สวัสดีครับ กลับมาพบกับผม หมอนัท คลินิกกองทุน อีกครั้งครับ หลังจากผมกับคุณหนอม แห่ง  เพจ Taxbugnoms ได้ทำ Facebook live ในรายการ กองทุนไหนดีby ออมมันนี่ได้สักพัก ก็เริ่มมีคำถามเข้ามาพอสมควรครับ ว่าปัจจัยต่าง ๆ เช่น กองทุนจากผลตอบแทนย้อนหลังของกองทุน กับความผันผวน รวมถึงค่าธรรมเนียม และประเภทของสินทรัพย์ที่กองทุนถืออยู่นั้นเพียงพอในการเลือกกองทุนเพื่อลงทุนในระยะยาว ๆ แล้วหรือยัง ?

ถ้าใครที่ติดตามรายการกองทุนไหนดีอยู่ ก็คงจะพอทราบว่าผมจะพูดถึง ปัจจัยหนึ่งที่น่าสนใจ ประกอบด้วยเสมอ ๆ นั่นก็คือ แนวคิดการลงทุนของผู้จัดการกองทุนนั่นเองครับ และผมเชื่อว่า แนวคิด หรือ กระบวนการลงทุนที่ดี นั้นจะส่งผลให้ผลตอบแทนของกองทุนนั้นดีไปด้วยครับ

และ ที่สำคัญมาก ๆ ก็คือ แนวคิดการลงทุนของผู้จัดการกองทุนนั้นจะส่งผลต่อผลตอบแทนในอนาคตได้ค่อนข้างชัดเจนทีเดียวครับ ซึ่งจะแตกต่างจากข้อมูลอื่น ๆ ที่เราดูกันในปัจจุบันอย่างผลตอบแทนย้อนหลัง เพราะว่าข้อมูลส่วนใหญ่จะเป็นข้อมูลในอดีตนั่นเองครับ

ส่วนท่านไหนที่ยังไม่ได้ติดตาม หรือ ยังไม่ได้ดูย้อนหลัง กองทุนไหนดีแล้วละก็ ผมจะขอถือโอกาสนี้ เล่าให้ฟังผ่านบทความนี้ไปเลยละกันนะครับ

ในการเลือกกองทุนที่ดีเพื่อลงทุนระยะยาวนั้น นอกจากเราจะดูเรื่องของผลตอบแทน ความเสี่ยง และ ค่าธรรมเนียมแล้ว ประเด็นสำคัญที่จะทำให้เราสามารถลงทุนแล้วได้กองทุนที่ถูกใจ อยู่กันไปแล้วไม่ทุกข์ทน นั่นก็คือ สไตล์การลงทุนของกองทุนที่ชัดเจน มีแบบแผน หรือ investment process ของกองทุนนี่แหละครับ ที่จะบางครั้งจะเป็นตัวบ่งบอกด้วยว่า ผลตอบแทนในอนาคตนั้น มีแนวโน้มจะเป็นอย่างไร และ จากประสบการณ์ของผมนั้น กองทุนที่ทำผลตอบแทนได้อย่างสม่ำเสมอนั้น ส่วนใหญ่จะมีสไตล์การลงทุนที่ชัดเจน และมีกระบวนการเลือกสินทรัพย์ที่ดีครับ

นอกจากนี้ หาก บลจ. ไหนที่มีกระบวนการที่ชัดเจนนั้น จะทำให้ปัญหาที่เกิดจากการย้ายที่ทำงานของผู้จัดการลงทุนที่จะส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนของกองทุนนั้นลดลงไปครับ เนื่องจากว่า ทาง บลจ. นั้น ๆ จะมีข้อกำหนดในการลงทุนอย่างชัดเจน ไม่ว่าผู้จัดการกองทุนจะมาจากไหน ก็ต้องปรับให้สอดคล้องกับ แนวคิดการลงทุนของกองทุน

รวมถึง ผมมองว่าสไตล์การลงทุนนี้จะเป็นตัวช่วยให้เราลงทุนกับกองทุนแล้วมีความสุขมากขึ้น เพราะว่า ถ้าเราเข้าใจ และเลือกกองทุนที่เหมาะกับเราแล้วละก็ เวลาที่ลงทุนก็จะทำให้เราถือกองทุนได้นานมากขึ้น มั่นใจมากขึ้นไปด้วย

ก่อนหน้านี้ผมมักจะเจอคนที่เลือกกองทุนโดยไม่ทราบว่า กองทุนไปลงทุนกับสินทรัพย์อะไรบ้าง ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ผลตอบแทนเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสี่ยงที่สูงขึ้นอย่างมาก ๆ

ยกตัวอย่างเช่น กองทุนหุ้นเล็กที่มักจะให้ผลตอบแทนในระยะยาวที่ดีกว่ากองทุนหุ้นใหญ่ เนื่องจากว่าแนวโน้มการเติบโตของบริษัท ฯ เล็ก ๆ จะมีโอกาสที่ดีกว่า สูงกว่านั่นเอง แน่นอนว่าความผันผวนของกองทุนหุ้นเล็กก็จะสูงตามไปด้วยครับ เพราะว่าบริษัทเล็ก ๆ ถ้าทำผลกำไรได้ไม่ตามเป้าหมาย หรือเงินปันผลน้อยกว่าที่คิดไว้ก็มีสิทธิ์ที่คนจะเลิกสนใจ ขายหุ้นและลงทุนในบริษัทอื่น ๆ แทน

จึงไม่แปลกที่ความผันผวนของกลุ่มหุ้นเล็กนั้นจะสูงกว่ากองทุนหุ้นที่ไปลงทุนในหุ้นใหญ่ ๆ  ซึ่งหากเราไม่เข้าใจ หวังแต่กำไรแล้วละก็ทนความผันผวนกองทุนไม่ไหว และขายกองทุนไปก่อนเวลาอันควร ซึ่งถ้าระยะยาว ๆ แล้วการลงทุนในกองทุนหุ้นเล็ก แนวโน้มผลตอบแทนจะดีกว่ากองทุนหุ้นใหญ่

โดยปกติทั่วไป การลงทุนในหุ้นเล็กนั้นค่อนข้างมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากหุ้นเล็กหลาย ๆ ตัว พื้นฐานของบริษัท ฯ นั้นดูออกได้ยาก ถ้าหากไม่ได้ทำการบ้านมาอย่างดีจะดูออกยากมาก และมีราคาที่ผันผวนอยู่พอสมควร หากนักลงทุนเองไม่ได้มีความเชี่ยวชาญแล้วละก็ การลงทุนเองอาจจะทำให้มีความผิดพลาดสูง

แต่ถ้านักลงทุนทั่วไปที่ไม่ได้มีเวลาในการติดตามการลงทุนมากนัก ลงทุนในกองทุนหุ้นเล็ก ๆ ก็น่าจะเป็นคำตอบที่ดี เนื่องจากผู้จัดการกองทุนมีเวลาในการเข้าไปเยี่ยมกิจการ ประเมินมูลค่าหุ้น และ คัดเลือกหุ้นที่ดีด้วยระบบกลั่นกรอง และมีกระบวนการการลงทุนที่ถูกต้อง ก็จะทำให้เราได้หุ้นที่พื้นฐานดี และมีแนวโน้มเติบโตได้ในระยะยาวไปพร้อม ๆ กันครับ

งั้นเรามาดูตัวอย่างกองทุนที่ผมจะนำมาฝากให้กันในวันนี้ นั่นก็คือ กองทุน KTSE-RMF นั่นเองครับ

KTSE-RMF นั้นเป็นกองทุนซีเล็คทีฟ ที่เน้นลงทุนในหุ้นรายตัวโดยหลักการแบบ Bottom-up เป็นหลัก และเน้น หลักทรัพย์ขนาดกลาง และเล็ก ซึ่งในปีนี้ได้รับรางวัลจากนิตยสารการเงินการธนาคาร ประเภทกองทุนยอดเยี่ยมแห่งปี 2559 มาอีกด้วยครับ

แต่ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะครับ ทาง บลจ.กรุงไทย จะมีกองทุนเปิดกรุงไทยซีเลคทีฟ อีกประมาณ 2 กองทุน ซึ่งนั่นก็คือ

กองทุนเปิดกรุงไทย ซีเล็คทีฟ อิควิตี้ฟันด์ ( KTSE ) เป็นกองทุนรวมทั่วไป มีนโยบายจ่ายเงินปันผล  และกองทุนเปิดกรุงไทยซีเล็คทีฟ หุ้นระยะยาว  ( KTSE- LTF)   ซึ่งได้ปิด  IPO   เมื่อวันที่ 21  ธันวาคม 2559   ทราบว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน  โดยมียอดขายกว่า 110  ล้านบาท ในช่วง  IPO   ถือว่าไม่น้อย  หากเทียบกับหลายๆ บลจ.ที่เปิดขายกองทุนประเภท LTF พร้อมๆกันในช่วงเวลานี้

สำหรับ KTSE-RMF นั้นถึงแม้ว่าจะเปิดมาได้ไม่นานเท่าไหร่นัก แต่แนวคิดการลงทุน รวมถึงวิธีการคัดเลือกหุ้นของกองทุนนี้ ได้รับการพิสูจน์มาแล้วครับ ว่าทำผลตอบแทนได้ดี นั่นก็เพราะว่า กองทุนนี้ได้ลงทุนคล้าย ๆ กับกองทุน KTSE ที่เป็นกองทุนที่ออกมาก่อนหน้านี้ครับ

ซึ่งกองทุน KTSE แบบปกติ ที่ไม่ได้เป็นกองทุน LTF/RMF นั้นก็ทำผลตอบแทนได้ค่อนข้างดี มีเงินปันผลจ่ายค่อนข้างสม่ำเสมอ ถึงแม้ว่าจะผันผวนอยู่บ้าง รวมถึงกองทุน KTSE-RMF ด้วยเช่นกันครับ

ผลการดำเนินงานของกองทุน สิ้นสุด  ณ วันที่ 2  ธันวาคม 2559