ใครที่กำลังจะมองหาโรงเรียนให้ลูกน้อย น่าจะมีคำถามในใจว่า จะเรียนที่ไหนดี จะเอาแบบธรรมดาดี หรือ สองภาษาดี หรือ แนวอินเตอร์ไปเลยดี

แน่นอนครับ ว่าปัจจัยที่สำคัญที่สุดของการเลือกโรงเรียนให้ลูก ก็คือ "ค่าเทอม" ซึ่งก็คงต้องประเมินจากความสามารถของเราเองว่า ค่าเทอมระดับไหน ที่เราพอจะส่งได้ไปยาวๆ ซึ่งหากเราพอประมาณไว้แล้วว่า เราพอจะส่งได้ปีละเท่าไหร่ ก็ต้องมาดูว่า เหลือโรงเรียนกี่แห่งที่เราสนใจ

แต่จากประสบการณ์ของผมเองในการส่งลูกไปเรียนตลอด เกือบ 6 เดือน ส่วนตัวผมค่อนข้างจะแฮปปี้กับการส่งลูกเรียนโรงเรียนที่ใกล้ๆบ้านครับ เพราะ นอกจากจะไม่เสียเวลาแล้ว การจัดการอื่นๆ ก็ค่อนข้างลงตัวอีกด้วยครับ

ซึ่งผมเลยรวบรวม 5 ข้อดีของการให้ลูกเรียนใกล้บ้าน มีดังนี้

1. “ประหยัดเวลามากๆ”

เพราะ การที่เราใช้เวลาเดินทางสั้น ก็ทำให้ทั้งตัวพ่อแม่และลูก สามารถมีเวลาไปทำอย่างอื่นมากขึ้น เช่น ลูกผมเลิกเรียน ก็สามารถหาที่เรียนกิจกรรมอื่นๆ ได้เลย เช่น พาไปว่ายน้ำ หรือเตะฟุตบอล รวมถึงเรียนภาษาจีนเป็นต้น ก็ทำให้ไม่ต้องพาไปเรียนกิจกรรมอื่นในวันเสาร์ อาทิตย์ ซึ่งคนเยอะ

2. “ประหยัดค่าเดินทาง”

เพราะ การจะขับรถไปรับ หรือนั่งรถ Taxi หรือ ใช้ขนส่งสาธารณะ ก็เสียไม่แพง

3. "ลูกเราไม่ต้องตื่นเช้ามาก"

ซึ่งข้อนี้ก็จะทำให้ลูกของเราได้นอนพักผ่อนอย่างเพียงพอ ก็อาจจะมีผลทำให้สมอง หรือ ความจำดีอีกด้วย

4. "ลืมคำว่าโตในรถได้เลย"

ซึ่งวลีนี้ เกิดขึ้นเพราะ การที่เด็กต้องอยู่ในรถเป็นเวลานานๆ ไม่ว่าจะเป็นการไปส่ง หรือ รับกลับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแทบทุกบ้าน คือ ต้องหาอะไรไปกินในรถ เช่น กินข้าวในรถ เพราะ ต้องรับมือกับการที่ต้องรถติดบนถนนเป็นเวลานานๆ เป็นต้น

5. "รับมือกับเรื่องฉุกเฉินได้ทันใจ"

ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ เช่น เกิดทางโรงเรียนมีประกาศสำคัญเช่น เกิดโรงเรียนมีคนป่วย หรือ มีเหตุการณ์อันตรายในโรงเรียน โรงเรียนก็จะต้องรีบแจ้งผู้ปกครองให้มารับบุตรหลานด่วน ซึ่งหากเรามีบ้านใกล้ๆ เราเองหรือคนที่บ้านก็สามารถไปรับได้อย่างรวดเร็ว

ซึ่งที่ผมมาแชร์ 5 ข้อดีนี้ ก็มาจากประสบการณ์ของผมเองเท่านั้น ดังนั้น หากใครมีข้อเสนอแนะอื่นๆ ก็ลองส่งมาให้อ่านบ้างนะครับ

ขอให้ทุกครอบครัวมีความสุขและสุขภาพการเงินที่ดีนะครับ