สวัสดีครับผม!!! อัศวินกองทุน ยุค Digital กลับมาแล้วครับ

สำหรับภาพรวมการลงทุนสัปดาห์นี้ มีตลาดที่น่าสนใจคือ "สหรัฐฯ ยุโรป และ ญี่ปุ่น" ส่วนที่แนะนำให้ชะลอลงทุน คือ ตลาดเกิดใหม่ ครับผม

สรุปประเด็นทุกตลาดสำคัญทั้งหมด และติดตามได้ในบทความนี้เลยครับ

Focus ประเทศน่าลงทุนประจำสัปดาห์ที่ 21- 25 พฤษภาคม 2561

สัปดาห์นี้เน้นที่ตลาดพัฒนาครับ "ซื้อสหรัฐฯ สะสมยุโรป และ "ญี่ปุ่น"
เศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง จากการบริโภคในประเทศและการลงทุนเอกชน ค่าเงินยูโรและเยนมีแนวโน้มอ่อนค่า สนับสนุนหุ้นกลุ่มผู้ส่งออกเป็นหลัก

  • Focus : ตลาดสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น
  • ความน่าสนใจ : เศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ผลประกอบการดีกว่าที่คาด

Scan การปรับตัวตลาดหุ้นทั่วโลก

  • สถานการณ์ตอนนี้ ทยอยสะสมหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ระมัดระวังการลงทุนใน ตลาดหุ้นเกิดใหม่ จากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งอาจผลักให้อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ เร่งตัวขึ้นทำให้มีโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าการคาดการณ์ของตลาด สร้างความกดดันต่อสินทรัพย์ในตลาดเกิดใหม่
  • ขณะที่ตลาดหุ้นพัฒนา แล้วมักมีความผันผวนน้อยกว่าในช่วงธนาคารกลางสหรัฐฯ ขึ้นดอกเบี้ย ดังนั้นกลุ่มที่น่าสนใจเลยจะอยู่ที่ 3 ประเทศพัฒนาแล้วนั่นเองครับ

Insight ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

สำหรับฝั่งสหรัฐฯ สัปดาห์นี้แนะนำให้ซื้อหุ้นสหรัฐฯ ได้เลยครับ เนื่องจากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง จากการบริโภคในประเทศและการลงทุนเอกชน นอกจากนี้ ผมมองว่าน่าจะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจะส่งผลบวกต่อการขยายตัวเศรษฐกิจต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาดอีกต่อหนึ่งครับ สถานการณ์ดูสดใส ซื้อได้เลยจ้า

สรุปสั้นๆ : ซื้อ ซื้อ ซื้อ แล้วก็ ซื้อ ครับ

Insight ตลาดหุ้นยุโรป

ยังได้อยู่ครับสำหรับหุ้นยุโรป ผมยังยืนยันแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นยุโรปต่อไปครับ เพราะถ้ามองกันแล้ว ตอนนี้ Valuation ของหุ้นยุโรปน่าสนใจมากครับ รวมถึงผลประกอบการที่คาดว่าจะดีกว่าตลาดคาดการณ์ไว้ครับ  โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มส่งออก

ประกอบกับ การมีแนวโน้มอ่อนค่าของเงินยูโรหลังจาก ECB ส่งสัญญาณ dovish ผ่อนปรนเกี่ยวกับเงินเฟ้อกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

สถานการณ์ในสัปดาห์นี้ยังเหมือนเดิม เราก็สะสมต่อไปจ้า

สรุปสั้นๆ : สะสมต่อไปครับ

Insight ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

สัปดาห์นี้ยังแนะนำให้สะสมต่อไปครับ เพราะผลของการที่ค่าเงินเยนอาจอ่อนค่าลงต่อเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ ซึ่งสนับสนุนผลประกอบการหุ้นกลุ่มผู้ส่งออกเหมือนกันกับหุ้นยุโรปยังมีอยู่ครับ ร่วมกับการที่สหรัฐฯ มีผลประกอบการที่ดียิ่งส่งเสริมปัจจัยนี้ให้ดีขึ้นครับ

ผมเชื่อว่า BOJ คงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาอีกระลอกหนึ่ง ในขณะที่ตลาดเริ่มกลับมากังวลว่า FED อาจขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น จากเงินเฟ้อที่อาจปรับตัวขึ้นเร็ว

สรุปอีกที : ยังสะสมต่อไปได้ครับ

Insight ตลาดหุ้นอินเดีย

หลังจากที่แนะนำให้สะสมมาเรื่อยๆ ตอนนี้เป็นจังหวะที่ควรชะลอการลงทุนในหุ้นอินเดียแล้วล่ะครับ เนื่องจากดุลการค้ามีแนวโน้มขาดดุลเพิ่มขึ้นจากการนำเข้าพลังงาน ทำให้ค่าเงินรูปีมีแนวโน้มอ่อนค่าและอาจกระตุ้นให้นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นออกไป

นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นสูงกว่าที่ตลาดคาด ทำให้มีโอกาสที่ธนาคารกลางอินเดียอาจกลับมาส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยด้วย ซึ่งส่งผลลบต่อตลาดหุ้นอินเดียครับ

สรุปสั้นๆ : หยุดสักพัก รอดูท่าที เดี๋ยวค่อยว่ากันต่อไปครับ

Insight ตลาดหุ้นเกาหลี

ตอนนี้แนะนำให้ ชะลอการลงทุนหุ้นเกาหลีไปอีกสักระยะครับ เนื่องจากตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของเดือนที่ผ่านมาของประเทศคู่ค้าหลัก เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และยุโรป ออกมาชะลอตัวลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกเกาหลีมีแนวโน้มชะลอลง

นอกจากนี้ สงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่รุนแรงมากขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อประเทศที่มีสัดส่วนการส่งออกสูงอย่างเกาหลีครับ

สรุปสั้นๆ : ชะลอต่อครับ และน่าจะชะลอยาวเลยล่ะครับ

Insight ตลาดหุ้นไทย

สถานการณ์ตอนนี้ยังเป็นเหมือนเดิมครับผม แนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นไทย จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น สนับสนุนผลประกอบการของหุ้นกลุ่มพลังงาน

นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนกลุ่มอื่นเช่นกัน

สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมกันต่อไปจ้า

Insight ตลาดหุ้นจีน

สัปดาห์นี้ ยังแนะนำให้ชะลอลงทุนในตลาดหุ้นจีน A-SHARE อยู่ เพื่อรอดูการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนอีกสักระยะครับ

ผมมองว่าผลของความไม่แน่นอนของผลลัพธ์ของการเจรจาจะทำให้ตลาดหุ้นจีนยังมีความผันผวนอยู่ ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจจีนในภาคการบริโภคและการลงทุนเริ่มชะลอตัว ซึ่งอาจกระทบผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนอยู่ ดังนั้นดูแล้ว A-SHARE น่าจะซึมไปอีกสักระยะครับ

สรุปสั้นๆ : ชะลอไปก่อนนะครับ

คำแนะนำเพิ่มเติม : หุ้นตลาดเกิดใหม่ และหุ้นโกลบอล Global Population Trend

สัปดาห์นี้ยังอยู่ที่หุ้นโกลบอล Global Population Trend เนื่องจากหุ้นกลุ่มนี้จะได้ประโยชน์จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลก พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากรโลกต่างๆ ที่ทำให้กลุ่มนี้เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจครับ

สรุปสั้นๆ : กลุ่มนี้ไปเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือระวังน้ำมันหน่อยนะครับ

แนะนำการลงทุนประจำสัปดาห์ จากอัศวินกองทุน

  • ตลาดตราสารทุน : ซื้อสหรัฐฯ ทยอยสะสมญี่ปุ่นและยุโรป
  • ตลาดตราสารหนี้ : แนะนำคงการลงทุนตราสารหนี้ระยะยาวต่างประเทศ ส่วน
  • ตราสารหนี้ไทยแนะนำให้ซื้อตราสารหนี้ไทยช่วงอายุ 1-3 ปี
  • สินทรัพย์ทางเลือก : หาจังหวะทยอยสะสมทั้งทองคำแต่ชะลอการลงทุนในน้ำมัน

เรามาดูสัดส่วนการลงทุนที่แนะนำประจำสัปดาห์กันบ้างครับ

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงต่ำ

พอร์ตการลงทุนระยะยาว (การวางแผนการลงทุนในระยะยาว)

  • หุ้นไทย 12%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 44%
  • ตราสารหนี้ไทย 44%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น (การปรับพอร์ตตามสถานการณ์)

  • หุ้นไทย 12%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 40%
  • ตราสารหนี้ไทย 48%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงกลาง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว (การวางแผนการลงทุนในระยะยาว)

  • หุ้นต่างประเทศ 24%
  • หุ้นไทย 30%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 20%
  • ตราสารหนี้ไทย 20%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 6%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น (การปรับพอร์ตตามสถานการณ์)

  • หุ้นต่างประเทศ 24%
  • หุ้นไทย 30%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 16%
  • ตราสารหนี้ไทย 25%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 3%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 2%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงสูง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว (การวางแผนการลงทุนในระยะยาว)

  • หุ้นต่างประเทศ 40%
  • หุ้นไทย 42%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 5%
  • ตราสารหนี้ไทย 5%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 8%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น (การปรับพอร์ตตามสถานการณ์)

  • หุ้นต่างประเทศ 40%
  • หุ้นไทย 42%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 2%
  • ตราสารหนี้ไทย 6%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 4%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 4%

หมายเหตุ : “ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน” ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 17 เม.ย. 2561

ทั้งนี้ เอกสารนี้จัดทำโดย นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดสรรสินทรัพย์และกองทุนต่างประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเผยแพร่ทั่วไป โดยข้อคิดเห็นและบทความในเอกสารฉบับนี้ เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ผู้ใช้ข้อมูลนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยตนเอง