สวัสดีครับกลับมาพบกันอีกแล้วนะครับ ผมหมอนัท คลินิกกองทุน เจ้าเก่า นั่นเองครับ ถ้าใครที่ติดตามบทความจาก aomMONEY อยู่เป็นประจำ น่าจะพอรู้ว่าช่วงสิ้นปีแบบนี้ บทความของผมในออมมันนี่ ส่วนใหญ่ เราจะพูดถึงกองทุน LTF หลาย ๆ กองทุนครับ

ไม่ว่าจะเป็นกองทุน LTF ออกใหม่ (IPO) กองทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีติดอันดับ Top หรือไม่ว่าจะเป็น กองทุน LTF ปันผล รวมถึง กองทุนที่มีแนวทางการลงทุนที่น่าสนใจต่าง ๆ มากมาย ส่วนในปีนี้ผมคิดว่ามีกองทุนหลาย ๆ กองทุนที่ทำผลตอบแทนได้ดีขึ้นมาก จากที่เคยทำผลตอบแทนอยู่ในเกณฑ์ของค่าเฉลี่ย แต่กลับปรับตัวทำผลตอบแทนได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด บางครั้งก็เอาชนะกองทุนอันดับต้น ๆ ที่มีมาก่อนหน้านี้ได้ ผมจะขอเรียกกองทุนประเภทนี้ว่า “กองทุนดาวรุ่งน่าจับตา” ละกันนะครับ

นักลงทุนในกองทุนทั้งหลายล้วนทราบดีว่า ไม่มีกองทุนไหนหรอกครับ ที่จะเป็นอันดับหนึ่งอยู่ตลอดเวลา แต่กองทุนที่เราควรจะลงทุนด้วยนั้น คือ กองทุนที่เหมาะสมกับเรามากที่สุด ซึ่งเราจะตรวจสอบ และดูจากผลตอบแทนเฉลี่ยที่ดี สม่ำเสมอ สามารถพาเราไปถึงจุดหมายได้ จากนั้นก็จะดูที่ความเสี่ยงของกองทุน ค่าธรรมเนียมว่าถูกหรือแพง (ถ้าสนใจเรื่องกองทุนที่เหมาะกับเราแล้วละก็ ลองอ่านที่นี่ได้ครับ) แต่มีสิ่งหนึ่งที่จะเป็นตัวบอกว่ากองทุนที่เราถืออยู่นั้น ในอนาคตน่าจะมีแนวโน้มอย่างไร นั่นก็คือ แนวคิดการลงทุน และกระบวนการเลือกสินทรัพย์ลงทุน หรือที่เราเรียกว่า Investment Process ครับ

ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งในการลงทุนในยุคนี้ เนื่องจากว่า ถ้าผู้จัดการลงทุน หรือ ทีมของผู้จัดการกองทุนมี Investment Process ที่ดี หรือ พูดง่าย ๆ ว่ามีสไตล์การลงทุนที่ชัดเจน จะทำให้วัดผลได้ง่าย ว่าผลตอบแทนที่เกิดขึ้นนั้นมาจากความโชคดี หรือว่าฝีมือของการบริหารกองทุนจริง ๆ  นอกจากนี้ยังเป็นตัวบอกถึงความเป็นมาตรฐานของการจัดการความเสี่ยงอีกด้วยครับ เพราะไม่ใช่ว่าผู้จัดการลงทุนจะเลือกหุ้นที่ตนเองชอบ หรือว่าเลือกหุ้นเพื่อมาลงทุนให้กับนักลงทุนอย่างไร้กฎเกณฑ์

ในปีที่แล้ว ถ้าใครติดตามบทความผมอยู่ ก็น่าจะเคยอ่านบทความที่ผมได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์ผู้จัดการลงทุนของ บลจ. กสิกรไทย มาบ้าง ซึ่งในบทสัมภาษณ์เองก็ได้มีบางส่วนที่อธิบายถึงแนวคิด และแนวทางการบริหารของที่นี่ไว้ด้วยครับ ซึ่งผมเองก็พอจะทราบมาว่าที่ บลจ. กสิกรไทยนี้ ก็มีการพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆ การจัดการใหม่ ๆ มาใช้มากขึ้น ทำให้ผลตอบแทนของกองทุนดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ

ถ้าใครสนใจอ่านบทสัมภาษณ์ สามารถอ่านได้ที่นี่ครับ → บทสัมภาษณ์ 1 , บทสัมภาษณ์ 2

ดังนั้นในวันนี้ ผมจะพานักลงทุนทุกท่าน มาพบกับกองทุนที่มีแนวคิดการลงทุนที่น่าสนใจ และช่วงที่ผ่านมานั้น ก็พิสูจน์ในเรื่องของผลตอบแทนได้อย่างดีทีเดียวครับ

นั้นก็คือ กองทุน “K20SLTF” นั่นเองครับ

โดยแนวทางการลงทุนของกองทุนนี้จะเน้นการลงทุนในหุ้นประมาณ 20 ตัว ไม่มากไปกว่านี้ครับ โดยเลือกหุ้นที่มีความน่าสนใจอยู่หลายประการ และประเด็นที่น่าสนใจของ K20SLTF ก็ได้แก่

1. ผลตอบแทนที่ปรับตัวดีขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี

จะเห็นได้ว่ากองทุนได้ปรับตัวขึ้นมาอยู่ใน Ranking ที่ดีมากขึ้น โดยผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีก็สามารถปรับตัวขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ ได้ครับ จากที่ย้อนหลัง 3 ปี จะอยู่ในอันดับ Percentile ที่ 25 ขึ้นไปครับ แต่ถ้าไปดูข้อมูลอัพเดตในปัจจุบัน( 21 พ.ย. 59 จาก Application FIN) จะพบว่า ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปีนั้น กองทุนนี้ทำได้เป็นอันดับ 1 แล้วครับ

2. ความเสี่ยง หรือ ความผันผวนของกองทุนก็ปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน

จากสถิติที่กองทุนนี้เคยทำมา ต้องบอกว่าความผันผวนของกองทุนนี้ถือว่าค่อนข้างสูงครับ เนื่องจากเลือกหุ้นไม่เกิน 20 ตัวเท่านั้น จึงทำให้มีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนที่ดี หรือไม่ก็มีโอกาสที่จะผิดพลาดและกระทบต่อผลตอบแทนได้สูงเช่นกันครับ แต่ทางกองทุนเองดูเหมือนว่าจะสามารถควบคุมความเสี่ยงได้ดีขึ้น แต่ทั้งนี้อาจจะต้องดูกันยาว ๆ กว่านี้ครับ

3. แนวทางการลงทุนชัดเจน และเป็นระบบ

ส่วนแนวทางการลงทุน และ investment process ของกองทุนนี้คือ การที่เปิดกว้างให้ผู้จัดการกองทุนสามารถที่ลงทุนได้ทั้ง หุ้นขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ (Multi Cap.) ได้อย่างเต็มที่ หากว่าหุ้นตัวนั้น ๆ น่าสนใจ โดยที่จะแบ่งหุ้นออกเป็น Core port ประมาณ 70% ของพอร์ตทั้งหมด โดยจะเน้นหุ้นที่พื้นฐานดี มีแนวโน้มการเติบโตระยะยาว ๆ ได้ ส่วนอีกประมาณ 30% นั้น จะเป็นหุ้นที่มีอัตราการเติบโตสูง หรือ เป็นหุ้นที่ทางผู้จัดการกองทุนเห็นแล้วว่า น่าสนใจ เช่น อาจจะเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่ราคาได้ปรับตัวลดลงมามาก ๆ และมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ก็จะทำการเข้าซื้อครับ

โดยทางกองทุนจะคัดเลือกหุ้นที่น่าสนใจมาอยู่ใน List ที่น่าสนใจของ บลจ. ที่เรามักจะเรียกว่า universe ของกองทุนครับ ประมาณ 160 ตัว จากนั้นกองทุนก็จะทำการคัดเลือกหุ้นที่อยู่ในมุมมองของผู้จัดการกองทุน เช่น ปีนี้มองว่าหุ้นบางกลุ่มมีแนวโน้มเติบโตได้สูง ก็จะเน้นไปทางหุ้นที่เติบโตสูงนั่นเองครับ ซึ่งถ้าไปดูพอร์ตของกองทุนนี้ใน 2-3 ปีที่ผ่านมาจะเน้นหุ้นที่มีการเติบโตสูงครับ จากนั้นก็จะเข้าไปเยี่ยมชมบริษัท ดูในเรื่องงบการเงิน และแนวโน้มการเติบโต เพื่อเลือกหุ้นที่ดีที่สุดให้เหลือไม่เกิน 20 ตัว อย่างที่เราเห็นกันครับ

คราวนี้เรามาดูกันครับว่า หลังจากทีมงานได้ผ่านกระบวนการที่ผมได้อธิบายมาแล้วนั้น กองทุนนี้ได้ลงทุนกับหุ้นอะไรกันบ้าง