การลงทุน ถือเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งในการสร้างรายได้ในปัจจุบัน เพราะด้วยแนวคิดพื้นฐานที่ว่าให้นำเงินไปต่อเงิน ซึ่งก็คือการนำเงินไปซื้อสินทรัพย์ต่างๆ แล้วรอให้วันหนึ่งสินทรัพย์นั้นงอกเงย และให้ผลตอบแทนออกมา ไม่ว่าจะเป็นในรูปดอกเบี้ย เงินปันผล ส่วนต่างราคา ค่าเช่า รวมไปถึงกระแสเงินสดในแบบอื่นๆ

แต่การลงทุนก็ถือว่าเป็นอีกศาสตร์หนึ่งที่มีความยากในตัวเอง เนื่องจากมันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและต้องใช้เวลาในการเอาใจใส่มากพอสมควร เพราะถึงแม้ว่าการลงทุนจะมีรูปแบบแนวคิดที่ง่าย แต่การนำเงินไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทนจริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยิ่งสำหรับคนที่จำเป็นต้องใส่ใจในงานประจำมาก และมีเวลาให้การลงทุนน้อย การลงทุนจะยิ่งยากเข้าไปใหญ่เพราะมีเวลาศึกษาน้อยลงไปอีก

กองทุนรวมจึงถือเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เหมาะสมสำหรับคนไม่มีเวลาเป็นอย่างยิ่ง เพราะกองทุนรวมเปรียบเสมือนการนำเงินไปฝากให้ผู้จัดการกองทุน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการลงทุนลงทุนแทนให้ แลกเปลี่ยนกับการเสียค่าธรรมเนียมให้กับผู้จัดการกองทุนเป็นค่าจ้าง

กองทุนรวมมีข้อดีข้อเสีย ดังต่อไปนี้

ข้อดี

1. นักลงทุนมีความรู้ด้านการลงทุนเพียงพื้นฐานก็ลงทุนได้

เนื่องจากกองทุนรวมพัฒนามาเพื่อนักลงทุนที่ไม่มีเวลาศึกษาการลงทุนอย่างลึกซึ้ง ผู้จัดการกองทุนมีหน้าที่ตัดสินใจในการลงทุนให้กับนักลงทุนรายย่อยเอง ดังนั้น นักลงทุนเพียงแค่ตัดสินใจเลือกกอง หรืออีกนัยหนึ่งคือการเลือกนโยบายการลงทุนและผู้จัดการกองทุนมาลงทุนให้เท่านั้น ที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญไป

2. นักลงทุนไม่ต้องติดตามตลอดเวลา

หากถ้าลงทุนเอง นักลงทุนจำเป็นต้องติดตามการลงทุนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้น อนุพันธ์ หรือสินทรัพย์ที่มีความซับซ้อน ในขณะที่กองทุนรวมไม่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะหน้าที่การติดตามการลงทุนเป็นของผู้จัดการกองทุนเป็นหลัก นักลงทุนมีหน้าที่เพียงเลือกกองทุนรวม และตัดสินใจซื้อเพิ่มหรือขายเท่านั้น

3. นโยบายการลงทุนมีหลากหลาย

การลงทุนผ่านกองทุนรวมมีเงื่อนไขการลงทุนที่หลากหลาย เนื่องจากกองทุนรวมเกิดจากการนำเงินของรายย่อยจำนวนมากมารวมกัน ทำให้มีเม็ดเงินขนาดใหญ่และมีอำนาจในการต่อรองการเข้าถึงสินทรัพย์บางประเภท เช่น การซื้อหุ้นต่างประเทศ หากนักลงทุนอยากลงทุนเอง อาจจะต้องเริ่มต้นซื้อหุ้นที่คำสั่งอย่างน้อยครั้งละ 500,000 บาท ในขณะที่กองทุนรวมอาจมีขั้นต่ำที่น้อยกว่านั้น เช่นครั้งละ 5,000 บาทเป็นต้น

ข้อเสีย

1. มีค่าธรรมเนียม

ในเมื่อข้อดีของกองทุนรวมคือการมีผู้จัดการกองทุนซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการลงทุนมาดูแลเงินแทนนักลงทุนรายย่อยนั้น สิ่งหนึ่งที่ต้องแลกก็คือค่าตอบแทนผู้ดูแลหรือที่เรียกว่าค่าธรรมเนียมของกองทุนรวมนั่นเอง ซึ่งจะมากหรือน้อยก็ขึ้นกับความยากง่ายในการบริหารกองทุนรวมประเภทนั้น

2. นักลงทุนไม่มีสิทธิ์กำหนดนโยบายกองทุนรวม

ข้อดีของการลงทุนผ่านกองทุนรวมคือมีคนตัดสินใจแทนให้ แต่ข้อเสียก็คือนักลงทุนไม่สามารถแทรกแซงการตัดสินใจเหล่านั้นได้ เพราะถือเป็นสิทธิ์ของผู้จัดการกองทุนในการบริหารเงิน นักลงทุนรายย่อยมีสิทธิ์แค่เลือกนโยบายการลงทุนตอนซื้อกองทุนเท่านั้น ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของผู้จัดการกองทุนจะดูแล

3. กองทุนรวม (ส่วนใหญ่) ไม่รับประกันเงินต้นและผลตอบแทน

กองทุนรวมเป็นเหมือนสินทรัพย์อื่นทั่วไป คือ ไม่สามารถรับประกันเงินต้นและผลตอบแทนที่จะได้รับได้ นักลงทุนต้องเข้าใจถึงความเสี่ยงและทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับเอง ดังนั้น สำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับการไม่เสื่อมสลายของเงินต้นมาก กองทุนรวมอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสม 100% ถึงแม้จะมีกองทุนรวมบางอย่างที่ใกล้เคียง สุดท้ายแล้ว นักลงทุนอาจต้องหารูปแบบการลงทุนที่เหมาะสมกับจริตของตัวเองมากที่สุด

ในมุมมองของลงทุนศาสตร์ กองทุนรวมไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดของทุกคน แต่กองทุนรวมเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนไม่มีเวลาและยังไม่พร้อมที่จะศึกษาเรื่องการลงทุนอย่างลึกซึ้ง 

อย่างที่นักลงทุนอันดับหนึ่งระดับอย่าง Warren Buffett ได้กล่าวไว้หลายต่อหลายครั้งว่า การลงทุนที่เหมาะสมกับผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านการลงทุนอย่างลึกซึ้งก็คือ กองทุนรวมดีๆ สักกอง

ลงทุนศาสตร์ - Investerest