สวัสดีครับผม กลับมาพบกับผม “อัศวินกองทุน” กันอีกครั้งครับ สำหรับสัปดาห์นี้ก็เป็นสัปดาห์ที่ 4 แล้ว เดือนมกราคมกำลังจะหมดไป เดือนใหม่กำลังจะมา เรามาดูกันครับว่าสำหรับสัปดาห์นี้เราควรจะเริ่มต้นอย่างไรบ้าง เรามาเริ่มกันที่ภาพรวมตลาดกันก่อนเลยครับ
ภาพรวมของตลาด
ทางด้าน ตลาดหุ้นจีน ปรับตัวขึ้นจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น ค่าเงินดอลลาร์ที่ยังคงอ่อนค่าและตัวเลขเศรษฐกิจที่ยังคงออกมาดีต่อเนื่อง ดูแล้วเหมือนจะพุ่งแรงจริงๆ ครับสำหรับแดนมังกรในตอนนี้
ส่วนทาง ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นหลังจากบริษัทจดทะเบียนเริ่มทยอยประกาศผลประกอบการ ซึ่งส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แบบนี้ขึ้นต่อก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแล้วล่ะครับ
กลับมาที่ฝั่งบ้านเรากันบ้าง SET ตลาดหุ้นไทย ทรงตัวจากความกังวลของการเลื่อนการเลือกตั้ง ในขณะที่ผลประกอบการเริ่มทยอยประกาศออกมาให้ลุ้นอย่างต่อเนื่อง ตรงนี้อาจจะเป็นสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนหรือเปล่า งานนี้ต้องดูกันต่อไปครับ
ย้ายมาทางด้าน ตลาดหุ้นญี่ปุ่น กันบ้าง มีการปรับตัวลงจากค่าเงินเยนที่แข็งค่า หลังจากตลาดมีความกังวลต่อธนาคารกลางญี่ปุ่นที่อาจจะลดปริมาณการทำ QE ลง แบบนี้จะอยู่จะไปยังไงครับ ต้องติดตามกันต่อครับ
สินทรัพย์ทางเลือกไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากครับ ราคาทองคำ ปรับตัวขึ้นจากค่าเงินดอลลาร์ที่ยังคงอ่อนค่า
ส่วน ราคาน้ำมัน ยังปรับขึ้นหลังปริมาณสำรองน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 10 ติดต่อกัน
สถานการณ์โดยรวมเป็นแบบนี้ ตอนนี้เรามาดูกันต่อเลยครับ สำหรับกลยุทธ์ในการลงทุนประจำสัปดาห์
กลยุทธ์ลงทุนในตลาดตราสารทุน
- ตลาดหุ้นไทย : จากเศรษฐกิจที่มีสัญญาณดีขึ้นในหลายภาคส่วน โดยเฉพาะการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่ส่งสัญญาณฟื้นตัว ในขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐที่คาดว่าเม็ดเงินในปี 61 จะสูงขึ้น รวมทั้งโครงการ EEC จะช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจและการลงทุนระยะถัดไป คำตอบของผมยังคงเป็น “ซื้อหุ้นไทย” ครับ
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ : เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ออกมาดี ในขณะที่บริษัทจดทะเบียนจะได้รับประโยชน์โดยตรงจากการปฏิรูปนโยบายภาษีสหรัฐฯ และแนวโน้มผลประกอบของบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวโน้มจะออกมาดีกว่าที่คาดไว้ โดยรวมเป็นแบบนี้ ผมมองว่ายังสะสมต่อไปได้อีกสักระยะครับ
- ตลาดหุ้นเกิดใหม่ : ถ้ามีเวลา ลองหาจังหวะทยอยสะสมจากตลาดหุ้นเกิดใหม่ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวดีขึ้น ช่วยสนับสนุนผลประกอบการบริษัท ขณะที่ทิศทางค่าเงินดอลลาร์ที่ยังคงอ่อนค่าจะช่วยสนับสนุน fund flow ให้เข้าลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ ดังนั้นถ้ามีเงิน ซื้อไว้ในกลุ่มนี้ไม่เสียหายครับ
- หุ้นโกลบอลเทคโนโลยี : เนื่องจากหุ้นในกลุ่มนี้จะได้ประโยชน์มากที่สุดจากการปฏิรูปนโยบายภาษีสหรัฐฯ นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเป็นอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มขยายตัวสูง จากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงรสนิยมของผู้บริโภคที่ใช้อินเตอร์เน็ต และเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นคำตอบของผมค้ือ “ซื้อ” ต่อไปครับ
สรุปคำแนะนำการลงทุนในตลาดหุ้นสัปดาห์นี้
แนะนำให้สะสมเพิ่ม 3 กลุ่ม นั่นคือ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตลาดหุ้นไทย และตลาดหุ้นเกิดใหม่ที่ได้รับผลกระทบทางบวกจากภาวะเศรษฐกิจโลกในปีนี้ครับ และถ้าใครสนใจกลุ่มเทคโนโลยีก็จัดต่อไปได้เช่นเดียวกันครับ
กลยุทธ์ลงทุนในตลาดตราสารหนี้
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ : ยังคงเน้นลงทุนตราสารหนี้บริษัทเอกชนประเภท High Yield สหรัฐฯจากเศรษฐกิจที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง สนับสนุนผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน โดยเน้นให้ลงทุนในตราสารระยะสั้นเป็นหลัก เพื่อลดผลกระทบจากภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นครับ
- ตราสารหนี้ไทย : เพิ่มการลงทุนในหุ้นกู้เอกชนเพื่อเพิ่มผลตอบแทน เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยมีอัตราผลตอบแทนค่อนข้างต่ำ นอกจากนี้เงินเฟ้อไทยยังคงต่ำกว่ากรอบของธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่จำเป็นต้องรีบขึ้นดอกเบี้ยครับ
สรุปคำแนะนำการลงทุนในตลาดตราสารหนี้สัปดาห์นี้
สำหรับตราสารหนี้ไทย แนะนำหุ้นกู้ครับ ส่วนตราสารหนี้ต่างประเทศยังคงเป็นตราสารหนี้สหรัฐฯ ที่มี high yield และ short duration เป็นหลักครับ
กลยุทธ์ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก
- ทองคำ : จากแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า เนื่องจากตลาดได้คาดการณ์ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ นโยบายลดภาษี รวมถึงการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ไว้มากแล้ว ทำให้ค่าเงินดอลลาร์ขาดปัจจัยหนุนให้แข็งค่า ดังนั้นควรสะสมต่อ และถือทองคำเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงครับ
- น้ำมัน :จากปริมาณสำรองน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง สะท้อนความต้องการน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับสูงตามภาวะเศรษฐกิจแข็งแกร่ง นอกจากนี้ความตึงเครียดทางการเมืองในตะวันออกกลาง จะยังเป็นปัจจัยช่วยสนับสนุนราคาน้ำมันให้ไปต่อได้ ดังนั้นทยอยสะสมต่อไปครับ
ภาพรวมโดยสรุปของสัปดาห์นี้
สำหรับสัปดาห์นี้ ทิศทางยังเป็น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นเกิดใหม่ เหมือนสัปดาห์ก่อนครับแต่เพิ่มสัดส่วนหุ้นไทยไปอีกหน่อยครับ
ส่วนตราสารหนี้ หรือ สินทรัพย์ทางเลือกนั้น ยังคงอยู่ในทิศทางเดิมครับ เพิ่มเติมแค่ส่วนของหุ้นกู้ที่ควรสะสมเพิ่มสำหรับตราสารหนี้ไทยเท่านั้นครับ
อย่าลืมนะครับว่า การลงทุนมีความเสี่ยง ดังนั้นอย่าลืมนำไปปรับใช้พิจารณาในการจัดพอร์ตของตัวเองอย่างเหมาะสมด้วยนะครับ เพื่อที่จะได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้น รวมถึงความสบายใจจากการกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ประกอบกันครับ
ขอให้ทุกคนโชคดีในการลงทุนครับ :)
หมายเหตุ : *ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 25 มกราคม 2561 ทั้งนี้ เอกสารนี้จัดทำเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเผยแพร่ทั่วไป ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อชักชวน ชี้นำ หรือ เสนอซื้อ-ขาย หลักทรัพย์ใดๆ จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็นหรือคำแนะนำในการตัดสินใจการลงทุนทางการเงิน และทางธุรกิจแต่อย่างใดโดยสิ้นเชิง ผู้ใช้ข้อมูลนี้ต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยตนเอง