สวัสดีครับ มาพบกับผม หมอนัท คลินิกกองทุนกันอีกครั้งครับ ช่วงนี้มีคำถามที่ ถามเข้ามากันบ่อย ๆ เป็นข้อสงสัยที่ต้องการคำตอบ เพราะเป็นเรื่องที่คนกำลังให้ความสนใจกันอยู่ค่อนข้างมากครับ

คำถามที่ว่าคือ

  • กองทุน Health Care ดีไหมครับ/ ดีไหมคะ ?
  • แล้วซื้อกองทุนของที่ไหนดี ?
  • จะซื้ออย่างไหร่ ?  จะซื้อเมื่อไหร่ดี ?
  • ต้องซื้อไปจนถึงเมื่อไหร่ ?
  • ซื้อแล้วจะได้ผลตอบแทนที่ดีไหม ?

ถามกันเกือบทุกครั้งที่ผมไปบรรยาย หรือ ถามทุกครั้งที่เจอกับผม ถามกันเป็นชุด ๆ เหมือนเป็นคำสร้อยที่ต้องมีต่อท้ายประโยค หรือ ถามกันมาเป็นชุด แบบ happy meal !!

แต่ก่อนที่จะไปตอบคำถามเหล่านี้ พร้อมกับข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะในการซื้อกองทุนประเภทนี้จากผม

เรามารู้จัก กองทุน Health Care กันซักนิด เพราะว่าอาจจะมีบางท่านที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน

เนื่องจากอีกประมาณ 30-40 ปีข้างหน้านี้ สังคมผู้สูงอายุเริ่มใกล้เข้ามา แนวโน้มของประชากรผู้สูงอายุทั่วโลกมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่า ในปี 2050  จำนวนประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปี จะเพิ่มขึ้นเป็น 2,000 ล้านคน หรือคิดเป็น 23% ของประชากรโลก คนแก่ประมาณ ⅕ ของโลก!!!

พอจะนึกภาพกันออกใช่ไหมครับว่า ถ้าจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลจะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ และยิ่งคนในประเทศที่พัฒนาแล้ว จะยิ่งมีการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์เพื่อชะลอวัย หรือ ยืดอายุออกไป ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะมีค่าใช้จ่ายทางสุขภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ในแง่ของกำลังซื้อ ประชากรในประเทศพัฒนาแล้ว หรือ ประเทศกำลังพัฒนาในยุคถัดไป หรืออีกประมาณ 30 ปี คนที่ใช้ยา หรือ ต้องการยืดอายุ คนในกลุ่มนี้ยังมีฐานะการเงินค่อนข้างดีอีกด้วย เรียกได้ว่ากลุ่ม HealthCare นี้เป็น Mega Trend อย่างแท้จริงครับ เพราะว่าไม่มีใครหลีกเลี่ยงความแก่ได้เลย และยังต้องใช้เงินเยอะมากขึ้นในการรักษาพยาบาลอีกต่างหาก

ดังนั้น คำถามที่ว่า กองทุน HealthCare ดีไหมนั้น ผมขอตอบสั้น ๆ เลยว่า “ดี”

จึงเป็นที่มาของกองทุน HealthCare ต่าง ๆ มากมาย ที่บลจ.ทั้งหลาย ทยอยกันออกกองทุนมาเรื่อย ๆ ครับ ปัจจุบันน่าจะมีเกิน 8-9 กองทุนแล้ว โดยแต่ละกองทุนเองก็มีจุดเด่นที่ไม่เหมือนกัน เช่น บางกองทุนชอบลงทุนกับบริษัทยา, บางกองทุนเลือกลงทุนกับกลุ่ม Biotech บางกองทุนลงทุนต่อในอีกกองทุน หรือบางกองทุนก็เน้นเลือกหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูง และมีการปรับสัดส่วนที่ค่อนข้างบ่อย

โดยส่วนใหญ่จะเลือกลงทุนกับ sector ย่อย ๆ ในกลุ่ม HealthCare เช่น

  1. Pharmaceuticals - หรือ บริษัทยาต่าง ๆ
  2. Medical Equipment - กลุ่มเครื่องมือแพทย์
  3. Health Care Services - กลุ่มโรงพยาบาลและคลินิก รวมถึงการบริการทางการแพทย์อื่น
  4. Biotech Companies - ค้นคว้าวิจัยเทคโนโลยีทางการแพทย์ เช่น วัคซีนตัวใหม่ หรือ ผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการผลิต

แล้วกองทุนไหนถึงจะตอบโจทย์การลงทุนของเรากันล่ะ ?

ผมขอตอบว่า “เลือกเอาที่สบายใจเลยครับ”

(ฮ่า ๆ ผมไม่ได้ประชดใครนะครับ แต่เป็นแบบนั้นจริง ๆ)

เนื่องจากว่ากองทุนมีความหลากหลายมาก ทำให้เรามีตัวเลือกลงทุนเยอะพอสมควร ใครชอบผลตอบแทนดี ๆ สูง ๆ ก็ลองดูว่ากองทุน Master Fund ที่ไปลงทุนนั้นให้ผลตอบแทนสูง หรือบางคนชอบกองทุนที่เน้นการลงทุนในกลุ่ม Biotech ก็อาจจะต้องทนความหวือหวาให้ได้ เพราะว่าตอนนี้ราคาหุ้นกลุ่มนี้เริ่มแพงขึ้นเรื่อย ๆ ครับ มีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงได้เสมอ ดังนั้นจึงเห็นความผันผวนได้มาก แต่มีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงเช่นกัน บางคนชอบกระจายความเสี่ยงก็เลือกลงทุนในที่ที่มีหลายกองทุน รวมอยู่ด้วยกันก็เป็นไปได้ แต่อย่างไรก็ตาม กองทุนที่เราเลือกก็ควรที่จะสามารถเอาชนะ Benchmark หรือ MSCI World Healthcare หรือ ดัชนีกลุ่ม Health Care ทั่วโลกนะครับ

ยกตัวอย่างเช่น KF- HEALTHD ที่มีสไตล์เลือกหุ้นจากพื้นฐานที่ดี เน้นบริษัทยาใหญ่ ๆ ที่ถือไว้แล้วอุ่นใจ ซื้อแล้วนอนหลับได้ ไม่ต้องมากังวลว่าเงินที่ลงทุนไปจะขาดทุนได้มาก แต่ก็มีหุ้นกลุ่ม Biotech เป็นสัดส่วนรองลงมา เผื่อว่าจะมีการเติบโตในอนาคตนั่นเอง แถมกองทุนก็บริหารได้ดีกว่าดัชนี MSCI World Healthcare อีกด้วย (จะเห็นได้ว่าดัชนีมีการเติบโตที่มาก แต่กองทุนก็ยังทำผลตอบแทนได้ดีกว่า)

ที่มา: Fund Fact Sheet, J.P. Morgan Asset Management, ข้อมูล ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2558

ดังนั้น รักใครชอบใครก็เลือกแบบที่เป็นตัวเรานะครับ จะได้ถือกองทุนอย่างมีความสุข เอาที่อยู่แล้วสบายใจ

จะซื้อเมื่อไหร่ดี ? จะซื้ออย่างไร ? และต้องซื้อไปจนถึงเมื่อไหร่ ?

เนื่องจากว่าการลงทุนในกลุ่ม HealthCare นั้นต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานครับ ไม่ใช่ค่อนข้างสิ เรียกว่านานมาก หรือ “โคตรนาน” ดีกว่าครับ

ดังนั้นวิธีการลงทุนที่ดีกับกองทุนกลุ่ม HealthCare คือ ทยอยซื้อไปเรื่อย ๆ ครับ หรือจะใช้วิธีการ DCA หรือ Dollar Cost Averaging ก็ได้คือ ซื้อมันทุกเดือน เดือนละเท่า ๆ กัน ซื้อไปเรื่อย ๆ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาประมาณ 5 ปีขึ้นไป จึงจะเริ่มเห็นว่าราคาหน่วยลงทุนที่เราซื้อไปนั้น ได้ราคาเฉลี่ยที่ถูก และมีการสะสมหน่วยลงทุนที่มากพอ เมื่อเวลาที่บริษัทเริ่มทำกำไร เราจึงจะเห็นว่าผลตอบแทนที่ได้นั้นมากขึ้นครับ หรือ จะซื้อในช่วงที่มีการปรับฐานของหุ้นกลุ่มนี้ก็ได้ครับ แต่ต้องจับจังหวะการลงทุนกันดี ๆ นะครับ

ดังนั้น เราจะเห็นว่าหลาย ๆ บลจ.ที่ออกกองทุนประเภทนี้ออกมานั้น จะมีกองทุนที่เป็น RMF ออกมาด้วย เพราะหวังว่านักลงทุนจะต้องลงทุนยาว ๆ จนถึงเกษียณกับกองทุนนี้ และประโยชน์ที่จะได้รับนั้น ไม่ใช่เพียงผลตอบแทนที่ดี แต่เป็นการลดค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอย่างภาษีไปในตัวด้วยครับ

และ ถ้าถามว่าจะซื้อเมื่อไหร่ ผมคงต้องบอกว่า “ซื้อเลย” ครับ จะรออะไร แต่ต้องถัวเฉลี่ยอย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว เพราะว่าเราไม่รู้ว่า หุ้นในกลุ่มนี้จะปรับตัวลดลง หรือเพิ่มขึ้น แต่ถ้าเราเริ่มลงทุนและทยอยซื้อไปเรื่อย ๆ ผมคิดว่าน่าจ