%
- หุ้นไทย 42%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 4%
- ตราสารหนี้ไทย 6%
- สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 4%
- สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 3%
หมายเหตุ : “ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน” ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 17 เม.ย. 2561
ทั้งนี้ เอกสารนี้จัดทำโดย นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดสรรสินทรัพย์และกองทุนต่างประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเผยแพร่ทั่วไป โดยข้อคิดเห็นและบทความในเอกสารฉบับนี้ เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ผู้ใช้ข้อมูลนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยตนเอง