สวัสดีครับ กลับมาเจอกันอีกครั้งกับคอลัมน์ Weekly Outlook สรุปและอัพเดทกลยุทธ์การลงทุนประจำสัปดาห์ กับผม อัศวินกองทุน เจ้าเก่ากันอีกแล้วครับ ต้องบอกตรงๆครับว่า ตั้งแต่เข้าสู่ช่วงปลายปีแบบนี้ มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเกิดขึ้นครับ นักลงทุนทุกคนต้องเตรียมตัวรับสถานการณ์ไว้ให้ดี เอาล่ะครับ มาดูกันดีกว่าครับว่า สัปดาห์นี้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง

ภาพรวมของตลาด

โดยรวมแล้ว จากข้อมูลต่างๆพบว่า ตลาดหุ้นในภูมิภาคหลักๆปรับตัวดีขึ้นหลังจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือลดลง เนื่องจากที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงสหรัฐฯ ระบุว่าจะใช้แนวทางทางการฑูตเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้ง ซึ่งผมก็หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดีนะครับ

เริ่มต้นดูกันที่พี่ใหญ่อย่างตลาดหุ้นสหรัฐ ที่ยังคงมีการปรับตัวลดลง จากความกังวลต่อโอกาสสำเร็จด้านนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ลดลงเช่นเดียวกัน หลังจากที่ปรึกษาจากบริษัทจดทะเบียนต่างๆ ทยอยลาออกจากการเป็นที่ปรึกษา อืมมม ดูท่าจะต้องระวังไว้เหมือนกันนะครับเนี่ย

ส่วนพี่ใหญ่ทางฝั่งเอเชียอย่างตลาดหุ้นญี่ปุ่นก็มีการปรับตัวลดลงเช่นเดียวกันครับ เนื่องจากค่าเงินเยนที่ยังมีแนวโน้มปรับตัวแข็งค่าหลังจากรายงานการประชุมของ FED มีท่าทีอ่อนลงต่อการขึ้นดอกเบี้ย และความกังวลต่อผลการประชุมเกี่ยวกับข้อตกลงทางการค้า NAFTA ซึ่งกดดันหุ้นในกลุ่มรถยนต์ ทำให้ดูเหมือนว่าจะไปไม่สวยสักเท่าไหร่ครับ

ส่วนทางฝั่งสินทรัพย์ทางเลือกอย่างทองคำ พบว่ามีการปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมีความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัยจากเหตุก่อการณ์ร้ายในกรุงบาร์เซโลนาในประเทศสเปน ประกอบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนตัวลง ส่วนราคาน้ำมันยังคงปรับตัวลง เนื่องจากปริมาณอุปทานน้ำมันในกลุ่มโอเปกสูงขึ้น หลังจากที่มีรายงานประกาศว่าลิเบียและไนจีเรียได้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันครับ

ภาพรวมสัปดาห์นี้เหมือนตลาดใหญ่ๆ ดูท่าจะยังทรงๆ ทรุดๆ ต่อไป เรามาดูกันว่ากลยุทธ์ลงทุนควรจะเป็นแบบไหนยังไงกันต่อดีกว่าครับ

กลยุทธ์ลงทุนในตลาดตราสารทุน

ตลาดหุ้นจีน H-share

สัปดาห์นี้ผมขอแนะนำให้กลับมาซื้อหุ้นจีน H-share ครับ หลังจากที่ตลาดหุ้นมีการปรับฐานในช่วงผ่านมา ทำให้มูลค่าพื้นฐานมีความน่าสนใจมากขึ้น โดยคาดว่าเศรษฐกิจจีนที่ขยายตัวดีต่อเนื่องในช่วงแรกของปี โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม จะส่งผลให้ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในดัชนี H-share ที่กำลังทยอยประกาศขยายตัวดีต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่ผ่านมาครับ

ตลาดหุ้นเกิดใหม่

เหมือนเดิมต่อไป เมื่อพี่ใหญ่ไม่ค่อยดี สัปดาห์นี้ผมขอแนะนำให้เข้าทยอยสะสมหุ้นประเทศเกิดใหม่เอเชียต่อไปครับ โดยมาจากปัจจัยค่าเงินดอลลาร์ที่ยังสนับสนุนการลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่อยู่ หลังจากบันทึกการประชุม FED เดือน ก.ค. ชี้ว่าคณะกรรมการหลายท่านยังไม่สนับสนุนให้รีบขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ค่าเงินดอลลาร์ขาดปัจจัยสนับสนุนให้แข็งค่า นอกจากนี้ปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นเกิดใหม่มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่องครับ เช่น ตัวเลขการส่งออกที่ขยายตัวต่อเนื่องตามความต้องการจากประเทศพัฒนาแล้ว เป็นปัจจัยสนับสนุนโดยตรงต่อประเทศ เช่น เกาหลี จีน และไทย

ผมมองว่าสาเหตุที่มูลค่าพื้นฐานของตลาดหุ้นเอเชียที่ยังไม่สูงมาก เป็นการสะท้อนว่านักลงทุนบางส่วนไม่ได้คาดการณ์แนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัทไว้ ทำให้ตลาดมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีก นอกจากนี้เศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีนที่มีแนวโน้มดีขึ้นจะเป็นปัจจัยบวกต่อบรรยากาศการลงทุนและเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อประเทศในภูมิภาคเอเชียด้วยครับ

ตลาดหุ้นสหรัฐ

จากท่าทีตอนนี้ ยังคงแนะนำให้ชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯไปอีกสักพักครับ เนื่องจากมูลค่าพื้นฐานที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่ตลาดขาดปัจจัยหนุนในระยะสั้นหลังจากบริษัทส่วนใหญ่ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาสสองเสร็จสิ้นแล้ว นอกจากนี้ การโต้ตอบของ ปธน.ทรัมป์ต่อความเคลื่อนไหวของเกาหลีเหนือ อาจทำให้นักลงทุนขาดความมั่นใจและทำการขายหุ้นมากขึ้น ดังนั้นรอดูท่าทีกันไปสักระยะก่อนครับ

ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

เช่นเดียวกันครับ ผมแนะนำให้ชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นซึ่งอาจถูกกดดันจากค่าเงินเยนแข็งค่า โดยค่าเงินเยนมีปัจจัยสนับสนุนให้แข็งค่าหลายปัจจัย เช่น ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีอาจทำให้ความต้องการเงินเยนซึ่งมีสถานะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น และธนาคารกลางสหรัฐฯ ไม่ได้ส่งสัญญาณรีบขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ค. ทำให้ค่าเงินดอลลาร์มีทิศทางอ่อนค่าลง ซึ่งเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่นครับ

สรุปคำแนะนำการลงทุนในสัปดาห์นี้

ตลาดเกิดใหม่ทั้งหลายยังคงน่าสนใจอยู่ครับ ใครที่มีแล้วก็จัดเพิ่ม ใครที่ยังไม่มีก็จัดไปให้ครบครับผม

กลยุทธ์ลงทุนในตลาดตราสารหนี้

ตราสารหนี้สหรัฐฯ

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงหลังจากบันทึกการประชุม FED ชี้ว่ากรรมการบางท่านยังคงกังวลต่อแนวโน้มเงินเฟ้อที่ยังต่ำกว่าเป้า ทั้งนี้ตลาดกลับมากังวลเพิ่มเติมในกรณีที่ ปธน. ทรัมป์ ยกเลิกกลุ่มปรึกษาด้านเอกชน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความล่าช้าในนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น ปฏิรูปภาษี และโครงการโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะส่งผลบวกต่อการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวครับ

ตราสารหนี้ไทย

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 1-2 ปี ปรับตัวขึ้นหลัง กนง. มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% ทั้งนี้ปัจจัยภายนอกยังเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในตราสารหนี้ อย่างไรก็ตามระดับผลตอบแทนปัจจุบันค่อนข้างใกล้อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยจะปรับตัวขึ้นอยู่ครับ ดังนั้นต้องดูให้ดีๆก่อนตัดสินใจเช่นกันครับ

สรุปคำแนะนำการลงทุนในสัปดาห์นี้

จากสาเหตุทั้งหมด ผมยังมองว่าการลงทุนที่ดีที่สุดสำหรับตราสารหนี้ คือ เน้นกระจายการลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ ที่มีนโยบายลงทุนใน เงินฝาก ตราสารหนี้ที่มีคุณภาพ ตราสารหนี้ภาคเอกชน ภาครัฐ สถาบันการเงิน และให้ผลตอบแทนที่ดีแทนครับ

กลยุทธ์ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก

ทองคำ

จากสถานการณ์ที่ไม่สงบสักเท่าไร ผมขอแนะนำให้มีทองคำในพอร์ตเพื่อการกระจายความเสี่ยงจากความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ คณะกรรมการ FED หลายท่านยังไม่สนับสนุนให้รีบขึ้นดอกเบี้ยเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง ทำให้ค่าเงินดอลลาร์ขาดปัจจัยสนับสนุน ลดแรงกดดันต่อราคาทองคำอีกด้วยครับ

น้ำมัน

ยังแนะนำให้ชะลอการลงทุนในน้ำมันไปสักระยะครับ เนื่องจากราคาที่ปรับตัวขึ้นมาเร็ว สะท้อนว่าตลาดได้คาดการณ์ความต้องการของสหรัฐฯ ช่วง driving season ไว้มากแล้ว นอกจากนี้ กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากสหรัฐฯ และโอเปค จะทำให้ตลาดน้ำมันเข้าสู่ภาวะสมดุลช้าลง

สรุปคำแนะนำการลงทุนในสัปดาห์นี้

ขอแนะนำให้ทยอยสะสมทองคำ แต่ชะลอการลงทุนในน้ำมัน

สำหรับภาพรวมโดยสรุปของสัปดาห์นี้

ยังคงวนๆเวียนๆอยู่ที่กลุ่มประเทศเกิดใหม่เอเชียกันต่อไปครับ สำหรับกลุ่มประเทศที่พัฒนา การรอดูท่าทีน่าจะดีกว่าครับ

เพราะไม่แน่เหมือนกันว่าจะต้องรอกันยาวๆหรือเปล่าสำหรับปีนี้ และสุดท้ายที่สำคัญคือ ป้องกันความเสี่ยงของพอร์ทด้วยการกระจายลงทุนในทองคำไว้ด้วยนะครับ

โดยส่วนตัวแล้ว ผมหวังว่าสัปดาห์หน้าเหตุการณ์ต่างๆจะดีขึ้นกว่านี้ครับ โดยเฉพาะในกลุ่มของประเทศพัฒนา ยังไงเราคงต้องมารอลุ้นกันล่ะครับว่าจะเป็นแบบนั้นได้จริงหรือเปล่า … เฮ้อ สาธุ

สุดท้ายนี้ ต้องลาไปก่อนครับ แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้ากับ อัศวินกองทุน และมุมมองการลงทุนที่จะทำให้เข้าใจการลงทุนได้ด้วยการกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสมครับ

หมายเหตุ : *ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 17 ส.ค. 2560 ทั้งนี้ เอกสารนี้จัดทำเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเผยแพร่ทั่วไป ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อชักชวน ชี้นำ หรือ เสนอซื้อ-ขาย หลักทรัพย์ใดๆ จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็นหรือคำแนะนำในการตัดสินใจการลงทุนทางการเงิน และทางธุรกิจแต่อย่างใดโดยสิ้นเชิง ผู้ใช้ข้อมูลนี้ต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยตนเอง