สวัสดีครับ กลับมาพบกับผมหมอนัท กันอีกครั้งนะครับ ช่วงนี้คำถามยอดฮิต และเจอบ่อยมากคือ “หุ้นลงซะขนาดนี้” เข้าซื้อกองทุน LTF/RMF ได้หรือยัง ??

ที่หลายคนมีคำถามแบบนี้ เพราะว่าตลาดหุ้นบ้านเรานั้น ปรับตัวลดลงเรื่อย ๆ เหมือนเริ่มออกอาการไม่ดี เพราะว่า เศรษฐกิจไทยเรายังคลุมเครือ ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมานั้นต้องลุ้นกันแทบทุกครั้ง ว่าจะมีการปรับลดลงอีกหรือไม่ ล่าสุดการเติบโตของ GDP ไทยก็ถูกปรับลดลงมาอยู่ 3% แล้ว แถมยอดการส่งออกก็ยังไม่ดีขึ้น กลายเป็นว่าปรับตัวติดลบลงไปอีก

หลายคนเห็นหุ้นที่ตนเองถือก็อาจจะรู้สึกท้อใจ บางคนถึงกับยอมขายขาดทุนเอาเงินออกมานั่งกอดเงินสด รอให้ตลาดหุ้นหายฝุ่นตลบ แล้วจึงเข้าลงทุน

หลายคนก็ถอดใจ หนีไปลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศเลย หรือ บางคนก็ฝากเงินไปลงทุนผ่านกองทุนที่ไปลงทุนในกองทุนต่างประเทศอีกที แต่ความเสี่ยงจากกองทุนเหล่านี้ ก็ค่อนข้างสูงเนื่องจากมีเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน และ ข้อจำกัดด้านข้อมูลของนักลงทุนที่อาจจะไม่ได้เข้าถึงแหล่งข้อมูลที่ถูกต้อง หรือ บางคนก็ไม่ได้คุ้นเคยกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่มีลักษณะไม่เหมือนกันกับบ้านเราครับ

แล้วบ้านเราจะยังน่าลงทุนอยู่อีกเหรอเนี้ย !!

จริง ๆ แล้วตลาดหุ้นไทยนั้น ราคาก็ไม่ได้แพงเกินไป และก็ไม่ได้ถูกเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าอยู่ในค่าเฉลี่ยของภูมิภาคพอดีครับ หรือถ้าพูดถึงเป็นดัชนีของตลาดหุ้นบ้านเราก็อยู่ประมาณ 1400-1450 ก็ถือว่าเป็นราคาที่กลาง ๆ นั่นเอง

ดังนั้นถ้าถามว่าเป็นจุดเข้าลงทุนใน LTF ได้หรือยัง ผมคงต้องบอกว่า “ได้ครับ” แต่ไม่ถึงกับ “ได้ของถูก” เพราะว่าถ้าจะให้ได้ของที่ถูกและดี ต้องไปที่ฟู้ดแลนด์…..ไม่ใช่ !! (ถ้าฟู้ดแลนด์จะให้ค่าโฆษณาก็ติดต่อทีมงานได้นะครับ แฮ่ !!) ถ้าอยากได้ของถูก อาจจะต้องรอจนดัชนีลงไปถึง 12xx-13xx จึงพอจะเรียกได้ว่าได้ของถูกครับ

แต่ที่ผมบอกว่า “ลงทุนใน LTF ได้แล้ว” นั่นก็เพราะว่า กองทุนเหล่านี้ มีระยะเวลาการถือครองที่ค่อนข้างนานพอสมควร ที่จะช่วยลดปัจจัยความผันผวนระยะสั้น ๆ ไปได้ครับ และแน่นอนว่าอนาคตนั้น โครงการโครงสร้างพื้นฐานที่กำลังจะมา เช่น รถไฟฟ้า รถไฟรางคู่ ฯลฯ ที่กำลังจะทยอยออกมา หรือ แม้แต่การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในอนาคตก็น่าจะช่วยให้ประเทศไทยเป็นที่น่าสนใจมากขึ้นครับ ส่วนบริษัทจดทะเบียนในตลาดเองก็เก่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ออกไปแข่งขันกับต่างประเทศได้ดี ผลตอบแทนของบริษัทก็ไม่ใช่น้อย ๆ ดังนั้นระยะยาวแล้ว บ้านเรายังน่าลงทุนอย่างเห็นได้ชัด

แล้วตะกี้บอกว่าตลาดหุ้นมีโอกาสปรับตัวลดลงได้อีก แล้วเราจะรอให้ได้ของถูกดี หรือ จะลงทุนเลยดีกว่ากัน ? …...เป็นคำถามที่ดีมากครับ (ถามเองตอบเอง) …… แน่นอนว่าไม่มีใครรู้แน่ชัดได้ว่า ตลาดหุ้นจะปรับตัวลดลงถึง 13xx หรือ จะขึ้นไปถึง 16xx กันแน่ ถ้าไม่ลงทุนก็กลัวว่าจะพลาด หรือ ลงทุนตอนนี้ก็กลัวว่าจะได้ของแพง

คำตอบนี้ไม่ยากเลยครับ จริง ๆ ก็เป็นวิธีที่ใครหลายคนใช้อยู่แล้ว นั่นก็คือ การซื้อถัวเฉลี่ยทุกเดือน หรือ DCA นั่นเองครับ ผมบอกได้เลยว่าเป็นวิธีที่ดี และเหมาะกับคนที่ไม่มีเวลาติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เรียกได้ว่าไม่ต้องไปลุ้น ไปสนใจอะไร โยนเงินเข้ากองทุน LTF/RMF ที่หมายตาไว้ก็เพียงพอ (แต่เลือกกองทุนที่ดีหน่อยนะครับ เลือกไม่ดีก็ชีช้ำเหมือนกัน)

เหตุผลอีกประการที่ทำให้การลงทุนกับ LTF น่าสนใจยิ่งขึ้นก็คือ ผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลังระยะยาว หรือ ย้อนหลัง 5 ปี ยังคงดีมากอยู่ และดีกว่าการเอาเงินไปฝากธนาคารกินดอกเบี้ยที่อาจจะได้ผลตอบแทนน้อยไปซักนิด แถมไม่พิชิตเงินเฟ้อ อีกต่างหาก

ถึงแม้ว่าการลงทุนในกองทุนหุ้นจะมีความผันผวนเยอะ แต่จากรูปจะเห็นได้ว่า ถ้าเราลงทุนได้ระยะยาว ๆ ก็มีโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี โดยค่าเฉลี่ยของผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี ของกองทุน LTF นั้นอยู่ที่ประมาณ 12% พอ ๆ กับ RMF ที่เป็นกองทุนหุ้น แต่ในส่วนของกองทุนหุ้นไทยนั้นอยู่ที่ประมาณ 13.6% แต่ว่าถ้าใครเลือกกองทุนได้ดี ได้ถูกต้องละก็ ผลตอบแทนจะเด้งโดดไปถึง 18% เลยทีเดียวครับ โดยเฉพาะกองทุนหุ้นไทยกองทุนที่ดีที่สุดนั้น ทำได้ถึง 20 % ต่อปีเลยละคร้าบ

ถ้าจะให้เห็นภาพมากขึ้น สมมติว่า เราต้องการจะมีเงิน 500,000 บาท โดยการลงทุนเดือนละ 5,000 บาท ในกองทุนหุ้น และกรณีที่ได้รับผลตอบแทน 19% ต่อปี เราจะใช้เวลาแค่ 5 ปีในการลงทุนเท่านั้น หรือ เท่ากับ อายุของ LTF พอดีครับ

แต่ถ้าเราลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ ต้องใช้เวลาถึง 7 ปีกว่า และถ้าฝากเงินในออมทรัพย์ต้องใช้เวลาถึง 8 ปีครับ

ส่วน RMF นั้น ไม่ต้องพูดถึง เพราะเรียกได้ว่าซื้อเพื่ออนาคตระยะยาวมาก ๆ แถมมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบกองทุนอีกต่างหาก ไม่ว่าจะเป็น RMF ตราสารหนี้, อสังหา ฯ , ทองคำ, หุ้น หรือ แม้แต่ RMF ที่ไปลงทุนกับกองทุนต่างประเทศอีกที

ดังนั้น RMF เองก็น่าลงทุน ไม่ด้อยไปกว่า LTF เลยครับ และเผลอ ๆ ในระยะยาว ๆ จะดีกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะว่าเป็นการสร้างวินัยในการลงทุนได้อย่างดี และการลงทุนระยะยาวก็ช่วยลดความเสี่ยงได้ดีที่สุดครับ

เหตุผลสำคัญที่ต้องเน้นการลงทุนระยะยาวนั่นก็เพราะว่า ตลาดหุ้นส่วนใหญ่แล้วจะมีความผันผวนมากในระยะสั้น เนื่องจากราคาหุ้นในตลาดนั้นจะปรับตัวขึ้นลงตามภาวะอารมณ์ของนักลงทุนนั่นเอง เช่นช่วงนี้มีข่าวร้าย ก็กลัวเลยเทขาย แต่ช่วงไหนมีข่าวดี ก็จะกลับเข้ามาซื้อ แต่ถ้าเป็นการลงทุนระยะยาวละก็ มูลค่าของหุ้นจะวิ่งตามกำไรของบริษัทจดทะเบียนนั่นเองครับ ที่สำคัญคือ ผู้จัดการกองทุนรู้เรื่องนี้ดีครับ จึงได้เลือกหุ้นที่มีอนาคต มีผลกำไรที่คาดการณ์ได้ในระยะยาว 3-5 ปีขึ้นไป(บางกองทุนถือกันเป็น 10 ปีครับ) เอามาไว้ในกองทุน LTF/RMF แต่ว่าก็ต้องใช้เวลาในการลงทุนพอสมควรกว่าราคาหุ้นจะวิ่งตามกำไรที่ผู้จัดการกองทุนได้คาดเดาไว้นั่นเอง จึงเป็นที่มาว่าทำไมต้องลงทุนระยะยาวกับ LTF/RMF ครับ

แต่ก่อนจะไปลงทุน เรามาดูกันก่อนว่าวัยแบบเรา