“หุ้น” น่าจะถือเป็นคำยอดฮิตอีกคำหนึ่งในยุคสมัยนี้ กระแสการเล่นหุ้นหรือลงทุนในหุ้นนั้นเป็นนิยมกว่าสมัยสิบปีก่อนมาก เรียกได้ว่าไปเดินร้านหนังสือทีไร ต้องเจอหนังสือหุ้นติด Best Seller ทุกครั้งไป

ว่าแต่ที่จริงแล้วหุ้นคืออะไร                                                                   

หุ้น คือ สิทธิ์ในความเป็นเจ้าของกิจการ ยกตัวอย่างเช่น หากเราลงเงินกับเพื่อนคนละครึ่งเพื่อเปิดร้านกาแฟ เราจะมีสิทธิ์ในกิจการร้านกาแฟนี้ครึ่งหนึ่ง สิทธิ์นี้เองนี่แหละที่เรียกว่าหุ้น ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็หมายถึงหุ้นส่วนนี่เอง

ในสมัยอดีต กิจการมักจะอยู่ในรูปแบบเจ้าของคนเดียวหรือห้างหุ้นส่วนซึ่งเกิดจากการร่วมหุ้นกับจากหมู่คนใกล้ชิด แต่เมื่อโลกของทุนนิยมเติบโตมากขึ้น กิจการก็มีขนาดใหญ่มากขึ้น ระบบของหุ้นจึงถูกนำมาใช้เพื่อระดมทุนจากคนทั่วไปได้อย่างกว้างขวาง

พูดง่ายๆ คือ หุ้นก็คือความเป็นเจ้าของธุรกิจที่ถูกแบ่งขายออกมานั่นเอง

การลงทุนในหุ้นจึงเหมือนกับการลงทุนในกิจการ

หากต้องการเป็นเจ้าของร้านสะดวกซื้อ นักลงทุนอาจซื้อหุ้น CPALL เพื่อเป็นเจ้าของร้านสะดวกซื้อชื่อดังอย่างเซเว่นอีเลฟเว่นประเทศไทย หากต้องการเป็นเจ้าของโรงพยาบาล นักลงทุนอาจซื้อหุ้น BDMS เพื่อเป็นเจ้าของเครือโรงพยาบาลกรุงเทพดุสิตเวชการ เครือโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ณ เวลานี้

การลงทุนในหุ้นจึงเป็นเหมือนการทำธุรกิจอย่างเรียบง่าย

เพราะคุณไม่จำเป็นต้องลงทุนทั้งกายทั้งใจทั้งเวลาเหมือนเจ้าของธุรกิจ เพียงแต่วิเคราะห์หาสุดยอดธุรกิจ คุณก็สามารถซื้อหุ้นและเริ่มต้นเป็นเจ้าของกิจการได้เลย

เหตุผลที่เราจึงควรลงทุนในหุ้นจึงอธิบายได้ประมาณนี้

1. เริ่มต้นได้ด้วยเงินไม่มาก

ด้วยเงินหลักร้อยหลักพัน เราก็สามารถเป็นเจ้าของกิจการได้แล้ว แต่ถ้าลงทุนสร้างกิจการของตนเองอาจต้องใช้เงินหลายล้านสำหรับร้านค้าสะดวกซื้อสักร้าน หรือหลายร้อยล้านสำหรับโรงพยาบาลสักโรงหนึ่ง ดังนั้น หุ้นจึงเป็นทางเลือกในการทำธุรกิจที่ดี

2. สภาพคล่องสูงกว่าทำธุรกิจด้วยตนเอง

การลงทุนในหุ้นเปิดโอกาสให้เราซื้อหรือขายหุ้นได้แทบจะตลอดเวลา เรียกได้ว่ามีสภาพคล่องสูงค่อนข้างมาก ดังนั้น เราในฐานะนักลงทุนจึงสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจอะไรในช่วงเวลาไหน หรือในอีกนัยหนึ่งคือเราสามารถขายหุ้นออกไปได้ถ้าคิดว่าอนาคตของกิจการจะไม่ดี ต่างกับการทำธุรกิจส่วนตัว การขายกิจการทำออกไปได้ยากจนแทบเรียกว่าจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าธุรกิจไปไม่รอด กว่าจะเลิกกิจการได้ก็อาจจะสูญเสียเงินไปมาก

3. ไม่ต้องบริหารธุรกิจเอง

หากเราต้องการเป็นเจ้าของปั๊มน้ำมันสักปั๊มหนึ่ง เราอาจจะต้องทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจในการบริหารจัดการให้ปั๊มน้ำมันของเราได้ผลกำไรสูงที่สุด แต่สำหรับหุ้นแล้วไม่ใช่ เพราะเราสามารถปล่อยหน้าที่การบริหารกิจการให้เป็นของกรรมการบริษัท เราในฐานะเจ้าของมีหน้าที่เพียงติดตามการทำงานเท่านั้น หากการบริหารไม่มีประสิทธิภาพ อาจเสนอแนะได้ในการประชุมประจำปี หรืออาจขายหุ้นทิ้งเพื่อหาทางเลือกที่ดีกว่า

4. หุ้นสร้างผลตอบแทนได้ดี

ถ้าเลือกกิจการได้อย่างถูกต้องเหมาะสมแล้ว ในระยะยาวหุ้นเป็นสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุน โดยหุ้นจะให้ผลกำไรนักลงทุน 2 แบบด้วยกัน คือ กำไรจากส่วนต่างราคา เช่น ซื้อหุ้นมาในราคาหุ้นละ 10 บาทและขายออกไปในราคาหุ้นละ 12 บาท แบบนี้นักลงทุนจะได้กำไร 2 บาทต่อหุ้น และกำไรจากเงินปันผล โดยกิจการส่วนใหญ่จะมีการจ่ายเงินปันผลออกมาจากกำไรสุทธิ เราจะได้รับเงินที่ปันผลออกมาคล้ายได้รับดอกเบี้ยจากเงินฝากธนาคาร ซึ่งถ้ากิจการเติบโต เงินปันผลก็สามารถเติบโตได้อีกด้วย

หุ้นจึงเป็นทางเลือกที่ดีในการลงทุน

ถึงแม้ว่าจะเป็นการยากที่จะบอกว่าหุ้นเป็นการลงทุนที่ดีที่สุด เพราะนักลงทุนแต่ละคนย่อมเหมาะกับสินทรัพย์ที่ไม่เหมือนกัน แต่ด้วยลักษณะของหุ้นแล้ว หุ้นสามารถเหมาะกับนักลงทุนที่อยากมีกิจการเป็นของตนเองผ่านการถือหุ้น เหมาะกับนักลงทุนที่อยากได้เงินปันผลต่อเนื่องในระยะยาว รวมไปถึงเหมาะกับนักเก็งกำไรที่สร้างกำไรจากความผันผวนของราคาหุ้นในระยะสั้น

ลองศึกษาการลงทุนในหุ้นดู

เพราะถึงแม้การลงทุนจะมีเสี่ยง แต่การไม่ยอมรับความเสี่ยงก็อาจจะเป็นความเสี่ยงประเภทหนึ่งได้ด้วยเช่นกัน

ลงทุนศาสตร์ - Investerest