สวัสดีผู้อ่านทุกท่านนะครับ กลับมาพบกับอัศวินกองทุนประจำสัปดาห์กันอีกครั้ง สำหรับสัปดาห์นี้ มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของตลาดทุนในประเทศที่มีบทบาทสำคัญอย่าง สหรัฐ จีน อินเดีย เกาหลี และไทย เช่นเคย พร้อมกับปัจจัยแนวโน้มที่นำมาให้นักลงทุนได้ตัดสินใจว่าจะไปต่อหรือชะลอการลงทุนเอาไว้ก่อนดี ถ้าพร้อมแล้วไปติดตามกันครับ

Focus ประเทศน่าลงทุนประจำสัปดาห์ที่ 14-18 พฤษภาคม 2561

สัปดาห์นี้ขอเน้นๆไปที่ญี่ปุ่นแบบจัดหนักจัดเต็มครับ

เหตุผล : อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ สวนทางกับญี่ปุ่น เงินเยนมีแนวโน้มอ่อนค่า

Focus : ตลาดญี่ปุ่น

ความน่าสนใจ : ค่าเงินเยนมีแนวโน้มอ่อนค่า สนับสนุนหุ้นกลุ่มผู้ส่งออกเป็นหลัก แถม ฺBOJ (Bank of Japan) ยังคงอัตราดอกเบี้ยซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดหุ้น

Scan การปรับตัวตลาดหุ้นทั่วโลก

สถานการณ์ตอนนี้ ขอแนะนำให้ซื้อหุ้นญี่ปุ่นเป็นหลักครับ เนื่องจากระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของธนาคารกลางสหรัฐฯ สวนทางกับเงินเฟ้อในประเทศญี่ปุ่นและยูโรโซน ที่ยังทรงตัวอยู่ต่ำกว่าระดับเป้าหมายของ BOJ (Bank of Japan) ซึ่งเป็นโอกาสดี ที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะเติบโตไปต่อครับ

ส่วนอีกด้านหนึ่ง แนะนำทำกำไรในน้ำมัน (สำหรับคนที่มี) หลังจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นเร็ว จากการที่สหรัฐฯกลับมาใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านอีกครั้ง และยังขอให้ชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นจีน A-share และ ตลาดหุ้นเกาหลีต่อไป

เนื่องจากความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจส่ง สัญญาณถึงการชะลอตัวของการค้าโลก ทำให้เกาหลีซึ่งพึ่งพาการส่งออกสูงอาจได้รับผลกระทบอยู่เรื่อยๆ

Insight ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

สำหรับฝั่งสหรัฐฯ ยังสามารถทยอยสะสมหุ้นสหรัฐฯ ต่อไปได้ครับ แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ จะยังคงอยู่ แต่ดูแล้วทางสหรัฐฯ ค่อนข้างได้เปรียบมากกว่า ทั้งภาวะเศรษฐกิจและภาพรวมระยะยาวยังเป็นไปได้อยู่ครับ ดังนั้น เป็นโอกาสทยอยสะสมไปเรื่อยๆ ครับผม

สรุปสั้นๆ : สะสมกันต่อไปครับผม

Insight ตลาดหุ้นยุโรป

ยังแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นยุโรปต่อไปครับ เพราะถ้ามองกันแล้ว ตอนนี้ Valuation ของหุ้นยุโรปน่าสนใจมากครับ รวมถึงผลประกอบการที่คาดว่าจะดีกว่าตลาดคาดการณ์ไว้ครับ

ประกอบกับการมีแนวโน้มอ่อนค่าของเงินยูโรหลังจาก ECB (European Central Bank) ส่งสัญญาณ dovish ผ่อนปรนเกี่ยวกับเงินเฟ้อกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนหุ้นกลุ่มผู้ส่งออกให้ได้รับประโยชน์ครับ สถานการณ์ในสัปดาห์นี้คล้ายกับสัปดาห์ก่อนครับ

สรุปสั้นๆ : สะสมต่อไปครับ

Insight ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

ตอนนี้เป็นโอกาสในซื้อหุ้นญี่ปุ่นครับ หลังจากที่สะสมมาเรื่อยๆ ผมมองว่าตอนนี้เป็นอีกช่วงหนึ่งที่เรียกได้ว่าโอกาสดีครับ เนื่องจากค่าเงินเยนอาจอ่อนค่าลงต่อเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ ซึ่งสนับสนุนผลประกอบการหุ้นกลุ่มผู้ส่งออกเหมือนกันกับหุ้นยุโรป

นอกจากนั้น BOJ (Bank of Japan) คงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาอีกระลอกหนึ่ง ในขณะที่ตลาดเริ่มกลับมากังวลว่า FED (Federal Reserve Bank) อาจขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น จากเงินเฟ้อที่อาจปรับตัวขึ้นเร็ว

สรุปอีกที ซื้อรัวได้เลยครับผม

Insight ตลาดหุ้นอินเดีย

สำหรับสัปดาห์นี้ ยังแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นอินเดียต่อไปเหมือนสัปดาห์ก่อนครับ ตอนนี้เหมือนว่าจะมีราคาผันผวนอยู่เหมือนเช่นเคยครับ แต่ในระยะยาวแล้ว ผมยังคงยืนยันว่าภาพรวมของหุ้นอินเดียยังดูน่าสนใจครับ

สรุปสั้นๆ : สะสมเพิ่มต่อไปครับผม

Insight ตลาดหุ้นเกาหลี

ช่วงนี้แนะนำให้ชะลอการลงทุนหุ้นเกาหลีไปเรื่อยๆ ก่อนนะครับ กลับมาเมื่อไรเดี๋ยวจะบอกกันอีกที สาเหตุยังเหมือนเดิมครับ เนื่องจากตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของเดือนที่ผ่านมาของประเทศคู่ค้าหลัก เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และยุโรป ออกมาชะลอตัวลงเรื่อยๆ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกเกาหลีมีแนวโน้มชะลอลง

นอกจากนี้ สงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่รุนแรงมากขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อประเทศที่มีสัดส่วนการส่งออกสูงครับ

สรุปสั้นๆ : ชะลอก่อนนะครับ

Insight ตลาดหุ้นไทย

สถานการณ์ตอนนี้ยังเป็นเหมือนเดิมครับผม แนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นไทย จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น สนับสนุนผลประกอบการของหุ้นกลุ่มพลังงาน

นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนกลุ่มอื่นเช่นกัน

สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมไปจ้า

Insight ตลาดหุ้นจีน

แนะนำอีกทีนะครับว่า ควรชะลอการลงทุนในหุ้นจีน A-share เพื่อรอดูการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนไปอีกสักพักครับ โดยความไม่แน่นอนของผลลัพธ์ของการเจรจา จะทำให้ตลาดหุ้นจีนยังมีความผันผวนอยู่ครับ แบบนี้ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไร และในวันที่ 15 พ.ค.ที่จะถึงนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ จะมีการจัดประชาพิจารณ์ในการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ต้องจับตาต่อไปครับ

สรุปสั้นๆ : ชะลอไปก่อนนะครับ

แนะนำการลงทุนประจำสัปดาห์

ตลาดตราสารทุน : ซื้อญี่ปุ่น ทยอยสะสมสหรัฐฯ และยุโรป

ตลาดตราสารหนี้ : แนะนำคงการลงทุนตราสารหนี้ระยะยาวต่างประเทศ 

ตราสารหนี้ไทย : แนะนำให้ซื้อตราสารหนี้ไทยช่วงอายุ 1-3 ปี

สินทรัพย์ทางเลือก : หาจังหวะทยอยสะสมทั้งทองคำ แต่ชะลอการลงทุนในน้ำมัน

คำแนะนำเพิ่มเติม : แนะนำหุ้นโกลบอล Global Population Trend

สัปดาห์นี้ยังอยู่ที่หุ้นโกลบอล Global Population Trend เนื่องจากหุ้นกลุ่มนี้จะได้ประโยชน์จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลก พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากรโลกต่างๆ ที่ทำให้กลุ่มนี้เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจครับ

สรุปสั้นๆ : เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือระวังน้ำมันหน่อยนะครับ

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงต่ำ

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นไทย 12%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 44%
  • ตราสารหนี้ไทย 44%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นไทย 12%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 40%
  • ตราสารหนี้ไทย 48%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงกลาง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นต่างประเทศ 24%
  • หุ้นไทย 30%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 20%
  • ตราสารหนี้ไทย 20%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 6%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นต่างประเทศ 24%
  • หุ้นไทย 30%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 16%
  • ตราสารหนี้ไทย 25%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 3%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 2%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงสูง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นต่างประเทศ 40%
  • หุ้นไทย 42%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 5%
  • ตราสารหนี้ไทย 5%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 8%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นต่างประเทศ 40%
  • หุ้นไทย 42%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 5%
  • ตราสารหนี้ไทย 6%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 4%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 3%

หมายเหตุ: “ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน” ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 11 พ.ค 2561

ทั้งนี้ เอกสารนี้จัดทำโดย นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดสรรสินทรัพย์และกองทุนต่างประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเผยแพร่ทั่วไปโดยข้อคิดเห็นและบทความในเอกสารฉบับนี้ เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ผู้ใช้ข้อมูลนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยตนเอง