สวัสดีคร้าบบบบบ ผมหมอนัทประจำคลินิกกองทุนแห่งนี้เองครับ การลงทุนในปีนี้ถือเป็นปีที่การลงทุนผันผวนอีกปี (อยากให้มีปีที่จะไม่ผันผวนบ้าง) และเป็นปีที่เราจะเริ่มเห็นความแตกต่างกันของ การดำเนินนโยบายทางการเงินที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด คือ ประเทศสหรัฐ ฯ มีการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มมากขึ้น แต่ในส่วนกลุ่มประเทศยุโรป และ ญี่ปุ่น มีการปรับอัตราดอกเบี้ยลดลงจนติดลบ ซึ่งสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง รวมถึงประเทศไทยเองก็มีแนวโน้มที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยลดลงด้วยเช่นกันครับ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยเองก็ยังคงไม่แข็งแรงเท่าที่ควร

จุดนี้ทำให้ใครก็ตามที่เพิ่งจะเริ่มลงทุน ก็มีแนวโน้มได้รับอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ลดลง หรือ แม้แต่การฝากธนาคารก็ได้อัตราดอกเบี้ยที่ดูแล้วน้อยนิดมาก ยิ่งไปกว่านั้นบางคนที่ลงทุนในหุ้น ก็เจอกับภาวะความผันผวนของตลาดโลกอีก เนื่องจากกระแสเงิน (Fund Flow) ที่หมุนไปหมุนมา เดี๋ยวก็เข้ามาในประเทศไทย หรือ ภูมิภาคตลาดเกิดใหม่ เดี๋ยวก็ออกไป กลับไปที่ตลาดหุ้นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว

ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าเงินนั้นจะแสวงหาที่ที่ได้ผลตอบแทนสูง ๆ ดังนั้นในช่วงนี้ ถ้าใครที่ลงทุนในหุ้น แต่ไม่สามารถติดตามการลงทุนได้แล้วละก็ อาจจะพลาดโอกาสในการลงทุน หรือ ขาดทุนได้ง่าย ๆ เลยครับ

ดังนั้นในช่วงที่ผ่านมา เราจึงเห็นนักลงทุนในประเทศไทยหลาย ๆ คน โยกย้ายเงิน “หนี” ออกมาจากตลาดหุ้น ที่กำลังผันผวนเข้าไปที่ตราสารหนี้บางส่วน และ พยายามหาสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น เช่น ทองคำ และ ปัจจุบันที่นักลงทุนนิยมลงทุนมากขึ้น ก็คือ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ และ กอง REITs (Real estate investment Trust) ที่ให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ มีเงินปันผลประมาณปีละ 6-8% ต่อปี เพราะว่ารายได้จากการลงทุนในกองทุนนั้นมาจาก ค่าเช่า และ ค่าบริการ ที่เกิดขึ้นจากอสังหา ฯ นั้น ๆ เช่น ถ้าอสังหา ฯ ในกองทุนเป็น ห้างสรรพสินค้า รายได้คือ ค่าเช่าพื้นที่ในห้างเพื่อการค้าขาย

แน่นอนว่า ต่อให้เศษฐกิจไม่ดี ก็ยังคงมีคนมาเช่าเพื่อที่จะขายของอยู่ดี หรือ ถ้าอยู่ไม่ได้ ขายไม่ดี ทางห้าง ฯ เองก็มีการให้ผู้เช่ารายใหม่เข้ามาเพื่อดำเนินธุรกิจแทนนั่นเอง

ด้วยเหตุนี้เอง ถ้าเราเอากองทุนอสังหา ฯ หรือ กอง REITs มาอยู่ในพอร์ตการลงทุนก็จะทำให้พอร์ตการลงทุนของเราไม่ผันผวนมากนักในภาวะตลาดที่ไม่ค่อยสดใสแบบนี้ จึงทำให้นักลงทุนในช่วงนี้ เข้ามาซื้อ และลงทุนในกองทุนอสังหา ฯ และ กอง REITs มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ส่งให้อัตราผลตอบแทนปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าที่เคยเป็น (ได้ผลตอบแทนเพิ่มจากราคาที่สูงขึ้น) ซึ่งบางกองทุนก็ให้ผลตอบแทนประมาณ 10-15% ภายในเวลาไม่ถึง 4 เดือน จากที่เคยได้ 6-8% ใน 1 ปี ราคากองทุนบางกองทุนก็พุ่งขึ้นมากกว่าราคาสินทรัพย์ในกองทุนที่ควรจะเป็นถึง 50-100% เลยทีเดียวครับ

ทั้งนี้ส่วนหนึ่งมาจากการที่กองทุนอสังหา ฯ และ กอง REITs ในประเทศไทยนั้น มีอยู่อย่างจำกัด และไม่ได้มีการเพิ่มขึ้นอย่างพอเพียงกับความต้องการของนักลงทุนนั่นเองครับ ถึงแม้จะเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดี น่าลงทุนขนาดไหน แต่ปัจจุบันก็มีราคาแพงมากเกินไป ผมมองว่าจึงไม่ใช่จังหวะในการลงทุนในกองทุนอสังหา ฯ และ กอง REITs ของไทยในช่วงนี้

ใครที่อยากลงทุนระยะยาว ๆ กับกองทุนประเภทนี้ คงต้องรอให้ราคากองทุนปรับตัวลดลงมากกว่านี้ก่อนที่จะกลับเข้าไปลงทุนได้ ซึ่งก็คงต้องรอให้ตลาดหุ้นไทย และต่างประเทศกลับมาดี คนจะได้ไปลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้นครับ

แต่ระหว่างนี้ เราจะลงทุนกับกองทุนอะไรดีละ ? ตามมาเลยครับ วันนี้ผมมีคำตอบให้ครับ

ตัวเลือกในการลงทุนกับกองทุนที่น่าสนใจในช่วงนี้

  1. กองทุน income fund ที่ให้ผลตอบแทน หรือ เงินปันผลค่อนข้างจะสม่ำเสมอ
  2. กองทุนแบบ All Asset Allocation
  3. กองทุนตราสารหนี้
  4. กองทุนอสังหา ฯ แบบ Fund of Fund ในต่างประเทศ

จะเห็นได้ว่าในภาวะที่ผันผวนนั้น ก็ยังคงมีการลงทุนที่เราสามารถเลือกลงทุนได้อยู่ครับ แต่ก็จะมีข้อจำกัดที่แตกต่างกัน เช่น กองทุนแบบ income นั้น ก็ยังคงมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้น และตราสารหนี้ ถึงแม้จะมีการปันผล แต่ก็นับว่ายังคงมีความผันผวนอยู่เหมือนกันครับ

ส่วนกองทุน All Asset Allocation นั้นดูแล้วน่าสนใจ เพราะว่ามีการกระจายความเสี่ยงได้ดีมาก ให้ผลตอบแทนที่ดี สม่ำเสมอพอสมควรครับ แต่ก็ติดเรื่องค่าธรรมเนียมค่อนข้างจะแพงทีเดียวครับ

และในส่วนของกองทุนตราสารหนี้ก็ยังคงให้ผลตอบแทนที่ไม่สูงมากนัก ถึงแม้ว่าจะค่อนข้างปลอดภัยก็ตามครับ

ดังนั้น เรามาดูที่กองทุน อสังหา ฯ แบบ Fund of Fund ในต่างประเทศกันดีกว่าครับ ทำไมกองทุนแบบนี้จึงน่าสนใจมากที่สุดในตัวเลือกทั้งหมดตอนนี้ นั่นก็เพราะว่า กองทุนแบบนี้ ให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างจะสม่ำเสมอ เหมือนกันกับกองทุนอสังหา ฯ หรือ REITs ในประเทศไทย ครับ แต่ด้วยปริมาณของกองทุนที่มากกว่า รวมถึงขนาดกองทุนที่ใหญ่กว่า ทำให้ราคาไม่ได้ผันผวนขึ้นลงง่าย ๆ เหมือนกับกองทุนในประเทศไทยนั่นเองครับ ก็ถือว่าเป็นการลดข้อจำกัดบางประการออกไปครับ

แต่จุดสำคัญคือ กอง REITs ในต่างประเทศนั้น มักจะให้ผลตอบแทนที่ดี สูงกว่าการลงทุนอื่น ๆ ทั่วไป มีเพียงปีที่เกิดวิกฤตซับไพร์มเท่านั้น ที่ให้ผลตอบแทนที่ไม่ดี แต่พอปีถัดมาก็สามารถทำผลตอบแทนได้ดีเหมือนเดิมครับ ค่าธรรมเนียมก็ไม่ได้แพงมาก เอาเป็นว่าถูกกว่ากองทุนแบบ All Asset Allocation อีกด้วยครับ

ภาพผลตอบแทนของแต่ละสินทรัพย์ในแต่ละปีจาก JP Morgan : Guide to the Market

เป็นไงครับ น่าสนใจใช่ไหมครับ คราวนี้เรามาดูรายละเอียดกองทุนที่เป็นพระเอกของวันนี้กันครับ นั่นก็คือ…….

KF-GPROPD หรือ กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลพร็อพเพอร์ตี้ปันผล ซึ่งกองทุนนี้ไปลงทุนในกองทุนหลัก คือ Standard Life Investments Global SICAV - Global REIT Focus Fund