สวัสดีค่ะ วันนี้ปิ่นกลับมาอีกครั้ง เพื่อจะบอกว่า ไม่ว่าใครจะสร้างโลกอีกกี่ใบ แต่รู้มั้ยคะ ว่าเศรษฐกิจโลกใบนี้ของเรากำลังเจอกับความเสี่ยงจาก 3 ด้านค่ะ


ด้านที่ คือ ข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างอเมริกาและจีน

ถึงแม้ว่าอเมริกาจะประกาศเลื่อนการขึ้นภาษี (จากเดิม 10% เป็น 25%) สำหรับสินค้าส่งออกจากจีน มูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ออกไปอย่างไม่มีกำหนด แต่เรื่องก็ยังไม่น่าจะจบลงง่ายๆ เนื่องจากลึกลงไปกว่าการค้า ก็คือการแข่งขันทางเทคโนโลยีระหว่างสองประเทศนี้ เพราะฉะนั้น อเมริกาจึงยังคงดูว่าจีนจะมีท่าทียังไงต่อไป โดยเฉพาะเรื่องการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา และการแก้ไขข้อบังคับที่ว่า บริษัทอเมริกาต้องถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่จีน จึงจะสามารถลงทุนในจีนได้


ด้านที่ คือ เศรษฐกิจจีนที่ชะลอลงกว่าเดิม

ซึ่งคราวนี้มีสาเหตุสำคัญมาจากการที่คนจีนระวังการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะว่ารัฐบาลจีนได้มีนโยบายเข้มงวดในเรื่องการปล่อยสินเชื่อมากกว่าเดิม


ด้านที่ คือ สถานการณ์ทางการเมืองในยุโรปที่ไม่แน่นอน 

โดยเฉพาะเมื่ออังกฤษจะออกจากสหภาพยุโรป ซึ่งถ้าหากออกแบบไร้ข้อตกลง (no deal Brexit) ก็อาจทำให้เศรษฐกิจของประเทศอังกฤษเติบโตน้อยลง และทำให้ขั้นตอนการส่งสินค้าระหว่างอังกฤษกับประเทศต่างๆมีความยุ่งยากมากขึ้น ซึ่งข้อนี้อาจกระทบประเทศอื่นๆในสหภาพยุโรปไปด้วย นอกจากนี้ การเลือกตั้งสภายุโรปและการเลือกตั้งทั่วไปของประเทศอื่นๆ ในยุโรปก็จะเกิดขึ้นในปีนี้เช่นกัน ซึ่งความไม่แน่นอนทางการเมือง อาจทำให้ธุรกิจต่างๆชะลอการตัดสินใจลงทุน และทำให้เศรษฐกิจของยุโรปโดยรวมชะลอมากกว่าเดิม

 

แล้วมันเกี่ยวอะไรกับประเทศไทย

1.  รายได้จากการส่งออกของไทยอาจไม่มากเท่าปีที่แล้ว เพราะเมื่ออเมริกา จีน และยุโรป มีความเสี่ยง ก็อาจทำให้กลุ่มประเทศเหล่านี้ลดการนำเข้าจากประเทศอื่นๆ รวมถึงประเทศไทย

2.  ความไม่แน่นอนของสถานการณ์โลก มักจะทำให้ตลาดเงิน ตลาดหุ้น และค่าเงินของประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทย มีความผันผวนและเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น

ทั้งหมดนี้ เป็นเหตุการณ์สำคัญที่เราต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดต่อไป ในการวางกลยุทธการลงทุนและการบริหารเงินของเราค่ะ