สวัสดีครับผม!!! อัศวินกองทุน ยุค Digital กลับมาแล้วครับ

สำหรับสัปดาห์นี้ สถานการณ์โดยรวมยังคงคล้ายๆกับสัปดาห์ที่ผ่านมาครับ อ่านย้อนหลังคลิก

แต่ว่า...ตลาดหุ้นไทยที่ดีดมาจะน่าสะสมอีกครั้งหรือไม่? และตลาดหุ้นยุโรปจะถึงช่วงที่น่าเข้าไปสะสมแล้วหรือเปล่า? ติดตามได้ในบทความนี้เลยครับ

Focus ประเทศน่าลงทุนประจำสัปดาห์ที่ 23-27 เมษายน 2561

  • Focus : ตลาดหุ้นยุโรป
  • ความน่าสนใจ : ราคาหุ้นต่ำลงจนน่าสะสม แถมผลประกอบการยังดีกว่าที่ตลาดคาดไว้

สัปดาห์นี้ยังเหมือนเคย สามารถทยอยสะสมหุ้นได้หลายตลาดครับ (ยกเว้นแต่เกาหลี) แต่สำหรับตลาดที่น่าสนใจตอนนี้ขอมอบให้ยุโรปนะครับผม

Scan การปรับตัวตลาดหุ้นทั่วโลก

  • ผลของถ้อยแถลงของประธานาธิบดี 'Xi Jinping' ของจีนในงาน Boao Forum ที่สนับสนุนการค้าเสรี และอาจจะลดภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผลมาจากสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้ยังมองว่า A-SHARE นั้นเป็นตลาดที่สามารถสะสมได้ต่อ และส่งผลดีต่อทั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯและจีน ที่ดูเหมือนว่าจะทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงไปครับ
  • ทางด้านยุโรปเอง ตอนนี้ผมมองว่า Valuation หุ้นยุโรปกลับมามีความน่าสนใจให้เข้าซื้อ แม้ว่าทาง ECB จะส่งสัญญาณลด QE ก็น่าจะไม่มีผลกระทบเท่าไร เมื่อเทียบกับผลประกอบการที่ค่อนข้างดีและมูลค่าของหุ้นที่ลงมาในตอนนี้ เป็นโอกาสดีในการเข้าซื้อ
  • ส่วนตลาดหุ้นเกาหลียังคงแนะนำให้ชะลอการลงทุนไปก่อน เนื่องจากเป็นกลุ่มที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก เมื่อดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น อ่อนตัวลงต่อเนื่อง สะท้อนถึงความต้องการ การนำเข้าที่จะลดลง ทำให้ส่งผลกระทบต่อเกาหลีมากกว่าตลาดอื่นๆ
  • ขณะเดียวกัน ทางด้านตราสารหนี้ แนะนำให้ทยอยเพิ่มการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวต่างประเทศ เนื่องจากตลาดได้ซึมซับข่าว FED ขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ไว้มากแล้ว ขณะที่ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสหรัฐฯ ซีเรีย และรัสเซีย จะส่งผลให้ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น จึงถือเป็นโอกาสครับผม

Insight ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

ตอนนี้ยังสามารถทยอยสะสมหุ้นสหรัฐฯ ต่อไปครับ ผมมองว่าความกังวลต่อผลกระทบของมาตรการการกีดกันทางการค้าเป็นหลัก ซึ่งถ้าหากสถานการณ์มีแนวโน้มจะดีขึ้น ยิ่งเป็นการดีครับ เพราะระยะยาวนี้ยังดูสดใสอยู่ครับ

สรุปสั้นๆ : สะสมกันต่อไปครับผม

Insight ตลาดหุ้นยุโรป

ตอนนี้ผมมองว่าราคาของหุ้นยุโรปได้ลงมามากแล้วครับ จากผลประกอบการหุ้นยุโรปมีโอกาสออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ทำให้ Valuation ของหุ้นยุโรปกลับมามีความน่าสนใจ แถมทางตลาดเองได้คาดการณ์ว่า ECB จะลดนโยบายกระตุ้น ไว้มากแล้ว ซึ่งต่อให้ทาง ECB ส่งสัญญาณลด QE ก็ยังจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไม่มากครับ

สรุปสั้นๆ : จังหวะซื้อมาแล้วครับ!

Insight ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

สำหรับสัปดาห์นี้สถานการณ์ของตลาดหุ้นญี่ปุ่นเริ่มมีการปรับตัวขึ้นครับ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีครับ  มองว่าในระยะยาวดูเหมือนว่าตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่จะไปต่อได้ครับ ยังคงแนะนำให้สะสมต่อไปครับ

ทยอยสะสมตามภาพได้เลยครับผม

Insight ตลาดหุ้นอินเดีย

สำหรับสัปดาห์นี้ ยังแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นอินเดียต่อไปเหมือนสัปดาห์ก่อนครับ แม่ว่าภาพรวมของตลาดหุ้นอินเดียที่ผ่านมามีความผันผวนบ้าง แต่ระยะยาวแล้วยังดูน่าสนใจครับ

สรุปสั้นๆ : สะสมเพิ่มต่อไปครับผม

Insight ตลาดหุ้นเกาหลี

ตอนนี้คำแนะนำเป็นชะลอการลงทุนหุ้นเกาหลีอยู่นะครับ จากตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของเดือนที่ผ่านมาของประเทศคู่ค้าหลัก เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และยุโรป ออกมาชะลอตัวลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกเกาหลีให้ชะลอตัวลงตามไปด้วย แหม่...แบบนี้ถือว่าสถานการณ์ยังไม่ค่อยดีเท่าไรครับ

นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนของสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนนั้น อาจส่งผลกระทบต่อประเทศที่มีสัดส่วนการส่งออกสูงอย่างเกาหลีตามที่ผมเคยบอกไว้นั่นแหละครับ

สรุปสั้นๆ : ชะลอก่อนนะครับ

Insight ตลาดหุ้นไทย

สำหรับสัปดาห์นี้ ผมแนะนำให้หาจังหวะทยอยสะสมหุ้นไทยต่อไปครับ จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ประกอบกับเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นจะช่วยสนับสนุนผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนอื่นๆ ให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป เอ้า แบบนี้จัดได้จัดไปครับ เย้!!

สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมจ้า ปู่กลับมาแล้วจ๊ะ

Insight ตลาดหุ้นจีน

จังหวะนี้ผมขอแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นจีน A-SHARE ได้ต่อครับ ตอนนี้สถานการณ์ยังเป็นเหตุผลเดียวกันกับสัปดาห์ก่อน เนื่องจากทางประธานาธิบดี Xi Jinping ของจีน มีถ้อยแถลงในงาน Boao Forum ที่สนับสนุนการค้าเสรี และอาจจะลดภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐฯ

ความผ่อนคลายที่ว่านี้ทำให้ผมมองว่าว่าสหรัฐฯ และจีนจะสามารถเจรจาข้อตกลงทางการค้ากันได้ ทำให้การปรับตัวลงของตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมาจากความกังวลสงครามการค้าเป็นโอกาสให้ทยอยสะสมอยู่ครับ จัดไปได้เลยจ้า

สรุปสั้นๆ : สะสมกันเถอะพวกเรา

คำแนะนำเพิ่มเติม : หุ้นตลาดเกิดใหม่ และหุ้นโกลบอล Global Population Trend

สัปดาห์นี้แนะนำทั้งหุ้นเกิดใหม่และ หุ้นโกลบอล Global Population Trend เนื่องจากหุ้นทั้งสองกลุ่มนี้จะได้ประโยชน์จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลก และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวดีขึ้น พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากรโลก ทั้งการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรที่มากขึ้นในอนาคตนี้ครับ

สรุปสั้นๆ : สะสมไว้ เป็นอีกกลุ่มที่น่าสนใจ!!

แนะนำการลงทุนประจำสัปดาห์ จากอัศวินกองทุน

  • ตลาดตราสารทุน : แนะนำให้ทยอยสะสมทุกตลาด ยกเว้นเกาหลี
  • ตลาดตราสารหนี้ : แนะนำคงการลงทุนตราสารหนี้ระยะยาวต่างประเทศ ส่วน
  • ตราสารหนี้ไทย : เน้นหุ้นกู้เอกชนเป็นหลัก
  • สินทรัพย์ทางเลือก : หาจังหวะทยอยสะสมทั้งทองคำและน้ำมันเพิ่มเติม

เรามาดูสัดส่วนการลงทุนที่แนะนำประจำสัปดาห์กันบ้างครับ

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงต่ำ

พอร์ตการลงทุนระยะยาว (การวางแผนการลงทุนในระยะยาว)

  • หุ้นไทย 12%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 44%
  • ตราสารหนี้ไทย 44%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น (การปรับพอร์ตตามสถานการณ์)

  • หุ้นไทย 12%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 40%
  • ตราสารหนี้ไทย 48%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงกลาง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว (การวางแผนการลงทุนในระยะยาว)

  • หุ้นต่างประเทศ 24%
  • หุ้นไทย 30%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 20%
  • ตราสารหนี้ไทย 20%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 6%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น (การปรับพอร์ตตามสถานการณ์)

  • หุ้นต่างประเทศ 26%
  • หุ้นไทย 30%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 13%
  • ตราสารหนี้ไทย 25%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 3%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 3%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงสูง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว (การวางแผนการลงทุนในระยะยาว)

  • หุ้นต่างประเทศ 40%
  • หุ้นไทย 42%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 5%
  • ตราสารหนี้ไทย 5%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 8%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น (การปรับพอร์ตตามสถานการณ์)

  • หุ้นต่างประเทศ 42%
  • หุ้นไทย 42%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 2%
  • ตราสารหนี้ไทย 6%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 4%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 4%

หมายเหตุ : “ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน” ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 18 เม.ย. 2561

ทั้งนี้ เอกสารนี้จัดทำโดย นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดสรรสินทรัพย์และกองทุนต่างประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเผยแพร่ทั่วไป โดยข้อคิดเห็นและบทความในเอกสารฉบับนี้ เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ผู้ใช้ข้อมูลนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยตนเอง