สวัสดีครับผม!!! อัศวินกองทุนยุค Digital กลับมาแล้วครับ

สัปดาห์นี้เรามาเจาะที่ตลาดหลัก 5 ตลาดนี้ เนื่องจากยังมีความน่าสนใจอยู่ และมีโอกาสไปต่อครับ ส่วนที่เหลือให้หยุดพักดูท่าทีสักระยะครับผม

สรุปประเด็นทุกตลาดสำคัญที่น่าสนใจลงทุน พร้อมกับมุมมองแบบนี้ได้ทุกสัปดาห์ ที่นี่ที่เดียวครับ

Focus ประเทศน่าลงทุนประจำสัปดาห์ที่ 27-31 สิงหาคม 2561

ทยอยสะสมหุ้นสหรัฐฯ หุ้นยุโรป หุ้นญี่ปุ่น หุ้นไทย และหุ้นอินเดีย

เหตุผล : ตลาดพัฒนายังน่าสนใจอยู่ ส่วนตลาดเกิดใหม่ให้ชะลอไป ยกเว้นไทยกับอินเดีย

Focus : ทุกตลาดตามที่ว่ามาแต่ใช้กลยุทธ์ทยอยสะสม

ความน่าสนใจ : วิกฤตชั่วคราวของตลาดตุรกี ทำให้ตลาดเกิดใหม่หลายที่ไม่น่าสนใจ ประกอบกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ทำให้ต้องเลือกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบน้อยและมีโอกาสเติบโต

Scan การปรับตัวตลาดหุ้นทั่วโลก

ตอนนี้ต้องระมัดระวังการลงทุนในตลาดเกิดใหม่จากความเสี่ยงที่ตุรกีอาจผิดนัดชำระหนี้ และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ โดยแนะนำให้เน้นลงทุนในตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้วที่ปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งเป็นหลักครับ

สำหรับคนที่มีทองคำ แนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุนในทองคำ จากการดำเนินนโยบายการเงินที่ตึงตัวมากขึ้นจาก FED และ ECB ทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และลดความน่าสนใจของการลงทุนในทองคำไปครับ

แม้ว่าจะมีเหตุการณ์เข้ามามีผลกระทบมากมาย (หรือทำตัวเองก็ไม่รู้) และสถานการณ์เหมือนจะมีปัญหากับหลายฝ่าย

แต่สหรัฐฯ เอง มีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจากการบริโภคในประเทศและการลงทุนเอกชนอยู่ครับ  ประกอบกับนโยบายการลดภาษีนั้น จะส่งผลบวกต่อการขยายตัวเศรษฐกิจต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนต่อไปอีกด้วยครับ

เหมือนกับพี่ใหญ่ที่ทะเลาะกับหลายคน แต่ตัวเองพื้นฐานแน่นอยู่ ดังนั้นทยอยสะสมไปได้ครับ

สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมต่อครับ

เหมือนเดิมมาสักระยะ และจะเป็นแบบนี้ต่อไปครับ เพราะผมเชื่อว่าการสะสมหุ้นยุโรปขนาดเล็กนั้นจะให้ประโยชน์ในระยะยาว จากเหตุผลที่เคยบอกไปแล้วครับว่า ถ้ามีปัญหาจะได้รับกระทบน้อยกว่าแน่ๆ แม้ว่าสหรัฐฯ ขึ้นกำแพงภาษีสินค้าจากยุโรป ซึ่งกลุ่มนี้ถือว่ามีความแข็งแกร่งในตัวเองสูงครับ

ประกอบกับ ECB ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจในประเทศ ดังนั้นยุโรปยังน่าสนใจอยู่ครับผม

สรุปสั้นๆ : สะสมต่อไป แต่ขอให้โฟกัสที่หุ้นเล็กเป็นหลักจ้า

ยังสะสมต่อได้นะครับผม จากมุมมองที่ว่าผลประกอบการบริษัทที่ขยายตัวแข็งแกร่ง และจากแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการบริษัทส่งออกญี่ปุ่นให้เติบโตมากขึ้นครับ  

สรุปสั้นๆ : กลับมาแล้วครับ สะสมญี่ปุ่นต่อได้เลยจ้า

หลังจากที่สะสมมาสักพัก ผมว่าจังหวะนี้เราควรจะหยุดรอโอกาสแป๊บนึงครับ เพื่อความปลอดภัยต่อพอร์ทการลงทุนของตัวเอง หลังจากการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ  และจีนยังไม่มีความคืบหน้า ซึ่งจะกระทบกับธุรกิจที่พึ่งพาการส่งออกของเกาหลี และนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ได้มีการปรับประมาณการผลประกอบการของเกาหลีลง

แม้ว่าช่วงก่อนหน้าจะมองว่าเป็นจุดกลับตัว แต่เพื่อความชัวร์ไม่ให้เจอกลับตัวที่ต่ำกว่านี้ ควรรอดูท่าทีก่อนดีกว่าครับ

สรุปสั้นๆ : หยุดสักพักก่อนนะครับ

ยังน่าสนใจด้วยเหตุผลเดิมครับ เนื่องจากรัฐบาลประกาศลดอัตราการเก็บภาษี Goods and Services Tax สำหรับสินค้ากว่า 50 รายการ เพื่อเพิ่มคะแนนนิยมให้กับพรรครัฐบาลเพื่อการเลือกตั้งในปีหน้ามาสักระยะ ทำให้หุ้นอินเดียตอนนี้น่าสนใจอยู่ครับ เพราะที่ไหนมีภาษีลด ที่นั่นย่อมมีการบริโภคเพิ่มขึ้น และส่งผลต่อตัวเลขที่ดีขึ้นผลประกอบการแน่นอนครับผม

สรุปสั้นๆ : สะสมต่อไปครับ

ทยอยสะสมได้เรื่อยๆ ครับสำหรับหุ้นไทย จากภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศมีสัญญาณดีขึ้นจากทั้งการบริโภคครัวเรือน และการลงทุนเอกชน จะช่วยให้รายได้บริษัทจดทะเบียนในภาพรวมยังคงขยายตัวได้ดีขึ้นครับ

ช่วงนี้ผมเองก็มองว่าเป็นจังหวะเวลาที่คนสนใจจะวางแผนภาษี เริ่มลงทุนเพื่อสิทธิ์ลดหย่อนต่างๆ  ดังนั้นอาจเป็นช่วงที่เงินไหลเข้าจาก LTF อีกทางหนึ่งครับ

แม้ว่าจะผันผวน แต่ยังอยากชวนให้สะสมต่อครับ เพราะเชื่อว่าระยะยาวนั้นมันมีอะไรดีๆ รออยู่แน่นอนครับ

สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมกันต่อไปจ้า

อาทิตย์ก่อนเตือนให้นักลงทุนระวังเรื่องของการผันผวนที่เกิดขึ้นไปแล้วครับ แต่อาทิตย์นี้ผมมองว่าจากสถานการณ์ประเด็นสงครามการค้าสหรัฐฯ  ที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ ซึ่งยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นจีนอยู่เรื่อยๆ  ประกอบกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงมากกว่าคาด และผลประกอบการหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ค่อนข้างน่าผิดหวัง ดังนั้นควรจะหยุดดูท่าทีไปก่อนครับ

สรุปสั้นๆ : ขอหยุดก่อนนะครับ

แนะนำการลงทุนประจำสัปดาห์

ตลาดตราสารทุน :  ทยอยสะสมหุ้นสหรัฐฯ หุ้นยุโรป หุ้นญี่ปุ่น หุ้นไทย และหุ้นอินเดีย

ตลาดตราสารหนี้ : แนะนำลงทุนตราสารหนี้ High Yield สหรัฐฯ ส่วนตราสารหนี้ไทยแนะนำให้ซื้อตราสารหนี้ไทยระยะสั้น

สินทรัพย์ทางเลือก : ชะลอการลงทุนในทองคำ แต่ทยอยสะสมน้ำมัน

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงต่ำ

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นไทย 12%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 44%
  • ตราสารหนี้ไทย 44%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นไทย 12%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 44%
  • ตราสารหนี้ไทย 44%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงกลาง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นต่างประเทศ 24%
  • หุ้นไทย 30%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 20%
  • ตราสารหนี้ไทย 20%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 6%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นต่างประเทศ 24%
  • หุ้นไทย 30%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 20%
  • ตราสารหนี้ไทย 22%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 1%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 3%

สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงสูง

พอร์ตการลงทุนระยะยาว

  • หุ้นต่างประเทศ 40%
  • หุ้นไทย 42%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 5%
  • ตราสารหนี้ไทย 5%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ 8%

พอร์ตการลงทุนระยะสั้น

  • หุ้นต่างประเทศ 40%
  • หุ้นไทย 42%
  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ 5%
  • ตราสารหนี้ไทย 8%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 1%
  • สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 4%

“ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน” ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 23 สิงหาคม 2561

ทั้งนี้ เอกสารนี้จัดทำโดย นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดสรรสินทรัพย์และกองทุนต่างประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเผยแพร่ทั่วไป

โดยข้อคิดเห็นและบทความในเอกสารฉบับนี้ เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ผู้ใช้ข้อมูลนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยตนเอง