สวัสดีครับผม!!! "อัศวินกองทุน" ยุค Digital กลับมาแล้วครับ สำหรับสัปดาห์นี้ สถานการณ์ยังคงๆ ทรงๆ เหมือนเดิมครับ อ่านย้อนหลังคลิก

แนวโน้มต่างๆ ยังไม่เปลี่ยนไป สะสมได้เรื่อยๆ แต่สำหรับ "หุ้นยุโรป" นี่แหละครับ ที่น่าสนใจให้เราจัดหนัก สนใจตลาดแบบไหน ติดตามได้ในบทความนี้เลยครับ

Focus ประเทศน่าลงทุนประจำสัปดาห์ที่ 30 เมษายน - 4 พฤษภาคม 2561

  • Focus : ตลาดหุ้นยุโรป ราคาน่าสนใจ เงินยูโรน่าจะอ่อนค่า
  • ความน่าสนใจ :ราคาได้ลงมามากในขณะที่ผลประกอบการมีโอกาสออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด พร้อมกับนโยบายที่จะทำให้เงินยูโรอ่อนค่า หุ้นกลุ่มส่งออกยิ่งน่าสนใจ

ถ้าสัปดาห์ที่แล้วผมบอกว่าตลาดยุโรปน่าสนใจ และสัปดาห์นี้ยังขอยืนยันสุดใจเลยครับว่า “ตลาดยุโรป” นั้นน่าสนใจแบบสุดๆ เลยล่ะครับผม

Scan การปรับตัวตลาดหุ้นทั่วโลก

  • ภาพรวมสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกมีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่เป็นลบเสียเป็นส่วนใหญ่ อาจจะมีบางตลาดที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ตอนนี้ผมยังคงมองว่า Valuation หุ้นยุโรปน่าสนใจมากครับ เพราะแนวโน้มของผลประกอบการน่าจะดีกว่าตลาดคาดการณ์ ร่วมกับค่าเงินยูโรอาจมีแนวโน้มอ่อนค่าหลังจาก ECB ส่งสัญญาณ hawkish  (มาตราการในการกระตุ้นตลาดเชิงรุนแรงต่อเงินเฟ้อ) น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ครับ
  • ส่วนตลาดหุ้นเกาหลียังคงเหมือนเดิมครับ แนะนำให้ชะลอการลงทุนไปก่อน เนื่องจากเป็นกลุ่มที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก เมื่อดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น อ่อนตัวลงต่อเนื่อง สะท้อนถึงความต้องการ การนำเข้าที่จะลดลง ทำให้ส่งผลกระทบต่อเกาหลีมากกว่าตลาดอื่นๆ ครับผม 
  • ขณะเดียวกัน ทางด้านตราสารหนี้ แนะนำให้เพิ่มการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวต่างประเทศ เนื่องจากเนื่องจากอัตราผลตอบแทนของสหรัฐปรับตัวขึ้นมาแรงในช่วงนี้จากความกังวลเงินเฟ้อราคาน้ำมันครับ

Insight ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

สำหรับฝั่งสหรัฐฯ แนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นสหรัฐฯ ต่อไปได้ครับครับ ตอนนี้มาตรการที่ว่าจะมีผลกระทบก็ดูเหมือนจะเงียบหายไปแล้ว ส่วนระยะยาวภาพรวมก็น่าจะยังไปได้อยู่เหมือนเช่นเคย ดังนั้นเป็นโอกาสทยอยสะสมของเราครับ

สรุปสั้นๆ : สะสมกันต่อไปครับผม

Insight ตลาดหุ้นยุโรป

น่าเข้าซื้อจ้า!!! เพราะตอนนี้ผมมองว่าราคาของหุ้นยุโรปได้ลงมาในระดับที่น่าสนใจมากๆ แล้วครับ ประกอบกับผลประกอบการหุ้นยุโรปมีโอกาสออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ทำให้ Valuation ของหุ้นยุโรปกลับมามีความน่าสนใจอีกครั้งครับ ร่วมกับเหตุผลที่บอกไว้ว่า ค่าเงินยูโรอาจมีแนวโน้มอ่อนค่าหลังจาก ECB ส่งสัญญาณ hawkish น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนหุ้นกลุ่มผู้ส่งออกของยุโรปครับ

สรุปสั้นๆ : ควรซื้อๆๆๆ แล้วก็ซื้อครับ!

Insight ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

สำหรับสัปดาห์นี้สถานการณ์ของตลาดหุ้นญี่ปุ่นเริ่มมีการผันผวนเล็กน้อยครับ แต่ยังแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นญี่ปุ่นต่อไป เนื่องจากค่าเงินเยนอาจอ่อนค่าลงต่อเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ ซึ่งสนับสนุนผลประกอบการหุ้นกลุ่มผู้ส่งออก (อีกแล้ว) หลังจากตลาด BOJ คงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ตลาดเริ่มกลับมากังวลว่า FED อาจขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น จากเงินเฟ้อที่อาจปรับตัวขึ้นเร็ว

แต่ตรงนี้ผมก็ยังมองว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่จะสะสมกันต่อไปในช่วงนี้ครับ สำหรับคนที่ชอบตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลองมีติดพอร์ทสะสมไว้ต่อได้เลยครับ

สรุปอีกที : ทยอยสะสมตามภาพได้เลยครับผม

Insight ตลาดหุ้นอินเดีย

สำหรับสัปดาห์นี้ ยังแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นอินเดียต่อไปเหมือนสัปดาห์ก่อนครับ ในปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเหมือนว่าจะมีการบวกขึ้นมา ซึ่งยังสะท้อนว่าระยะยาวแล้วยังดูน่าสนใจครับ

สรุปสั้นๆ : สะสมเพิ่มต่อไปครับผม

Insight ตลาดหุ้นเกาหลี

ตอนนี้คำแนะนำเป็นชะลอการลงทุนหุ้นเกาหลีอยู่นะครับ จากเหตุผลเดิมๆ เลยครับ นั่นคือตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของเดือนที่ผ่านมาของประเทศคู่ค้าหลัก เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และยุโรป ออกมาชะลอตัวลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกเกาหลีให้ชะลอตัวลงตามไปด้วย แหม่...แบบนี้ถือว่าสถานการณ์ยังไม่ค่อยดีเท่าไรครับ

นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนของสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนนั้น อาจส่งผลกระทบต่อประเทศที่มีสัดส่วนการส่งออกสูงอย่างเกาหลีตามที่ผมเคยบอกไว้นั่นแหละครับ  ทุกอย่างเหมือนเดิมแบบนี้ คำแนะนำเลยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงครับผม

สรุปสั้นๆ : ชะลอก่อนนะครับ

Insight ตลาดหุ้นไทย

สำหรับสัปดาห์นี้ ผมแนะนำให้หาจังหวะทยอยสะสมหุ้นไทยต่อไปครับ จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น สนับสนุนผลประกอบการของหุ้นกลุ่มพลังงาน นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนกลุ่มอื่นเช่นกัน เอ้า ข่าวดีมาแบบนี้ก็จัดต่อสิครับพี่ครับ!!

สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมจ้า ปู่กลับมาแล้วจ๊ะ

Insight ตลาดหุ้นจีน

ยังไม่มีอะไรใหม่ๆ ที่จะมากระทบได้เท่าไรครับ ดังนั้นผมยังแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นจีน A-SHARE ได้ต่อครับ สืบเนื่องจากทางประธานาธิบดี Xi Jinping ของจีน มีถ้อยแถลงในงาน Boao Forum ที่สนับสนุนการค้าเสรี และอาจจะลดภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐฯ มาสักระยะ ซึ่งข่าวนี้ก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร น่าจะส่งผลดีอย่างที่ว่าไว้จริงๆ นั่นแหละครับ

ทางฝั่งข้อตกลงทางการค้าดูแล้วก็น่าจะเจรจากันได้ดีอยู่ครับ ทำให้การปรับตัวลงของตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมาจากความกังวลสงครามการค้าเป็นโอกาสให้ทยอยสะสมนี่แหละครับผม

สรุปสั้นๆ : สะสมกันเถอะพวกเรา

คำแนะนำเพิ่มเติม : หุ้นตลาดเกิดใหม่ และหุ้นโกลบอล Global Population Trend

สัปดาห์นี้ยังอยู่ที่หุ้นโกลบอล Global Population Trend เนื่องจากหุ้นกลุ่มนี้จะได้ประโยชน์จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลก พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากรโลกต่างๆ ที่ทำให้กลุ่มนี้เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจครับ

สรุปสั้นๆ : กลุ่มนี้ไปได้จ้า

แนะนำการลงทุนประจำสัปดาห์ จากอัศวินกองทุน

  • ตลาดตราสารทุน : ซื้อยุโรป ทยอยสะสมทุกตลาด ยกเว้นเกาหลี
  • ตลาดตราสารหนี้ : แนะนำคงการลงทุนตราสารหนี้ระยะยาวต่างประเทศ ส่วน
  • ตราสารหนี้ไทย : เน้นหุ้นกู้เอกชนเป็นหลัก
  • สินทรัพย์ทางเลือก : หาจังหวะทยอยสะสมทั้งทองคำและน้ำมันเพิ่มเติม

เรามาดูสัดส่วนการลงทุนที่แนะนำประจำสัปดาห์กันบ้างครับ

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงต่ำ

พอร์ตการลงทุนระยะยาว (การวางแผนการลงทุนในระยะยาว)

  • หุ้นไทย 12%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 44%
  • ตราสารหนี้ไทย 44%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น (การปรับพอร์ตตามสถานการณ์)

  • หุ้นไทย 12%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 40%
  • ตราสารหนี้ไทย 48%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงกลาง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว (การวางแผนการลงทุนในระยะยาว)

  • หุ้นต่างประเทศ 24%
  • หุ้นไทย 30%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 20%
  • ตราสารหนี้ไทย 20%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 6%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น (การปรับพอร์ตตามสถานการณ์)

  • หุ้นต่างประเทศ 26%
  • หุ้นไทย 30%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 13%
  • ตราสารหนี้ไทย 25%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 3%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 3%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงสูง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว (การวางแผนการลงทุนในระยะยาว)

  • หุ้นต่างประเทศ 40%
  • หุ้นไทย 42%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 5%
  • ตราสารหนี้ไทย 5%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 8%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น (การปรับพอร์ตตามสถานการณ์)

  • หุ้นต่างประเทศ 42%
  • หุ้นไทย 42%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 2%
  • ตราสารหนี้ไทย 6%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 4%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 4%

หมายเหตุ : “ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน” ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 26 เม.ย. 2561

ทั้งนี้ เอกสารนี้จัดทำโดย นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดสรรสินทรัพย์และกองทุนต่างประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเผยแพร่ทั่วไป โดยข้อคิดเห็นและบทความในเอกสารฉบับนี้ เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ผู้ใช้ข้อมูลนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยตนเอง