สวัสดีครับ กลับมาเจอกันอีกครั้งกับผม หมอนัท คลินิกกองทุน เจ้าเก่า

ในช่วงนี้ผมเชื่อว่าใครหลายคนที่ลงทุนในกองทุนรวมหุ้นไทย อาจจะนอนไม่หลับ กระส่ายกระสับ ตับพิการ อาหารไม่ย่อย กินอะไรก็ไม่อร่อย….พอเถอะ !! ที่หลาย ๆ คนออกอาการแบบนี้ ก็เพราะว่าผลตอบแทนจากกองทุนหุ้นไทยที่ถืออยู่นั้น ให้ผลตอบแทนที่ไม่ค่อยจะสู้ดีเสียเท่าไหร่ คือเหมือนกับเดินขึ้นดอยทุกวัน.....

จริง ๆ แล้ว ผมยังคงมองว่าตลาดหุ้นไทย น่าจะพอกลับมาดีได้ในช่วงปลายปีนี้ - ต้นปีหน้า (เป็นเพียงการวิเคราะห์ส่วนตัวของผมเองครับ) ถึงแม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจจะย่ำแย่ก็ตาม (ทั้งปรับลดอัตราการเติบโตของ GDP ลง และยอดการส่งออกจะติดลบ) นั่นก็เพราะว่า ภาครัฐเริ่มมีการเปิดประมูลโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ แล้ว

ถึงแม้จะเบิกจ่ายงบประมาณการลงทุนในปีนี้ได้แค่บางส่วน แต่ก็มีโครงการอย่างมอเตอร์เวย์สายใหม่ที่อนุมัติแล้ว เรียกได้ว่า ยังมีแสงสว่างปลายอุโมงค์อยู่บ้าง

ดังนั้นช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงที่เราสามารถเลือกลงทุน กับหุ้นที่ราคาปรับตัวลดลงมา (แต่ก็เลือกดี ๆ หน่อยนะครับ ระวังเจอของถูกที่เป็นของไม่ดี) หรือ เป็นช่วงที่เราจะเริ่มทยอยซื้อกองทุน LTF/RMF ได้แล้ว เพราะว่า LTF/RMF นั้นมีระยะการลงทุนนั้นค่อนข้างที่จะนานพอสมควร จึงทำให้มีโอกาสที่จะได้เห็นผลตอบแทนที่ดีขึ้น หลังจากเศรษฐกิจไทยกลับมาดีในอีก 2-3 ปีข้างหน้า (หวังว่านะครับ)

แต่ถ้าใครที่ไม่อยากรอ เรายังมีการลงทุนที่ทำได้ระหว่างที่ตลาดหุ้นไทยยังไม่เขยิบไปไหน นั่นก็คือ กองทุนที่ไปลงทุนในต่างประเทศนั่นเองครับ !!!

ถ้าใครที่เป็นนักลงทุน และติดตามข่าวสารก็จะพบว่า ในต่างประเทศนั้นยังมีโอกาสที่เราสามารถจะเลือกลงทุนและหวังผลตอบแทนที่ดีได้อยู่ ยิ่งถ้าใครลงทุนในกองทุนต่างประเทศมาก่อนหน้านี้ จะรู้เลยว่า ผลตอบแทนนั้นดีมากแค่ไหน

แต่ไม่เป็นไร หากใครยังไม่เคยจะ Go inter วันนี้ผมจะพาทุกคนไปรู้จักกับกองทุนที่น่าลงทุนกันในแต่ละภูมิภาคกันครับ ตามมาเลย !

ที่แรก...ที่เราจะไปนั้น ก็คือ…...จีนครับ (.....โอ้วโน้ว…...เสียงร้องดัง ๆ จากคนอ่าน)

…..ใครแซวผมครับ อย่า อย่า อย่าเพิ่งตัดสินการลงทุนจากชื่อ

แน่นอนว่า ตลาดหุ้นจีนนั้น ขึ้นลงหยั่งกับรถไฟเหาะตีลังกา...ระวังกาจะมาจิกหัว….(โห้ มุกอย่างนี้ยังกล้าเล่น) ผมเชื่อว่าหลายคนคงไม่กล้าแม้จะเข้าไปดู แต่ก่อนจะตัดสิน เรามาดูกันก่อนว่า พี่จีนของเรามีอะไรดี

ตลาดการค้าของประเทศจีนนั้นใหญ่มาก ใหญ่ขนาดที่ว่าในอีกประมาณ 5 ปีนับจากนี้ ตลาดการค้าจีนจะใหญ่เท่ากับสหรัฐ ฯ หรือ ขึ้นแท่นเป็นอันดับ 1 ของโลก และในอีกประมาณ 10 ปี เราก็อาจจะได้เห็นตลาดการค้าที่ใหญ่กว่าสหรัฐ ฯ ประมาณ 1.5 เท่า ก็เป็นไปได้

ยิ่งไปกว่านั้นในปัจจุบันสถานะทางการเงินของจีนเองก็ยังแข็งแรงอยู่ มีกระสุนไว้ยิงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง แถม GDP เองก็โตปีละประมาณ 6-7% สัดส่วนหนี้สินต่อ GDP ก็น้อยนิดประมาณ 20% เท่านั้นครับ

และถึงแม้ว่าตลาดหุ้นจีนจะปรับตัวผันผวน บางวันขึ้น 5% บางวันลง 8% แต่ผมก็ยังมองว่า มูลค่าหุ้นทั้งในตลาดฮ่องกง(ที่ถูกมาก) กับ ตลาดเซียงไฮ้นั้น ก็ยังไม่แพงมากนัก เมื่อเทียบกับการเติบโตของบริษัทต่าง ๆ ในจีน แต่...ตัวเลขต่าง ๆ ที่ออกมานั้น เป็นของปลอมหรือไม่ อันนี้ผมเองก็ไม่ทราบได้ แต่อย่างน้อย ๆ ผมก็มองว่าทางการจีนเองก็ไม่ได้ละเลยเรื่องนี้ แต่กลับให้ความสำคัญกับตลาดหุ้นมากขึ้น และในช่วงที่ผ่านมาก็มีมาตรการต่าง ๆ ที่มาช่วยพยุงตลาด อย่างที่ไม่เคยมีประเทศบนโลกใบนี้ทำได้มาก่อน

โดยสรุป ผมมองว่าระยะสั้นตลาดหุ้นจีนเองก็น่าจะยังผันผวนต่อไป แต่ในระยะยาว ๆ แล้ว คงปฏิเสธไม่ได้ว่า การลงทุนในกองทุนหุ้นจีนนั้น มีแนวโน้มที่ดีมาก

แน่นอนว่ากองทุนที่น่าจับตามอง และทำผลตอบแทนได้ดีมาตลอดคือ

1. K-CHINA

ผู้จัดการกองทุนคนใหม่ที่มาบริหาร กองทุน China Focus Fund ในกลุ่มของ Fidelity Funds (จริง ๆ ก็ไม่ได้ใหม่มาก) ทำผลตอบแทนได้ดี จากแนวทางการคัดเลือกหุ้น แบบมองพื้นฐานที่ดีของบริษัท รวมถึงขอบข่ายการลงทุน ที่กองทุนไปลงทุนได้ทั้ง A-SHARE และ H-SHARE รวมถึงหุ้นจีนที่ไปจดทะเบียนนอกประเทศอีกด้วย ทำให้กองทุนนี้น่าลงทุนอย่างไม่ต้องสงสัยเลยครับ

ถัดมาก็เป็นกองทุนของ

2. ASP-CHINA

ลงทุนในหุ้นจีนที่จดทะเบียนในต่างประเทศ รวมถึงหุ้นไต้หวัน และ ETF บางส่วน โดยกองทุนหลักนี้มีชื่อน่ารัก ๆ ว่า  E.I. Sturdza Funds PLC :Strategic China Panda Fund  ซึ่งจากที่อ่าน Fund Fast Sheet ของ Master Fund  ช่วงนี้กองทุนเน้นลงทุนในหุ้นที่เป็น H-SHARE ที่ดูดี มีมาตราฐานมากกว่า หุ้น A-SHARE และในตอนนี้มีราคาที่ถูกมาก* จนน่าสนใจครับ ซึ่งผลตอบแทนเองก็ไม่ได้น้อยหน้า K-CHINA ทีเดียว

*รู้ไหมครับว่า หุ้นธนาคารใหญ่ ๆ ในจีนบางตัวนั้น P/E ratio เหลือเพียง 5 เท่า เท่านั้น แถม ROE อยู่ที่ประมาณ 17 % …… ถูกและดี มีที่จีน แต่งบการเงินจะเป็นของจริง หรือ ปลอมก็ต้องลุ้นเอานะครับ ตามสไตล์พี่จีน 555

ประเทศถัดมาก็เป็นบ้านใกล้เรือนเคียงของประเทศจีน และยังอยู่ในเอเชีย แต่ตลาดหุ้นนั้นร้อนแรงต่อเนื่อง แถมไม่มีทีท่าว่าจะหยุดนั่นก็คือ ญี่ปุ่นนั้นเอง

ซึ่งนายก อาเบะ ได้ยิงลูกศร 3 ดอก แทบจะเข้าเป้าทุกดอก เลยทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวดีวันดีคืน เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ถึงแม้ว่าจะไม่ผันผวนเท่ากับประเทศจีน แต่ผมบอกตรง ๆ ว่า ผมเองก็เริ่มที่จะไม่กล้าลงทุนกับกองทุนหุ้นญี่ปุ่นในช่วงนี้เท่าไหร่นัก ก็เพราะว่าหุ้นญี่ปุ่นเองก็เริ่มที่จะมีราคาแพงแล้วนั่นเอง แต่แน่นอนว่า ถ้าเราหาหุ้นที่ยังวิ่งช้ากว่าตลาดได้ หุ้นเหล่านี้ก็จะทยอยปรับตัวขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้นได้ ดังนั้นกองทุนที่น่าสนใจ ก็มี 2 แนวทางตามด้านล่างนี้เลยครับ

กองทุนที่น่าสนใจได้แก่ กองทุนที่วิ่งตามดัชนีอย่าง

3. SCBNKY225

ค่าธรรมเนียมถูกคุ้มค่ากับผลตอบแทนที่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเป็นกองทุนที่ชนะกองทุนแบบ Active ที่ไปลงทุนในญี่ปุ่น เกือบทั้งหมด ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า หุ้นใหญ่ ๆ ในญี่ปุ่นนั้นได้ประโยชน์จากการที่ค่าเงินอ่อนลง คือส่งออกได้เงินที่มากขึ้นและหุ้นที่อยู่ใน Nikkei 225 นั้นส่วนใหญ่ก็&